ตอน 41 หน้า (1/2)

สุขสันต์ ฟันปาร์ค (1)

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

บางกอกซีดาร์ฟันปาร์ค

บางกอกซีดาร์ฟันปาร์ค... สวนสนุกเปิดใหม่ชานเมืองกรุงเทพ ฯ กำลังเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในช่วงนี้

สุดสัปดาห์ท่ามกลางลมหนาวทำให้บรรยากาศดูเป็นที่ครึกครื้น ผู้คนหนาแน่นเข้าคิวซื้อตั๋วตั้งแต่เช้า

ทอมพาแฟนนี่ กับ ม๊อด...เพื่อนนักเรียนของแฟนนี่ เดินมาจากที่จอดรถ ตรงไปที่หน้าประตูทางเข้า

รุ่งกำลังยืนอยู่หน้าซุ้มขายน้ำ รอวิทย์กับยิ้มซึ่งกำลังไปเข้าคิวแลกตั๋ว

เสียงรถไฟเหาะโรลเลอร์โคสเตอร์แล่นบนรางดังสนั่น สร้างบรรยากาศให้รู้สึกสนุกได้เพียงแค่ได้ยินเสียง

Roller Coaster

ทอมสังเกตุเห็นเพื่อนแต่ไกล รุ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดโปโลสีฟ้า กางเกงลำลองสีเทา รองเท้าผ้าใบสีฟ้า

แฟนนี่มองเห็นรุ่ง ก็รีบวิ่งเข้าไปหา

"พี่รุ่ง ! พี่รุ่ง !"

รุ่งหันมาทางเสียง เขาเห็นสาวน้อยวิ่งเข้ามาหา กลับทำหน้าเลิ่กลั่ก แล้วขยับตัววิ่งหนี

"พี่รุ่ง เอ๊ะ ! ... จะหนีไปไหน ?" แฟนนี่กวักมือวิ่งตาม

รุ่งวิ่งอ้อมกลุ่มคนที่จับกลุ่มกันรอซื้อตั๋ว ปล่อยให้แฟนนี่วิ่งตาม

พอแฟนนี่เริ่มเหนื่อย หยุดวิ่ง เขาก็หยุดหนี แล้วหันมาหัวเราะ

"อะไรกัน ? เป็นสาวแล้วมาวิ่งตามผู้ชาย น่าไม่อาย"

ม๊อด...สาวน้อยผิวคล้ำยืนหัวเราะร่า เห็นเหล็กดัดฟันสีเขียวแวววับเต็มปาก

แฟนนี่ยืนหัวเราะ หายใจแรงเพราะความเหนื่อย ยกมือขึ้นไหว้

"หวัดดีค่ะ พี่รุ่ง ใส่เสื้อเข้ากับรองเท้าเลยค่ะ "

รุ่งก้มลงมองรองเท้าตัวเอง แล้วยักคิ้วให้แฟนนี่

สาวน้อยชี้ไปทางเพื่อน

"นี่ม๊อดค่ะ เพื่อนแฟนนี่ ที่เป็นคนแนะนำให้แฟนนี่ใช้ลูกดิ่ง"

ม๊อดยกมือไหว้รุ่ง แล้วยิ้ม

"หวัดดีค่ะ"

รุ่งยกมือรับไหว้

"หวัดดีครับ ฮั่นแน ! ... ในปากมีทางด่วนด้วย"

ม๊อดหัวเราะคิกคัก

"ค่ะ อีกฉองวันจะไปเปลี่ยนฉีแระ"

ทอมหัวเราะเบา ๆ ส่วนรุ่งปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น

"ฮ่า ๆๆๆ แวร์อาร์ยูฟร๊อม ?"

ทอมปรามเพื่อน

"นี่ น้องเค้าดัดฟันอยู่ ก็พูดไม่ชัดน่ะ นั่งในรถมาก็มีแต่ชอช้าง กับ ฉอฉิ่งตลอดทาง เหอ ๆ "

รุ่งสั่นหัว

"ไม่ใช่ดิ ไอ้สอเสือ เป็นฉอเฉือเนี่ย มันมาจากส่วนลิ้น ไม่ได้มาจากฟัน ถึงถอดทางด่วนออก แอ๊คเช่น ก็เหมียนเดิม เข้าใจป่าวน้อง ? ฉำเนียงอะ แหมหน้าตาก็ฉวยชะ พูดฉอเฉือม่ายล่าย เหอ ๆๆๆ"

แฟนนี่หัวเราะชอบใจ

"ใช่ ๆ ค่ะ พี่รุ่ง ตอนม๊อดยังไม่ดัดฟัน เค้าก็พูดสอเสือไม่ชัด"

ม๊อดพยักหน้าหงึก ๆ

"ค่ะ ๆ คุณแม่พยายามปรับให้อยู่ค่ะ"

รุ่งหัวเราะ

"เอิ๊ว...! ไปปรับที่คุณแม่ แล้วเราจะพูดชัดเรอะ ?"

ม๊อดหัวเราะ

"ไม่ใช่คะ ม๊อดหมายถึง คุณแม่ก็เตือนบ่อย ๆ ค่ะ"

ทอมถามขึ้น

"แล้วน้องวิล่ะ มาหรือยัง ?"

รุ่งชี้ไปทางลานน้ำพุ

"วิกับเพื่อนไปถ่ายรูปอยู่ที่น้ำพุ"

รุ่งมองหมวกแก๊ปสีน้ำเงินบนหัวของทอม เธออยู่ในชุดเสื้อยืดสีเทา กางเกงยีนส์สีน้ำเงินซีดขาบาน สวมแว่นกันแดด

"ซับเหงื่อหน่อยมั้ย ?"

ทอมขมวดคิ้ว มองหน้าเพื่อน

"อะไร ? อากาศเย็น มีเหงื่อที่ไหน ?"

"เติมแป้งหน่อยมั้ย ? หรือขยับหมวกไปทางซ้ายอีกนิดดีมั้ย ?"

เธอเหล่มองรุ่งด้วยสายตา

"มีอะไรมากวนตีนอีก ?"

"อย่าหน้าบึ้งซีครับ ช่างภาพเขากดภาพคุณอยู่นะครับ ยิ้มอีกหน่อย อ้าว ! ... อย่าทำหน้าเหมือนกับจะรับประทานผมซีครับ เป็นนางแบบก็ต้องแคร์สื่อหน่อยนะครับ"

ทอมยกมือท้าวสะเอว

"ชั้นแต่งตัวแบบนี้ มันหนักหัวแกตรงไหน ?"

"ป่าวนิ ! ก็สวยตายห่า เหมือนนางแบบ หมวกก็เท่สุด ๆ หึ ๆ"

ม๊อดกับแฟนนี่ยืนหัวเราะคิกคัก

หัวของรุ่งถูกผลักอย่างแรงจนตัวเซ เขาหันหลังกลับมา เห็นเพื่อนแว่นยืนหัวเราะ

"ไอ้ซ่ง ! เล่นแรงนะมึง"

รุ่งเหลือบไปเห็นยิ้ม ยืนอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ เธอแต่งตัวแปลกตาไป ใส่เสื้อยืดกางเกงลำลองสามส่วน

"อ้าวยิ้ม ! หวัดดีครับ ไอ้ห่านี่ไปรับมาเหรอ ? วันนี้แต่งตัวน่ารักจัง อย่าไปเดินกับไอ้ห่านี่เลย ยิ้มมาเดินกับเราดีกว่า"

"รุ่งสบายดีเหรอคะ ? รู้มั้ยวันนี้ใครมาด้วย ?"

รุ่งหัวเราะเบา ๆ

"ได้ฟังยิ้มพูดคำว่า คะ มันหวานจนจะราด อิ อิ ว่าง ๆ สอนไอ้ทอมมันพูดเพราะหน่อยสิยิ้ม"

ทอมผลักหลังรุ่ง

"ชั้นพูดไม่เพราะตรงไหน ?" แล้วหันไปหายิ้ม

"สวัสดี ยิ้ม"

รุ่งถามแซงขึ้น
"ยิ้มว่าใครจะมาด้วยเหรอ ?"

"ก็คนที่หลงเสน่ห์รุ่งไงคะ ? อย่าทำหน้างงสิ รุ่งคงหวานเสน่ห์ไปทั่ว เลยจำไม่ได้ว่าใคร"

ทอมยื่นหน้าเข้ามาใกล้หนุ่มเจ้าเสน่ห์

"ไอ้กะล่อน !"

รุ่งผลักหน้าทอมออกไป

"อย่ายุ่งน่า ! ... ใครเหรอยิ้ม ใครมาด้วย ?"

"เดี๋ยวก็รู้เองน่า"

ทอมแนะนำให้วิทย์ กับ ยิ้ม รู้จักกับ แฟนนี่ และ ม๊อด

ม๊อดยกมือไหว้ ส่งยิ้มให้รุ่นพี่ทั้งคู่

วิทย์เห็นรอยยิ้มของม๊อด ปากก็โพล่งทันที

"โห ! ... น้องม๊อด ลอดช่องเต็มปากเลย ไม่ได้แปรงฟันมาเหรอน้อง ?"

ทุกคนหัวเราะครืน

ทอมจับหัวม๊อด

"นี่เรา วันนี้คงเป็นเรื่องให้เขาพูดกันทั้งวันแน่"

ม๊อดหัวเราะ

"ฮิ ฮิ... อีกฉองวัน เลือดเต็มปาก"

วิทย์ขมวดคิ้ว

"หือ ? อะไรเลือดเต็มปาก ?"

"ม๊อดจะเปลี่ยนเป็นฉีแดงค่ะ อิ อิ"

"อือ เหรอ ฮ่า ๆๆ คงน่ารักระยำ"

รุ่งยกมือตบหัวเพื่อนเบา ๆ

"ไอ้ห่านี่ ! พูดคำหยาบกับน้องอีกแล้ว"

วิทย์หัวเราะ ยกมือชูบัตรสมาร์ทการ์ดปึกหนึ่งขึ้น

"เอ้า...! ได้บัตรเข้าแล้ว น้องวิกับเพื่อนไปไหนแล้ว ?"

รุ่งฉวยสมาร์ทการ์ดจากมือวิทย์มาดู

"โห...! อินเทรนด์สุด ๆ ! เดี๋ยวนี้ตั๋วเข้าสวนสนุกเป็นบัตรเอทีเอ็มแล้วเหรอ ?"

"เอทีเอ็มโคตรมึงดิ เค้าเรียกสมาร์ทการ์ด การ์ดนี่เติมเงิน แล้วสะสมแต้มได้ เวลาเล่นเครื่องเล่นอะไร มันจะบันทึกตัดราคาได้ แล้วโอนเงินจากพวกอินเตอร์เน็ทแบ๊งกิ้งเข้าในบัตรได้ แต่ต้องสมัครสมาชิกก่อนถึงจะได้เลขประจำตัวสมาชิก แล้วค่อยใช้รับเงินผ่านอินเตอร์เน็ทแบ๊งกิ้งได้"

รุ่งพยักหน้า มองดูตั๋วสมาร์ทการ์ด มีลวดลายเป็นรูปโลโก้ของบางกอกซีดาร์ฟันปาร์ค

"อือ เดี๋ยวนี้ทำอะไรก็ต้องออนไลน์เชื่อมต่อกันหมด อีกหน่อยขี้ไม่ออก คงมีเซ็นเซอร์รับสัญญาณไปบอกร้านขายยาให้ส่งยาถ่ายมาที่บ้าน"

วิทย์หัวเราะ

"อือ... เข้าท่าว่ะ ! กูจะติดเซนเซอร์ให้เตี่ยกูบ้าง ส่งสัญญาณไปบอกเทศบาลเลย เวลาเตี่ยกูขี้ไม่ออก ให้เทศบาลเอารถดูดส้วมมาดูดจากตูดไปเลย เหอ ๆๆ"

ทุกคนฟังแล้วหัวเราะ

ทอมพูดขึ้น

"ถ้าพร้อมแล้ว ชั้นจะเดินไปตามน้องวิ"

พูดแล้วพยักหน้าชวนยิ้มเดินออกไปทางลานน้ำพุ มีแฟนนี่กับม๊อดเดินตามไปด้วย

วิทย์พูดกับรุ่ง

"มึงยื่นใบลาออกหรือยัง ?"

รุ่งพยักหน้า

"อือ เพิ่งยื่นวันก่อน"

"แล้วไอ้เหี้ยนั่นมันว่าไง ?"

"ก็คุยดี จากกันด้วยดี แต่มีเรื่องที่กูฟังแล้วก็ชะงัก มาได้คิด กูเพิ่งรู้ว่าเค้ามองกูยังไง"

"เค้ามองมึงยังไง ?"

"เค้าบอกว่ากูเป็นคนทำงานเก่ง ฉลาด หัวไว แต่ไม่เฉลียว กูเลยวางตัวพลาด ไม่ได้คิดรอบด้าน เวลานึกจะทำอะไร ก็ทำโดยไม่สนว่าจะกระทบใครบ้าง"

วิทย์พยักหน้า

"อือ มึงไปทำไรวะ ? เค้าบอกหรือเปล่า ?"

"อือ ก็ตอนกูเข้าไปทำงานแรก ๆ ฝ่ายอาร์แอนด์ดีพวกเขียนซอฟท์แวร์ แม่งคุยกับการตลาดไม่รู้เรื่อง เจ้านายกูก็ซัดแหลก เป็นผู้จัดการการตลาด ยังไงก็เขี้ยวเล็บมากกว่าฝ่ายอาร์แอนด์ดี เวลาไล่งานทีไร เจ้านายกูอัดพวกแผนกนั้นเละหมดเลย พอกูเข้าไปทำ กูก็เห็นว่าไอ้เรื่องที่พูดกันไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย แค่เวลาการตลาดจะทำอะไร ก็ไปนั่งเล่าให้ฝ่ายอาร์แอนด์ดีฟังก่อน แล้วให้เค้าซักถามว่าเราต้องการยังไง เค้าจะได้เขียนโปรแกรมได้ตรง มันก็เรื่องง่าย ๆ เพียงแต่ ต้องมีคนไปนั่งเล่าให้เค้าฟัง พวกเขียนซอฟท์แวร์ เวลาถาม ก็จะถามเยอะหน่อย เพราะเค้ามีกรอบในการเขียนของเค้า เราก็ต้องเล่าละเอียดเลยว่า ทำไมถึงจะออกสินค้าแบบนี้ ในเวลานี้ ด้วยราคาเท่านี้ เงื่อนไขแบบนี้"

วิทย์พยักหน้าเข้าใจ เพราะที่ทำงานของเขา ก็มีเรื่องที่ต้องประสานงานกับแผนกไอทีเหมือนกัน

"อือ แล้วไง ?"

"พอการตลาดจะออกอะไรใหม่ กูก็ไปเล่าให้เค้าฟังก่อนเลย เล่าละเอียดเลย พวกเค้าก็เข้าใจ พอถึงเวลาประชุมผู้บริหาร พวกผู้จัดการแผนกไปประชุมกับจีเอ็ม คราวนี้ฝ่ายซอฟท์แวร์เข้าใจมาก่อนแล้ว เวลาพูดอะไร ก็ตอบได้ เสริมได้ ไม่ถูกอัดจากแผนกการตลาดอีก ฝ่ายซอฟท์แวร์ก็พอใจ พวกเค้าก็ชอบกูทุกคน"

"อือ ก็ดีแล้วไง ไม่เห็นมีอะไรเสียหายตรงไหน"

รุ่งสั่นหัว

"ที่ไหนล่ะ เสียดิ กูเพิ่งรู้ว่า พี่อดิศรเค้าโกรธมาก ที่กูไปทำอย่างนั้นโดยไม่ขออนุญาตเค้า แล้วเค้าก็ห้ามกูไม่ได้ เพราะฝ่ายอื่น ๆ ก็ชื่นชมกู เค้าก็เลยไม่แตะกูเรื่องนี้ ปล่อยกูทำไป กูก็สังเกตุว่า พี่อดิศรไม่เคยชมกูเลย เรื่องที่กูไปประสานงานกับแผนกอื่น ๆ ตอนนี้ เพิ่งมารู้ว่า เค้าน่ะ ปกติใช้เวลาประชุมกับจีเอ็ม เพื่ออัดแผนกอื่น ๆ เวลามีเรื่องผิดพลาดที่ทำให้ลูกค้ากระทบ แผนกอื่นซวยเป็นแถว แล้วเค้าก็ไล่บี้คนอื่นเหมือนกับมีแต้มเหนือกว่า แต่พอมีกูเข้าไปประสานงาน เค้าอัดแผนกอื่นไม่ได้แล้ว เพราะแผนกอื่นผิดพลาดน้อยลง แล้วแผนกอื่น เริ่มอัดแผนกการตลาดกลับบ้าง เพราะเค้าเริ่มรู้เรื่องข้างในของแผนกการตลาดมากขึ้น มันมีเรื่องผิดพลาดในแผนกกูที่เค้าเริ่มเห็นกัน"

วิทย์พยักหน้าเข้าใจทันที

"อือ... มึงไม่เข้าใจการเมืองของเค้าล่ะดิ เรื่องพวกนี้มันละเอียดอ่อนว่ะ"

"ใช่ กูไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ กูทำงานก็ทำเพื่อจะให้ทุกอย่างราบรื่น ไม่ได้คิดว่าต้องทำเพื่อรักษาหน้าใคร แต่กลับเป็นการไปหักหน้าเจ้านายตัวเอง แล้วอีกอย่าง กูไม่เคยเข้าหาเค้าเลย นี่เค้าพูดตรง ๆ เลยนะ ว่ากูน่ะ ฉลาดแต่ไม่เฉลียว ถ้ากูอ่อนกว่านี้ พยายามทำตัวเป็นคนของเค้า มันก็ทำงานกันไปได้เรื่อย ๆ แต่กูแสดงตัวออกมาเลยว่า เป็นคนของพี่ปีเตอร์ ทั้ง ๆ ที่ใคร ๆ ก็รู้ว่า เค้าไม่ถูกกับพี่ปีเตอร์ แต่กูไม่เคยเกรงใจเค้า มีอะไรก็กูก็จะชูพี่ปีเตอร์ตลอด"

วิทย์พยักหน้า

"แล้วจริงอย่างเค้าว่าหรือเปล่าล่ะ ?"

รุ่งพยักหน้า

"ก็ อือ... ถ้าพูดตรง ๆ ก็ใช่เหมือนกัน มาคิด ๆ ดูแล้ว เค้าก็พูดถูกหลายเรื่อง หลายครั้งที่กูทำไปนี่ ฉีกหน้าเค้าชัด ๆ แล้วสิ่งที่กูทำ กลับทำให้เค้าเกลียดพี่ปีเตอร์มากขึ้น"

รุ่งมีสีหน้าที่เรียบเฉย เหมือนกับว่ายอมรับว่าส่วนหนึ่ง ก็เป็นความไร้เดียงสาในการเมืองของเขาเอง

วิทย์ยักคิ้วให้

"เป็นบทเรียนแล้วกันวะ ที่ไหน ที่ไหน แม่งก็มีการเมือง ก็ต้องระวังว่ะ"

"อือ... เรื่องนี้กูสู้มึงไม่ได้ มึงถนัดแล้วก็คล่องเรื่องพวกนี้ บางทีกูอาจจะไม่เหมาะกับทำงานบริษัทแบบนี้ว่ะ มันจุกจิกอะไรมากมายเหมือนกัน บางทีกูมองคนไม่ขาด คือ กูทำให้คนรักได้นะ แต่กูจะทำให้คนที่เกลียดกู ให้เค้าเกรงใจ ให้เค้าไม่กล้าแหย่นี่ ยากว่ะ ทำให้คนรัก ง่ายกว่าซะอีก มึงเข้าใจปะ ?

วิทย์พยักหน้า

"เออ เข้าใจ ภาษามึงนี่ กูเข้าใจมาตลอด มึงน่ะมีคนรักเยอะ แต่มึงไม่เคยรู้ว่าศัตรูเป็นใครไง ใช่ปะ กูนี่คนรักไม่เยอะเท่ามึง แต่กูมองออกว่าใครไม่ชอบกู แล้วกูก็วางตัวเป็น รู้ว่าจะทำไงไม่ให้เค้าเล่นงานกู"

รุ่งพยักหน้า

"เออ ๆๆ ใช่ มึงพูดยังงั้น ใช่เลย มึงเก๊ท"

"เออ เรื่องของมึงน่ะ กูเก๊ทมาตลอด แต่เรื่องของยิ้มดิ กูไม่ค่อยเก๊ท"

รุ่งหัวเราะหึ ๆ

"ยิ้มมีเรื่องอะไร ?"

"เรื่องพวกสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรเนี่ย กูไม่ค่อยเข้าใจว่ะ มึงเคยได้ยินเรื่องผูกกายผูกจิตหรือเปล่า ?"

รุ่งสั่นหัว

"อึ๊ ... ไม่เคย รู้แต่เรื่องท้องผูก"

วิทย์หัวเราะคำตอบ

"ถ้าแค่เรื่องท้องผูกนะ กูคงไม่ถามมึงหรอก ยิ้มน่ะ เค้าให้ท่านแม่ผูกกายไว้กับแม่ เวลาแม่ป่วยเค้าก็จะรู้อาการ"

รุ่งขมวดคิ้ว

"มึงพูดไรวะ ? ใครให้แม่ใครผูกอะไรกับใคร ?"

"แม่ยิ้มน่ะป่วยเป็นเนื้องอกในลำไส้ ยิ้มก็ให้ท่านแม่ที่เป็นเทวดาน่ะช่วยรักษา ใช้ยาสมุนไพรที่ท่านแม่มาบอก แต่สมุนไพรน่ะ มันระงับปวดไม่ได้เหมือนยาฝรั่ง ยิ้มก็ต้องใช้พลังช่วยตอนแม่ปวด แล้วหลัง ๆ นี่ แม่ปวดไม่เป็นเวลา บางวันแม่นอนปวดทั้งวัน ยิ้มกลับไปบ้านก็เพิ่งรู้ เค้าก็เลยหาวิธีว่า ทำยังไงเวลาแม่มีอาการน่ะ เค้าจะรู้ทันที ท่านแม่ก็เลยบอกให้ใช้วิธีผูกจิตติดกัน เวลาแม่มีอาการ ยิ้มก็จะมีอาการไปด้วย เป็นสัญญาณว่าตอนนี้แม่เจ็บอีกแล้ว ยิ้มก็จะเจ็บด้วย เรียกว่าผูกกายผูกจิต"

รุ่งอ้าปากค้าง

"โอ... แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ สุดยอดเลย !"

"อือสุดยอดมั้ยล่ะ ? คราวนี้จากป่วยคนเดียว กลายเป็นป่วยสองคนเลย เหี้ยเลย"

รุ่งเห็นภาพทันที

"อือ.. เหี้ยน่ะมึง ! ยิ้มน่ะสุดยอด มีลูกคนไหนทำได้ขนาดนี้วะ ?"

วิทย์จับแขนรุ่ง

"ไม่ตลกเลยนะ ไอ้รุ่ง มึงเห็นเวลายิ้มปวดท้อง กูว่าเค้าปวดยิ่งกว่าแม่เค้าอีก มีอยู่วันนึงไปเดินเซ็นทรัล เดิน ๆ อยู่ทรุดลงไปนั่ง หน้าซีด กูนึกว่าไส้ติ่งแตก ยิ้มบอกให้รีบพากลับบ้าน เพราะเป็นสัญญาณว่าแม่กำลังมีอาการ"

สีหน้าวิทย์แสดงถึงความไม่สบายใจ

รุ่งพยักหน้ารับรู้ เขาดัดเสียงให้เหมือนนักพากย์หนัง

"ความรักที่แท้จริง เป็นดั่งนี้เชียวหนอ เมื่อเธอเจ็บ ฉันเจ็บยิ่งกว่า เมื่อแม่เธอเจ็บ ฉันเจ็บยิ่งกว่าแม่เธอ เมื่อโคตรเธอเจ็บ..."

ไม่ทันจะพูดจบประโยค นายซ่งก็ใช้เท้ายันก้นเพื่อนจนเซไป

"อ้ายเหี้ยนี่ !... แทนที่จะช่วย เสือกดันมาตลกตอนนี้"

รุ่งหัวเราะ ยกมือปัดก้น

"มึงกลัวอะไรวะ ? ยิ้มมีท่านแม่ดูแลอยู่ ยังไงท่านก็ต้องดูแลให้ยิ้มปลอดภัย"

วิทย์พยักหน้า

"อือ ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น"

สาว ๆ กับกลุ่มเพื่อนวิเดินกลับมาจากลานน้ำพุ

วิเดินมาพร้อมเพื่อนสมัยมัธยมปลายอีกสองคู่ ชายสอง หญิงสอง

เมื่อเดินมาถึงกลุ่ม วิก็แนะนำเพื่อนทั้งสี่คนให้ทุกคนรู้จัก

"นี่เจนค่ะ นี่แบ๊งค่ะ แฟนกัน แล้วก็นี่จิ๋ม กับ นุ ค่ะ กำลังจะเป็นแฟน"

วิพูดแล้วหัวเราะ

จิ๋มยกมือผลักเพื่อน

"อะไรอะ วิ ? ใครบอกเธอว่าชั้นจะเป็นแฟนกับไอ้นี่ ?"

หนุ่มหน้าใสชื่อนุ ทำหน้าเป็น

"อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวเข้าถ้ำล่องแก่งก็รู้เอง"

เพื่อน ๆ วิพากันหัวเราะ เป็นที่รู้กัน ส่วนรุ่งกับทอมไม่เข้าใจในความหมาย

รุ่งจ้องหน้าสาวจิ๋ม

"ซือก้อยว่ะ ! สมัยนี้ ยังมีคนตั้งชื่อลูกว่าจิ๋มอีกเหรอ ? ไม่เข็ด ไม่เข็ด"

วิทย์หัวเราะหึ ๆ แล้วปากก็เริ่มทำงานทันที

"ยินดีที่ได้เห็นจิ๋มเป็นครั้งแรกครับ"

รุ่งหัวเราะก๊าก ทอมยกศอกกระทุ้งเอววิทย์

"ไอ้ลามก ! น้องนุ่งก็ไม่เว้น"

"กูลามกตรงไหน ? มึงล่ะคิดมากไปเอง อีลักเพศ !"

ทอมถลึงตาใส่นายซ่ง

เพื่อน ๆ วิหัวเราะคิกคัก ม๊อดหัวเราะเห็นฟันเขียวไปหมด

วิทย์ชี้ไปที่ปากม๊อด

"ระวังลอดช่องหลุด"

ม๊อดรีบยกมือขึ้นปิดปาก

กิ๊วเดินเข้ามาควงแขนรุ่ง

"พี่รุ่ง คิดถึงน้องกิ๊วมั้ย ? เมื่อกี๊จากกันไปตั้งสิบกว่านาที คิดถึงพี่รุ่งมากมาย คริ คริ"


รุ่งหัวเราะหึ ๆ

"เย็นนี้แต่งงานกันเลยมั้ย กิ๊ว ?"

กิ๊วกระโดดเหยง ๆ

"เอา ๆๆๆ วิ เป็นพยานนะเว้ย ! ชั้นได้เป็นพี่สะไภ้แกแล้ว"

วิหัวเราะในความเซี้ยวของเพื่อน

"เราเข้าไปข้างในกันเถอะ เดี๋ยววิต้องไปหาคุณอาข้างในออฟฟิศก่อน พี่วิทย์แลกบัตรได้แล้วใช่มั้ยคะ ?"

วิทย์ชูสมาร์ทการ์ดขึ้นมา

ทุกคนทยอยกันเดินไปต่อแถวที่ประตูใหญ่

กิ๊วรั้งแขนรุ่งให้หยุดเดิน ปล่อยให้พรรคพวกเดินนำหน้าไปก่อน

"ยืนรออะไรล่ะ กิ๊ว ?"

"มีเรื่องจะถามพี่รุ่ง พี่รุ่งคุยกับวิบ้างหรือเปล่า ช่วงนี้ ?"

รุ่งนึกสักอึดใจ

"ไม่ค่อยเท่าไหร่ ล่าสุดเจอกันที่โรงเรียนสอนภาษา แล้วก็ไม่ได้คุยกันอีก มีอะไรเหรอ ?"

"วิเค้าดูซึม ๆ ไป แล้วก็เก็บตัวมากขึ้น เหม่อลอยบ่อย ๆ เชื่อมั้ยว่าก่อนมาวันนี้วิไม่ได้คุยกับกิ๊วมาสามสี่วันแล้ว"

"ทะเลาะกันเหรอ ?"

"ไม่ได้ทะเลาะนะ วันนี้เจอกันก็คุยปกติเลย"

"แล้วกิ๊วไม่ถามไปเลยล่ะ ว่าวิเป็นอะไร ?"

"ถาม เค้าก็คงไม่ตอบหรอก พี่รุ่งเป็นพี่ชาย วิอาจจะบอกก็ได้ บางทีวิอาจจะมีเรื่องที่ไม่อยากจะให้เพื่อนรู้ กิ๊วว่างั้นนะ"

รุ่งพยักหน้า

"อือ ก็อาจใช่ เดี๋ยวลองให้พี่ทอมเค้าลองถาม ๆ ดีกว่า ผู้หญิงคุยกันคงน่าจะเข้าใจกันมากกว่า"

กิ๊วพยักหน้า

"ค่ะ ๆ พี่ทอมก็ดีเลย ห่าว ๆ"

*****************************************************************************************

วินั่งอยู่ที่โซฟา ในห้องรับแขกของส่วนออฟฟิศ

ชายวัยประมาณห้าสิบปี อยู่ในชุดเสื้อโปโลสีเทามีโลโก้ซีดาร์ฟันปาร์คติดอยู่ที่หน้าอก กางเกงขาสั้นสามส่วนสีน้ำตาล ถุงเท้ากีฬา รองเท้าผ้าใบ เดินตรงมาที่โซฟา

วิรีบลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้

"สวัสดีค่ะ อาน้อย"

เขายกมือรับไหว้ ส่งยิ้มให้กับวิ

"สวัสดี น้องวิ มากันกี่คนล่ะ วันนี้ ?"

"สิบกว่าคนค่ะ วันนี้ น้องวิมาเป็นวันแรกนะคะ พี่จ๊อด พี่ต่อ กับ ต้น พวกเค้ามากันหมดแล้ว"

อาน้อยพยักหน้ารับรู้

"ใช่ ๆ อาทิตย์ที่แล้วอาก็เจอจ๊อด พาเพื่อนมา แล้วคุณพ่อคุณแม่ สบายดีเหรอ ?"

"ค่ะ สบายดี ที่อาน้อยใส่อยู่เป็นชุดพนักงานที่นี่เหรอคะ ? เก๋ดี เหมือนนักกีฬา"

เขาก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเอง

"ใช่ ๆ ที่นี่เราแต่งตัวกันแบบนี้ ทั้งผู้บริหารกับพนักงาน แต่งตัวเหมือนกันหมด เพียงแต่แยกสีว่า พนักงานที่อยู่ในฟีลด์ให้บริการในปาร์คจะเป็นเสื้อสีส้ม คนที่อยู่ในออฟฟิศจะใส่เสื้อสีเทา แล้วก็ทุกคนใส่รองเท้าผ้าใบ จะได้ดูกระฉับกระเฉง"

"ค่ะ วิมาขอบคุณอาน้อย ที่ให้บัตรวีไอพีค่ะ เพื่อน ๆ ตื่นเต้นกันใหญ่เลย เพราะเห็นโฆษณาก็เลยอยากมา แต่เสียดายที่มาไม่ทันตอนที่มีคอนเสิร์ต เค้าว่าคนเยอะมากใช่มั้ยคะ ?"

"ใช่ ๆ ลงทุนไปหลายเหมือนกันนะ อาต้องขอบคุณบ้านไตรสรณ์มากกว่า ที่อุตส่าห์พาคนมาเที่ยว พวกเค้ากลับไปแล้ว ก็จะไปบอกกันปากต่อปากว่าที่บางกอกซีดาร์นี่ ไม่เหมือนที่ไหน"

เขาหันไปหาพนักงานสาวที่เคาน์เตอร์

"ดาจ๊ะ ดา หาน้ำมารับแขกหน่อย"

วิรีบห้าม

"ไม่เป็นไรค่ะ วิเพิ่งทานน้ำมา เอ้อ... อาน้อย พี่รุ่งมาด้วยนะคะ"

เขาเลิกคิ้วถามทันที

"รุ่งมาด้วยเหรอ ? แล้วอยู่ไหน ? พารุ่งเข้ามาหน่อยสิ"

"พี่รุ่งรออยู่ข้างนอกค่ะ เดี๋ยวน้องวิไปพาเข้ามานะคะ"

อาน้อยมีท่าทางดีใจ หันไปบอกพนักงานสาว

"ดา เดี๋ยวน้องวิกลับเข้ามา พาไปหาผมที่ข้างในเลยนะ"

*****************************************************************************************

"พี่รุ่ง พี่รุ่ง" วิเรียกขึ้น ในขณะที่รุ่งกำลังยืนคุยกับแฟนนี่และทอม

"พี่รุ่ง จำอาน้อยได้มั้ย ? อาน้อยอยากเจอพี่รุ่งค่ะ พี่รุ่งเข้าไปหากับน้องวินะคะ"

"อาน้อยไหนเหรอ ?"

"เดี๋ยวเห็นหน้า พี่รุ่งก็อ๋อเองแหละ"

"อือ ๆ ได้" เขาเดินตามวิเข้าไปในส่วนออฟฟิศ

วิกับรุ่ง ถูกพาเข้ามาในห้องทำงานของผู้บริหารที่สวยงาม และ เรียบง่าย

ด้านขวาเป็นกระจกบานใหญ่ เห็นวิวของสวนสนุก และ สวนต้นไม้

แต่ที่สะดุดตาเขามากที่สุด คือ รูปหล่อทองคำของหลวงพ่อซึ่งตั้งอยู่บนหิ้งสูงสุด ข้างขวาเป็นรูป ร.5 ข้างซ้ายเป็นรูปหล่อของนักรบถือดาบบนหลังช้าง ซึ่งคุ้นตาเขาอย่างมาก

รุ่งเห็นหน้าผู้ที่เชิญเขาเข้ามาก็เริ่มคุ้น ยกมือขึ้นไหว้

"สวัสดีครับ"

อาน้อยเดินเข้ามาจับที่หัวไหล่

"รุ่ง จำอาได้มั้ย ?"

"จำได้ครับ เจอกันในงานศพคุณปู่ คุณอาทำงานที่นี่เหรอครับ ?"

อาน้อยหัวเราะ

"ใช่ครับ ที่นี่เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ซีดาร์ฟันปาร์ค กับ ครอบครัวของอาน่ะ"

รุ่งทำตาโต

"อ้าว ! ... เหรอครับ ? ผมนี่โง่จริง ! ขอโทษครับ ตอนชวนมาเที่ยวสวนสนุกน้องวิบอกว่า ที่นี่เป็นของกิจบูรณา ผมก็ยังไม่รู้ว่าใคร ตกลงคุณอาคือคนในครอบครัวกิจบูรณาน่ะเอง ในงานศพผมรู้จักคนเยอะมาก จำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร"

"อือ... ไม่แปลกหรอกนะ รู้มั้ยในงานศพคุณปู่น่ะ มีคนของกิจบูรณาไปกี่คน ?"

รุ่งหันมามองหน้าวิ แล้วยักไหล่

"ไม่รู้ครับ"

"ยี่สิบกว่าคน"

วิเขย่าแขนรุ่ง

"พี่รุ่งจำวันสุดท้ายที่ถ่ายรูปหมู่ได้หรือเปล่า ? เราถ่ายกับครอบครัวแขกที่มีคนเยอะที่สุดเลย จำได้มั้ย ?"

รุ่งเริ่มนึกออก

"อือ ๆ จำได้แล้ว แต่ตอนนั้นพี่ไม่รู้จักกิจบูรณา เหอ ๆ"

เขาหัวเราะ แล้วหันมาก้มหัวให้อาน้อย

"ขอโทษครับ สมัยนั้นผมไม่ค่อยได้อ่านหนังสือพิมพ์ เลยโง่ครับ"

อาน้อยหัวเราะ เขายืนมองหน้ารุ่ง แล้วก็ยิ้ม ผงกหัว

"รุ่ง เรานี่หน้าตาไม่ทิ้งแถวนะ อามีอะไรอยากให้เราดู มา ทั้งสองคนมาดู"

เขาเดินไปที่ริมผนังกระจก ชี้ไปที่เรือนไม้ที่กำลังสร้าง

"เห็นเรือนไม้โน่นมั้ย ? อาจะสร้างเป็นที่ปฏิบัติกรรมฐาน ตอนนี้ก็เสร็จประมาณเจ็ดสิบเปอร์เซนต์แล้ว อาอยากให้รุ่งมาเห็น แล้ววันนี้รุ่งก็ได้มา"

รุ่งมองไปที่เรือนไม้ จากการคะเนด้วยสายตา เรือนนี้น่าจะจุคนได้มากกว่าร้อยคน

อาน้อยพูดขึ้น

"เมื่อสร้างเสร็จแล้ว อาจะบอกให้รุ่งรู้ แล้วพามาดูอีกครั้งนะ"

รุ่งพยักหน้า

"ครับ"

โทรศัพท์มือถือของอาน้อยดังขึ้น เขากดรับสาย

รุ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงเป็นคนสำคัญที่คนนามสกุลกิจบูรณาอยากจะให้มาเห็นเรือนไม้แห่งนี้

อาน้อยคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน หยิบนามบัตร แล้วยื่นให้รุ่ง

"รุ่ง เก็บนามบัตรอาไว้ ถ้ารุ่งจะพาเพื่อนมาเที่ยวที่นี่ โทรบอกอานะ"

รุ่งรับนามบัตรแล้วยกมือไหว้

"ขอบคุณครับ"

"เดี๋ยวอาต้องไปธุระข้างนอก มีเพื่อนรออยู่ใช่มั้ยล่ะ ? อาไม่กวนแล้ว เล่นให้สนุกนะ มีอะไรขัดข้องโทรหาอาได้นะ น้องวิ"

รุ่งเหลือบตามองไปที่รูปหล่อบนหิ้งอีกครั้ง แล้วถามขึ้น

"คุณอาครับ นักรบขี่ช้างนั่นใครครับ ?" รุ่งชี้มือไปบนหิ้ง

พระเจ้าพรหมมหาราช

อาน้อยหันไปมองที่หิ้ง แล้วยิ้ม

"เรารู้จักมั้ยล่ะ ? ท่านคือพระเจ้าพรหมมหาราช เป็นบูรพกษัตริย์ที่กิจบูรณานับถือ บนหิ้งนั้น ทั้งสามท่าน ครอบครัวของอานับถือทั้งหมด รวมทั้ง เสด็จพ่อร.ห้า และ หลวงพ่อด้วย"

*****************************************************************************************

อ่านหน้าต่อไป >