ตอน 17

ทางที่ฉันเลือกเอง

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

ลูกสาวคนโตของเถ้าแก่ไพบูลย์ได้โอกาสกลับมาบ้านเนื่องในวาระวันหยุดยาว

หมวยเล็กโยนสัมภาระไว้ที่พื้นห้องปลายเตียง แล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำล้างเหงื่อไคลที่ติดตัวระหว่างเดินทาง

เธอควรทำตัวเองให้อยู่ในสภาพที่ดูสดใสร่าเริงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาทุกครั้ง แต่อีกใจหนึ่งเธอก็คิดว่า บางที เขาอาจจะชอบผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ ร่าเริงน้อยกว่านี้อีกนิด แต่คุยเรื่องเป็นงานเป็นการได้มากกว่า

แต่... นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอเป็น อย่างน้อยก็ ณ ตอนนี้ เด็กสาวมหาวิทยาลัยอย่างเธอควรจะใช้ชีวิตได้อย่างสดใสร่าเริง มีอิสระเหมือนกับดอกไม้ยามแรกผลิบาน

คำว่า 'อิสระ' ที่พี่สมชายพูดถึงนั้น มันหมายถึงอะไรนะ ? หมายถึง ดอกไม้ที่ไม่มีแมลงมารบกวน หรือ หมายถึง นกที่บินไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ ?

ชีวิตเธอก็คงไม่ใช่ทั้งสองอย่างซะทีเดียว ใครกันบ้างล่ะ จะมีชีวิตที่อิสระสุดกู่ได้ในวัยเพียงแค่ยี่สิบ ?

แต่อิสระของเธอในเย็นวันนี้ คือ การได้เลือกชุดที่จะใส่ออกไปทานข้าวมื้อนี้ได้ตามใจชอบ

อิสระในการได้ขี่มอเตอร์ไซค์รับลมบริสุทธิ์ในเมืองย่าโม และ อิสระในการเลือกคนที่ถูกใจมาเก็บไว้ในอก

เสื้อโปโลคอปกสีเขียวอ่อน กับ กางเกงสี่ส่วนสีดำ.... นี่คือชุดสบาย ๆ ที่เหมาะสมกับการขับขี่พาหนะสองล้อที่สุด

ลูกสาวคนโตของบ้านเดินเข้าห้องรับแขก หยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์ที่วางไว้บนตู้โชว์ แล้วเดินตรงไปยังห้องครัว

ชะโงกหน้าเข้าไปพูดกับแม่

"ม๊า ! หมวยไปกินข้าวข้างนอก กลับไม่ดึก"

อาม๊ามองออกไปยังนอกหน้าต่างห้องครัว

"เอาร่มไปด้วย ฝนจะตกแล้ว เวลาฝนตก อย่าขี่มอเตอร์ไซค์นะ จอดรอฝนหยุด มันจะดึกไปหน่อยก็ยังดีกว่าขี่มอเตอร์ไซค์กลางฝน วันก่อนไอ้ตี๋ลูกเจ๊กิม ขี่มอเตอร์ไซค์ล้มตอนฝนตก แขนฉีก เย็บสิบกว่าเข็ม"

เสียงลูกสาวตะโกนตอบมาจากห้องรับแขก

"รู้แล้ว ม๊า ! ไม่กลับดึกหรอก ถ้าฝนตกกลับเช้าเลย !"

หมวยเล็กเดินอย่างทะมัดทะแมง ตรงไปยังฮอนด้าเวฟสีฟ้าที่จอดอยู่ในโรงรถ

********************************************************************

โถงรับแขกของโรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา มีผู้คนมาใช้บริการหนาตาในช่วงเย็น

สมชายอยู่ในชุดลำลอง เสื้อยืดกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ กำลังเดินตรงมายังบริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

หมวยเล็กรีบปราดเข้ามายืนขวาง

"มาถึงแล้ว ! ทามาดะซัง ! เร็วมะ ?"

สมชายมีรอยยิ้ม มองลอดแว่น

"หวัดดีครับ หมวยเล็ก นี่เข้าบ้านมาแล้วเหรอ ?"

สาวพยักหน้า

"แล้วสิ ! พี่สมชายตัดเฝือกเรียบร้อยแล้วเหรอ ?" เธอมองดูที่แขนของอีกฝ่าย

สมชายพยักหน้า

"เรียบร้อยแล้วครับ ! เลยลองใส่เสื้อยืดดู เอาเสื้อยืดมาเปลี่ยน เส้นมันยังตึงอยู่ กว่าจะใส่เสื้อยืดนี่ได้ ก็เกือบห้านาที"

เธอมองรอยแดงเป็นปื้นยาวบนแขนข้างที่เคยมีเฝือกอยู่ของสมชาย

"นี่รอยอะไรอะ ?"

สมชายหัวเราะเบา ๆ

"รอยเกา มันคันมาก พอถอดเฝือกออก ผมก็เลยเกาซะให้หายแค้น เพิ่งเกาไปเมื่อกี๊เอง"

หมวยเล็กผงกหัว

"โอ๊ะ... ท่าทางจะแค้นฝังเล็บ ! อือ ! งั้นรู้แระ ! ต้องทำไง ไป ! เดี๋ยวไปเสี่ยงตายต่อ ซ้อนมอไซค์' หมวยเล็ก จะพาไปร้านยา"

"เราอยู่ในโรงพยาบาลอยู่แล้ว จะไปร้านยาอีกทำไมครับ ?"

"ยาที่นี่แพงอะ ! เดี๋ยวพาไปร้านข้างนอก ถูกกว่า"

"ไปซื้อยาอะไรครับ ?"

หมวยเล็กทำคิ้วย่น

"เหอะน่า ! อย่าเพิ่งถามเลยทามาดะซัง ตามหมวยเล็กมาเหอะ !"

สมชายเดินตามลูกสาวอดีตเถ้าแก่ออกจากห้องโถงโรงพยาบาล

ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มเพราะเมฆฝนเกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็นแผ่นมหึมา ครอบคลุมทั่วเมืองโคราช

สองคนเดินมาถึงจักรยานยนต์ฮอนด้าสีฟ้าแล้ว

"ไปไกลมั้ย ? ฝนกำลังจะตก ท่าทางพายุจะเข้า" สมชายถามขึ้น หลังจากแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า

หมวยเล็กสั่นหัว

"ไม่ไกลหรอก ! เดี๋ยวไปซื้อยาแล้วจะพาไปกินข้าว"

เจ้าของมอเตอร์ไซค์ก้าวขาขึ้นนั่งบนเบาะ

สมชายพูดขึ้น

"เย็นนี้ผมเลี้ยงเองนะ เงินเดือนที่ใหม่ออกแล้ว"

หมวยเล็กพยักหน้า แล้วส่งยิ้มให้

"ดีจัง ! แขนหักทำงานแล้วยังได้เงินด้วย"

สมชายมองแขนข้างขวาของตัวเอง

"อือ ! คุณวรัญดีกับผมมาก จริง ๆ ผมเริ่มเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายจนชินแล้วนะ"

"ขึ้นมาซ้อนเร็วเหอะ ทามาดะซัง ! เดี๋ยวได้เปียกแน่ ไว้ไปคุยต่อในร้านอาหารแล้วกัน"

เขาใช้มือซ้ายท้าวที่เบาะ แล้วก้าวขาขึ้นซ้อน

ฮอนด้าเวฟค่อย ๆ ออกตัว พาหนุ่มสาวทั้งสอง เคลื่อนออกจากเขตโรงพยาบาล

*******************************************************************************************

หมวยเล็กแวะที่ร้านขายยา เพียงไม่ถึงห้านาที เมื่อได้ยาที่ต้องการเรียบร้อย ก็ขี่รถมุ่งตรงไปร้านอาหาร

รถมอเตอร์ไซค์เลี้ยวเข้าซอยโรงเรียนสุรนารี 2

คนนั่งซ้อนท้ายพูดขึ้น

"โธ่ ! กำลังเดาว่าจะพาไปกินที่เดอะมอลล์ เห็นขี่วนกลับมาทางโรงพยาบาลอีก"

"เปล่าค่ะ ! ในซอยนี้มีร้านอาหารบรรยากาศดี อร่อย มีอาหารฝรั่งด้วย กินแต่หมูกะทะตัวเหม็น"

ฮอนด้าเวฟพาทั้งคู่เข้ามาในเขตสวนอาหาร

ทั้งสองตัดสินใจเลือกที่นั่งในส่วนห้องอาหารติดแอร์ เพราะคิดว่าหากเลือกนั่งในเขตสวน อาจจะต้องผจญกับสายฝนเป็นแน่

หมวยเล็กหยิบเมนูอาหาร ยื่นให้สมชายที่นั่งฝั่งตรงข้าม

เขาเปิดเมนูขึ้นดูภาพอาหารฝรั่ง เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ที่เขาไม่ได้สัมผัสกับอาหารฝรั่งในร้านอาหาร ส่วนใหญ่ ก็ได้แต่แวะกินเบอร์เกอร์ในร้านฟาสต์ฟูดทั่วไป

ทั้งสองเรียกพนักงานมาสั่งอาหารที่ตัวเองเลือก พนักงานชายจดรายการอาหารอย่างคล่องแคล่ว แล้วเดินจากไป

"หมวยเล็กรู้จักร้านนี้ได้ยังไง ?"

"มากินกับป๊าค่ะ ! อาหารเค้าอร่อยนะ ถ้าเป็นวันหยุด คนจะเยอะมาก พรุ่งนี้ก็วันหยุดยาวแล้ว คนที่ผ่านมาทางโคราชก็แวะมากินที่นี่เยอะ"

หมวยเล็กหยิบถุงพลาสติคขึ้นมาบนโต๊ะ แล้วหยิบหลอดยาในถุงยื่นให้

"นี่ค่ะ ! ทาที่แขน"

สมชายรับหลอดยามาดู

"ยาอะไร ?"

"ยาฆ่าเชื้อรา ที่มันคัน เพราะเชื้อรา เพื่อนหมวยเล็กที่ธรรมศาสตร์เคยขาหัก ตอนเข้าเฝือกข้างในมันอับชื้น เชื้อรากิน พอถอดเฝือกแล้วเกาเป็นหมาขี้เรื้อนเลย หมอเลยให้ยาทามา เจ็ดวันก็หาย"

เขาแกะหลอดยา บีบยาออก แล้วทาที่แขนต่อหน้าหมวยเล็กทันที

หมวยเล็กพูดขึ้น

"กู๋วรัญบอกว่า ตำรวจตามเจอเจ้าของรถกะบะแล้วนะ ดูจากภาพวงจรปิดของโรงงานแถวนั้นเห็นป้ายทะเบียนรถชัด ป้ายทะเบียนเป็นของจังหวัดปทุมธานี รถคันนั้นเป็นรถของบริษัท แล้วกล้องที่หน้าร้านเซเว่น ฯ ก็เห็นภาพคนร้ายครบทุกคน ตอนนี้ตำรวจจะเข้าไปคุยกับผู้บริหารบริษัทที่ปทุม ฯ ที่เป็นเจ้าของรถ คิดว่าน่าจะตามหาคนในวิดิโอไม่ยาก เพราะรถก็ไม่ได้ถูกขโมย ก็คงต้องเป็นพนักงานบริษัทที่มีกุญแจ ขับออกไปนั่นแหละ"

สมชายตั้งใจฟัง เขาพยักหน้ารับรู้

"คุณวรัญมีพรรคพวกเป็นตำรวจสินะ"

"ค่ะ ! อย่างน้อยตำรวจในท้องที่ทุกจังหวัดที่กู๋วรัญไปทำงาน กู๋ก็ต้องไปทำความรู้จัก ตำรวจบอกว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นมืออาชีพ เพราะมืออาชีพเขาไม่ขับรถมีทะเบียนถูกต้องไปก่อเหตุ เวลาจะออกปฏิบัติการ เขาจะเปลี่ยนป้ายทะเบียน แล้วก็คงไม่ไปจอดรถอยู่หน้าโรงงานที่มีกล้องวงจรปิด ตามสภาพอย่างนี้ คือ มือสมัครเล่น ได้รับคำสั่งให้มาสั่งสอนอะไรทำนองนี้ แต่ดันนึกไม่ถึงว่า สมัยนี้ มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ทั่วเมือง"

สมชายพยักหน้า

"สั่งสอน ! หรือ อาจจะผิดคนหรือเปล่า ? ผมไม่ได้เคยไปมีเรื่องอะไรกับใครในโคราชมาก่อน หรือ ปทุมธานีก็เถอะ"

"แหมพี่สมชาย ปทุมธานีมันก็คือกรุงเทพ ฯแล้ว พี่เคยไปจีบสาวที่ไหนไว้หรือเปล่า ? เค้าอาจจะมีเจ้าของแล้ว พี่ไม่รู้ เจ้าของก็เลยส่งคนมาสั่งสอน อย่าเพิ่งคิดมากเลยค่ะ ! เดี๋ยวตำรวจคงสาวไปถึงคนก่อเหตุได้ ถึงตอนนั้นค่อยรอเฉลยแลัวกัน"

สมชายพยักหน้ารับรู้

สาวที่นั่งตรงข้ามเอียงคอ

"แปลกมาก ! พี่สมชายดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรเท่าไหร่ที่โดนทำร้ายร่างกาย แขนหักเชียวน๊า ดูพี่สมชายจะไม่โกรธไม่แค้นอะไรเลย หมวยเล็กนับถือพี่จริง ๆ"

เขาถอดแว่นออก แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ด

"ถ้าพูดตรง ๆ ผมมีเรื่องอื่นที่น่าห่วงมากกว่านั้น มากกว่าแขนที่หัก มากขนาดแม้ผมจะเสียแขนข้างหนึ่งไปเลย ผมก็ยังไม่ทุกข์ร้อนเท่ากับเรื่องที่ผมห่วงอยู่"

สีหน้าของหมวยเล็กเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง เธอพูดเสียงอ่อย ๆ

"ขนาดนั้นเลยเหรอ ? พี่สมชายกลุ้มเรื่องอะไรเหรอ ? บอกหมวยเล็กได้มั้ย ?"

สมชายเปลี่ยนเป็นยิ้ม

"หมวยเล็กจะมาช่วยผมกลุ้มทำไมล่ะ ? ก็บอกผมอยู่ทุกครั้งไม่ใช่เหรอว่า ผมไม่ค่อยยิ้ม แล้วยังจะให้ผมเล่าเรื่องแย่ ๆ ให้ฟังทำไม ?"

หมวยเล็กพยักหน้า

"อื้อ ! แต่พี่สมชายก็เปลี่ยนไปเยอะนะ พี่ยิ้มได้มากขึ้น พี่คุยเก่งขึ้นนะ หรือว่า ไว้ใจหมวยเล็กมากขึ้น ?"

สมชายมองผ่านหน้าต่างร้านอาหารออกไปข้างนอก ฝนเริ่มโปรยลงมาแล้ว

เขาหยิบแว่นกลับขึ้นมาสวม

"ฝนตกแล้วจะกลับยังไงล่ะ ?"

หมวยเล็กหันมองไปยังนอกหน้าต่าง

"พี่สมชายขี้กังวลจัง วัยรุ่นเค้าไม่กลัวโดนฝนหรอก พี่ไม่เคยเป็นวัยรุ่นเหรอ ? พายุจะมา แดดจะเผา เคยเห็นวัยรุ่นกลัวเหรอ ?"

คำย้อนของเด็กสาววัยมหาวิทยาลัยทำให้เขาอมยิ้ม เมื่อนึกถึงชีวิตในมหาวิทยาลัยของเขาในอดีต

ลูกสาวอดีตเถ้าแก่ยกมือขึ้นไหว้

"ขอโทษค่ะ ! หมวยเล็กแค่พูดเล่น ไม่ได้จะตั้งใจว่าพี่สมชายว่าแก่"

สมชายพูดขึ้น

"ผมมีเรื่องที่กล้าที่สุดของผมจะเล่าให้ฟัง สมัยอยู่ม.ปลาย เคยไปบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัด ผมไม่เคยขี่มอเตอร์ไซค์ แต่พอกินเหล้าเมา ผมก็กล้าขอยืมมอเตอร์ไซค์เพื่อนมาลองขี่ ตอนกลางคืนด้วย ฝนตก ขี่ทั้ง ๆ ที่เมา พาคนซ้อนขี่ลงข้างทาง ข้างทางเป็นทุ่ง อยู่ต่ำกว่าถนนเกือบสองเมตร พอลงไปแล้วหาทางขึ้นไม่ได้ ฝนตกมืดก็มืด โชคดีที่ไม่บาดเจ็บ ไม่ตาย เกือบสองเมตรนี่ไม่ใช่เตี้ย ๆ เลยนะ ต้องโทรศัพท์ให้ผู้ใหญ่ที่บ้านของเพื่อนออกมาช่วย แล้วคิดดู ต้องยืนรอเค้ากลางฝนเกือบครึ่งชั่วโมง พอมานึกย้อนไป มันน่ากลัวนะคืนนั้น แต่ตอนนั้นมันไม่กลัว รู้สึกสนุกมาก"

หมวยเล็กหัวเราะ พยักหน้าเข้าใจ

"นึกภาพไม่ออกเลย อยากเห็นพี่สมชายในคืนนั้น ว่าสภาพตอนพี่เมาจะเป็นยังไง"

"ก็เหมือนคนเมาทั่วไป เมาแล้วก็กล้า ปกติผมเป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว พอยิ่งเมาก็ยิ่งไปกันใหญ่ เมาแล้วไม่กลัวอะไรเลย"

หมวยเล็กเอียงคออีกครั้ง

"พี่สมชายเหรอใจร้อน ? ดูไม่ออกเลย ป๊าบอกพี่สมชายดูเป็นผู้ใหญ่ ใจเย็น"

สมชายพยักหน้าช้า ๆ

"ตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะแล้ว"

"อยากฟังพี่สมชายเล่าเรื่องเก่า ๆ อีก เล่ามาเถอะ หมวยเล็กไม่เบื่อหรอก บางทีหมวยเล็กคิดว่าพี่สมชายเป็นคนลึกลับ ไม่เคยได้ยินว่าพี่สมชายพูดถึงครอบครัว ไม่เคยได้ยินพี่สมชายพูดว่ามีเพื่อนที่ไหนเลย ยกเว้นพี่วรรณาคนเดียว แล้วก็ อ้อ...! คนที่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์กลางฝนนี่อีกคน..."

เธอนึกได้ ยกนิ้วชี้ขึ้น

"อ้อ... ! แล้วก็ พวกผู้หญิงที่พี่สมชายเคยซ้อนมอเตอร์ไซค์เค้า"

เขามีสีหน้าประหลาดใจ

"หมวยเล็กจำได้เหรอ ? ผมเล่าไปแค่ครั้งเดียว"

เธอหัวเราะ

"โธ่ ! ทำอย่างกับพี่สมชายเล่าเรื่องเพื่อนมากมาย นอกจากเรื่องเพื่อนที่เกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์นี่ พี่สมชายเคยเล่าเรื่องเพื่อนคนอื่นให้ฟังด้วยเหรอ ? หรือว่า... พี่เป็นนักสืบเอกชน ชื่อ ทามาดะซัง ปลอมตัวมาสืบคดีในต่างจังหวัด แต่ความจริง พี่มีครอบครัวแล้ว มีเมียมีลูกแล้ว อยู่ที่ญี่ปุ่น ?"

เธอพูดไปพลางหัวเราะไปพลาง

สมชายหัวเราะไปด้วย

"ผมดูลึกลับขนาดนั้นเลยเหรอ ? ผมยังไม่มีครอบครัว ยังไม่ได้แต่งงาน เรื่องเพื่อนเยอะแยะที่เคยรู้จัก มันก็ไม่มีเรื่องอะไรที่น่าจดจำ ไม่มีพวกเค้า ผมก็มีชีวิตอยู่ได้ ไม่มีใครสำคัญกับชีวิตผมเลย ผมก็เลยไม่ได้เล่า"

สาวรุ่นน้องพยักหน้า เธอพยายามจะทำความเข้าใจในตัวตนของหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ แต่มันคงมีเรื่องอะไรที่ซับซ้อนกว่าที่เธอจะสามารถคาดเดาได้

"ชีวิตพี่ไม่มีใครอีกเลยเหรอ นอกจากพี่วรรณา ?"

เสียงฝนตกเริ่มดังเข้ามาในส่วนห้องอาหารที่ติดแอร์

สมชายเงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้น

"ตอนนี้อาจจะมีอีกคน นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกเหมือนกันที่รู้จักกับเค้า เด็กผู้ชายคนนึงที่ผมไปเจอที่ภูเก็ต วันที่รู้จักกับเค้าครั้งแรก เค้าพูดว่าเค้ารักผม"

"เด็กที่ชื่อเปี๊ยก ที่โรงพยาบาลโทรไปหาวันที่พี่สมชายเกิดเรื่องใช่มั้ยคะ ?"

สมชายพยักหน้า

"ใช่ ! คนนั้นแหละ ! เค้าพูดว่าเค้ารักผม สองครั้ง แปลกมาก แต่วันนั้นถ้าไม่ได้เด็กคนนี้ช่วยตามไปถึงที่โรงงาน ป่านนี้ผมอาจจะพิการแล้วก็ได้ เพราะโรงพยาบาลเค้าคงไม่รับรักษาคนหมดสติที่ไม่มีเจ้าของไข้"

"ค่ะ ! โชคดีมากเลย ที่โรงพยาบาลเลือกโทรไปที่เบอร์นั้น"

"วันพรุ่งนี้ ผมนัดพบกับเปี๊ยก ครอบครัวเค้าจะขึ้นมาธุระที่ปักธงชัย นี่ก็เป็นอีกคนนึงในชีวิตผมตอนนี้ที่นึกได้"

หมวยเล็กพยักหน้า

"แล้วเด็กมหาวิทยาลัยเจ้าปัญหา ที่ชอบตั้งคำถาม...."

สมชายตอบสวนมาทันที

"รวมทั้ง เด็กเจ้าปัญหาคนนี้ด้วย" เขาชี้นิ้วมาที่เธอ "รวมกันก็ สามคน ตอนนี้"

รอยยิ้มเปื้อนไปทั่วใบหน้าของหมวยเล็ก

"ฮิ ฮิ..! ดีใจจัง ! เป็นหนึ่งในสามเชียว !"

ฟ้าคำรามครืน ๆ เป็นระยะ สายฝนภายนอกเริ่มสาดเป็นเม็ดใหญ่ขึ้น ความชื้นของบรรยากาศแห่งสายฝนแทรกเข้ามาภายในร้านอาหารอย่างรวดเร็ว

หมวยเล็กลูบแขนทั้งสองข้างของตัวเอง

"อากาศเย็นดีจัง !"

พนักงานหนุ่มนำอาหารทั้งสองจานมาเสิร์ฟ

หมวยเล็กปรบมือเบา ๆ

"อั๊ยยะ ! มาพร้อมกันเลย"

สมชายใช้มือซ้ายหยิบส้อม สาวฝั่งตรงข้ามทักขึ้น

"มือขวายังจับช้อนไม่ได้เหรอ ?"

สมชายสั่นหัว

"ไม่รู้สิ ! แต่ใช้มือซ้ายมือเดียวถนัดแล้ว เอาส้อมพันสปาเก็ตตี้ มือเดียวก็กินได้แล้ว นึกถึงคนอื่นที่.... มืออีกข้างใช้ไม่ได้ เค้าจะมีชีวิตอยู่ยังไง ?"

หมวยเล็กเริ่มตักเนื้อปลาในจานของตัวเองเข้าปาก เคี้ยวพลางพูดพลาง

"จานนี้เด็ด ! อร่อย ! หอมพริกไทดำ"

สมชายก้มหน้ามองสปาเก็ตตี้ ใช้ส้อมเขี่ยไปมา

หมวยเล็กยื่นหน้าถาม

"พี่สมชายเป็นอะไร ? กินไม่ลงเหรอ ?"

เขาวางส้อมลงบนโต๊ะ

"วรรณาใช้แขนข้างขวาไม่ค่อยได้แล้ว"

ได้ฟังประโยคนี้ ทำให้หมวยเล็กต้องพลอยวางช้อนส้อมไปด้วย

สมชายพูดต่อ ด้วยสายตาที่เหม่อลอย

"เรื่องที่หนักมากกว่านั้น คือ วรรณารับโทรศัพท์มือถือไม่ได้แล้ว เวลาคุยโทรศัพท์มือถือ เค้าจะปวดหัวมาก รับได้แต่โทรศัพท์บ้านเท่านั้น"

หมวยเล็กพยักหน้าช้า ๆ ดูเหมือนอากาศจะเย็นขึ้นโดยฉับพลัน เธอประสานนิ้วมือสองข้างเข้าด้วยกัน

"พี่สมชาย ไว้ใจหมวยเล็กนะ ! เรื่องอะไรที่พี่เป็นกังวลอยู่ในใจ เล่าให้หมวยเล็กฟังได้หมดเลย หมวยเล็กนั่งฟังได้ทั้งคืน แต่ตอนนี้ พี่สมชายกินสปาเก็ตตี้จานนี้ก่อน ลืมเรื่องนี้ไปก่อน เดี๋ยวกินเสร็จแล้ว พี่สมชายเล่าให้หมวยเล็กฟังนะ ถ้าพี่ไม่รำคาญเด็กคนนี้ พี่สมชายคงไม่มีเพื่อนคนไหนให้คุยด้วย เก็บไว้ก็อึดอัด เล่าให้หมวยเล็กฟังเถอะ"

เขาผงกหัว มีรอยยิ้มน้อย ๆ ออกมาที่มุมปาก

"ผมขอโทษที่ไม่มีเรื่องอะไรจะเล่านอกจากเรื่องของวรรณา ประวัติของผมมันไม่มีอะไรน่าสนใจ ผมเองก็ยังอยากจะลืม ปัจจุบันเท่านั้นสำคัญที่สุด วรรณาเป็นคนเดียวที่ช่วยผมในยามที่ผมทุกข์ที่สุด เรื่องของวรรณา ก็เลยเป็นเรื่องเดียวที่อยู่ในใจผมเท่านั้น"

เขามองที่จานสปาเก็ตตี้ที่วางอยู่ตรงหน้า

"เค้าทำน่ากินดีเหมือนกันนะ ! กินกันก่อน แล้วหมวยเล็กก็คงต้องทนเบื่อนั่งฟังผมพล่ามต่อ"

เธอพยักหน้า

"อื้อ ! เรื่องฟังพี่ พี่น่าจะรู้นะว่าหมวยเล็กฟังทุกเรื่องที่พี่จะเล่าได้หมด แต่ที่หมวยเล็กอยากเห็นพี่สมชายเย็นนี้ คือ อยากเห็นพี่กินอาหารแล้วทำหน้าว่าอร่อย แค่นี้แหละ !"

สมชายใช้ส้อมจิ้มไปที่สปาเก็ตตี้ แล้วม้วนให้พอดีคำ ส่งสปาเก็ตตี้เข้าปาก

"อื้ม ! อร่อย !" เขาชี้หน้าตัวเอง "หน้าแบบนี้ไง เห็นแล้วนะ !"

หมวยเล็กหัวเราะชอบใจ

ปริศนาในตัวรุ่นพี่คนนี้ ทำให้เธอฉงน อยากรู้ปมต่าง ๆ ที่ลึกเข้าไปเรื่อย ๆ

บุคลิกที่จริงจังเอาใจใส่กับการทำงานของเขา ดึงดูดความสนใจเธอได้มากกว่านักศึกษาหนุ่มหน้าตาดี ๆ ที่มีให้เห็นอยู่เต็มมหาวิทยาลัย

ข้างในจิตใจของผู้ชายที่มีความสามารถในการทำงานเป็นเลิศคนนี้ มีหลืบ ซอก มุม อะไรซ่อนอยู่บ้างนะ ? ปัจจัยอะไรที่ทำให้เขา เป็นเขา ในวันนี้ ?

"น่าค้นหาจริง ๆ !" หมวยเล็กรำพึงออกปาก

สมชายยกมือขึ้นดันแว่นให้กระชับ มองไปที่จานของสาวรุ่นน้อง

"เนื้อปลาหมดแล้วเหรอ ?"

คำถามนี้ทำให้สาวหัวเราะอีกครั้ง

"ไม่ได้หาปลา แต่กำลังจะหาเรื่องใส่หัว สมองของหมวยเล็กยังมีที่ว่างอยู่ เดี๋ยวจะหาเรื่องให้ได้ใช้สมองมากขึ้นหน่อย"

สมชายหัวเราะหึ ๆ แล้วตักสปาเก็ตตี้คำต่อไปเข้าปาก

มื้ออาหารที่ถูกล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศสายฝนในเย็นวันนี้ ทำให้หมวยเล็กได้ฟังบางส่วนของเรื่องราวในอดีตที่ผู้ชายคนนี้เล่าจากปากตัวเอง

เรื่องที่หลุดจากปากเขา ถูกเล่าด้วยความประทับใจ แสดงออกมาทางสายตาและใบหน้า ล้วนแต่เป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนเดียว

เพื่อนนักเรียนหญิงคนนั้น คือ คนเดียวกับที่เขาเคยเล่าว่า เคยซ้อนมอเตอร์ไซค์ที่มีผู้หญิงเป็นคนขี่ และ เพื่อนนักเรียนหญิงคนนั้น ก็เป็นคนเดียวกันกับเจ้าของมอเตอร์ไซค์ ที่เขาเมาขี่พาลงข้างทางในคืนวันที่ฝนตก

เพื่อนนักเรียนหญิงคนนั้น ชื่อ วรรณา

หมวยเล็กเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ประโยคแรกที่หลุดมาเป็นคำถามเสียงอ่อย ๆ จากลำคอของเธอ คือ

"พี่สมชาย เป็นเพื่อนกับพี่วรรณาตั้งแต่สมัยเรียนเหรอ ?"

สมชายพยักหน้า

"ใช่ ! รู้จักกันตั้งแต่สมัยม.ปลาย จบแล้วก็ติดต่อกันอยู่สองสามปี แล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปมีชีวิตของตัวเอง เรียนกันคนละที่ ไม่ได้ติดต่อกันอีก"

หมวยเล็กถอนหายใจ

"แล้วมาเจอกันอีกที เมื่อสองปีที่แล้วเหรอคะ ?"

สมชายพยักหน้า

"อิจฉาพี่วรรณาจังเลย ! ถ้าหมวยเล็กมีเพื่อนที่ดีแบบพี่สมชาย คงไม่มีวันเลิกติดต่อกันหรอก"

สมชายพยักหน้า

"ใช่ ! ผมก็เคยคิดยังงั้นเหมือนกันนะ แต่ความเป็นจริง ตอนเรายังเด็ก โลกนี้มันใหญ่มาก ทุกอย่างมันมีอิทธิพลกับเราหมดเลย อะไรในชีวิตเปลี่ยนแปลงเพียงนิดเดียว มันก็ทำให้เราเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนบุคลิก เปลี่ยนนิสัยไปได้

ผมรู้สึกว่า เหมือนกับตัวเราเป็นแค่ฝุ่นละอองเล็ก ๆ ในจักรวาล เราไม่สามารถเปลี่ยนโลก เปลี่ยนจักรวาลนี้ได้ เราเปลี่ยนอะไรไม่ได้เลย เรามีแต่รอว่า ถ้าสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป เราก็ต้องวิ่งไปตามมันให้ทัน มันไม่มีอะไรมั่นคงเลย ความสัมพันธ์ของเด็ก ๆ มันก็เป็นไปตามธรรมชาตินั้นเหมือนกัน หมวยเล็กเข้าใจที่ผมพูดหรือเปล่า ?"

เธอพยักหน้า

"ค่ะ ! หมวยเล็กก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนะ เวลาคิดแล้วมันก็น่ากลัว น่าวังเวง พอนึกถึงว่า เมื่อเราค่อย ๆ ผ่านอะไรทีละอย่าง มันจะทำให้ตัวเราเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เปลี่ยนโรงเรียน เปลี่ยนเพื่อน เปลี่ยนแฟน การเติบโตเป็นผู้ใหญ่นี่ มันโหดร้ายจริง ๆ นะ"

"แต่... วรรณาบอกกับผมว่า แทนที่เราจะเป็นแค่เด็กคนนึง ที่เที่ยววิ่งตามสิ่งแวดล้อมที่มันค่อย ๆ เปลี่ยนเรา ถ้าเราหยุดอยู่นิ่ง ๆ สักพัก เราจะเริ่มเห็นว่า เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปตามมัน เราสามารถคงอยู่ในความเป็นเราได้ แล้วถ้าเรานิ่งยิ่งไปกว่านั้น เราจะเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมได้ ไม่มีสิ่งใดสามารถมีอิทธิพลต่อตัวเราได้ นอกจากตัวเราเอง"

หมวยเล็กจ้องหน้าสมชาย

"พี่วรรณาพูดอย่างนั้นเหรอ ?"

เขาพยักหน้ายืนยัน

"ใช่ ! ผมเพิ่งเข้าใจความหมาย ในวันที่ผมเหนื่อยที่สุด และ ท้อที่สุด หมดความอดทนกับสิ่งแวดล้อมที่เราต้องวิ่งตาม ผมต้องหยุดทุกอย่างเพราะหมดแรง หมดกำลัง แต่ในวันนั้นที่ผมหยุดทุกสิ่งทุกอย่าง ผมกลับเข้าใจว่าวรรณาหมายถึงอะไร

วรรณา คือ คนที่ทำให้ผมกลับมามีความมั่นใจในตนเองอีกครั้ง เค้าทำให้ผมเชื่อว่า ผมจะเปลี่ยนแปลงโลกของผมเองได้ โดยไม่ต้องกลัวสิ่งแวดล้อม"

หมวยเล็กหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะมาซับที่ขอบตาตัวเอง

"ไม่ไหวแระ ! ซึ้งอะ !" เธอสูดน้ำมูก

สมชายหัวเราะ

"เป็นอะไรไป ? เศร้าตรงไหนเหรอ ?"

หมวยเล็กก้มหน้า สั่นหัว

"เปล่า ! ไม่ได้เศร้า !" เธอเงยหน้าขึ้นมาพร้อมเบ้าตาที่คลอไปด้วยน้ำตา

"ก็แค่... หมวยเล็กคิดถึงเรื่องตัวเองน่ะ ชีวิตในมหาวิทยาลัยมันดูใหญ่ สำหรับเด็กผู้หญิงจากต่างจังหวัด

หมวยเล็กก็เป็นแค่ฝุ่นละอองนึงเหมือนกัน เวลาต้องคิดว่า เราจะฝ่าฟันชีวิตไปยังไง ถึงจะเรียนจบ ถึงจะได้งานที่ดี ต้องแข่งกันหางานกับชาวบ้าน หรือ จะกลับมาช่วยงานที่บ้าน ต้องพาธุรกิจฝ่าฟันให้ได้เหมือนกับที่ป๊าเคยทำ เราต้องโตมากไปกว่านี้อีกซักกี่เท่ากัน ?

แค่คิด มันก็เหนื่อยแล้ว

แต่... ถ้าข้าง ๆ หมวยเล็ก มีเพื่อนอย่างพี่วรรณา เพียงแค่คนเดียวนะ... อือ....."

แล้วน้ำตาของเธอก็ร่วงผลอย หยดลงบนโต๊ะอาหาร

สาวผู้เคยร่าเริง ซึ่งบัดนี้เปลี่ยนมาเป็นหนูน้อยขี้แย เอื้อมมือหยิบทิชชูชิ้นใหม่ขึ้นมาซับน้ำตา

สมชายกลับอมยิ้ม

"หมวยเล็ก ! หมวยเล็ก !"

"หือ !" เธอเลิกคิ้ว

"เปลี่ยนเรื่องคุยเหอะ จริง ๆ ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องซึ้งเวลาคุยถึงเรื่องวรรณา กลับเป็นหมวยเล็กมาแย่งบทผมไป"

เธอยิ้มทั้งน้ำตา แล้วพยักหน้า

"อือ... ได้ ! เปลี่ยนเรื่องดีกว่า ! สั่งขนมมากินกันเถอะ"

สมชายพยักหน้า แล้วกวักมือเรียกพนักงาน ขอรายการอาหาร

เขามองหน้าสาวรุ่นน้องที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา แล้วนึกถึงตัวเองเมื่อสมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย

"ผมให้กำลังใจคนไม่เก่งหรอก สู้วรรณาไม่ได้เลย แต่ถ้าหมวยเล็กไม่ถือ ผมก็จะเอาคำพูดที่วรรณาพูดกับผมเมื่อกี๊ ให้หมวยเล็กเป็นกำลังใจก็แล้วกัน เมื่อไหร่ที่หมวยเล็กรู้สึกเหนื่อย กับการที่ต้องพยายามเป็นอะไร ๆ ที่เราไม่เคยเป็น ลองนึกถึงคำพูดของวรรณา ผมหวังว่า สักวันนึง หมวยเล็กจะเข้าใจมัน เหมือนที่ผมเข้าใจ"

เธอนั่งจ้องหน้าเขา ตาไม่กระพริบ แล้วค่อย ๆ ก้มหน้า

"โอย...ไม่ไหวแล้ว !" พลันคว้ามือขึ้นฉวยกระบอกใส่ทิชชู่ทั้งกระบอก แล้วลุกจากเก้าอี้ เดินผละออกไป

ทันทีที่หมวยเล็กก้าวเข้ามาในห้องน้ำ ซึ่งอยู่ภายนอกห้องอาหาร เธอก็ปล่อยโฮออกมา

วัยที่จิตใจว้าวุ่น ไม่แน่นอน กระวนกระวายกับปัจจุบัน กังวลกับอนาคต.... คำพูดจากปากสมชายเสมือนเป็นผืนฟูกที่หนานุ่มรองรับนกตัวน้อยที่กำลังต้องการที่พักชั่วคราว

ความเย็นของลมฝนทำให้อารมณ์อ่อนไหวได้ประมาณนี้เชียว

หรือว่า.... เพราะเธอเพิ่งเข้าใจว่า ความหมายคำว่า 'อิสระ' ที่สมชายเคยพูดถึง

มันยังเป็นสิ่งที่ แท้ที่จริง เธอยังไม่เคยสัมผัสมันมาก่อนต่างหาก ?

******************************************************************************

อ่านหน้า >2, 3
สั่งซื้อ นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก กดที่นี่