| |||||||
| |||||||
สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท เสียงโทรศัพท์สายแรกของวันดังขึ้นที่ห้องรับแขก เอนกเดินมาที่เคาน์เตอร์เพื่อรับสาย "ฮัลโหล ! บ้านคุณแอนดี้ครับ !" "พี่แอนดี้อยู่มั้ยคะ ?" "จากที่ไหนครับ ?" "บอกพี่แอนดี้ว่า เจนจิราโทรมา" เอนกทวนคำ "เจนจิรา ! ได้ครับ !" เสียงฝีเท้าของคนวิ่งลงบันได ทำให้เอนกหันไปมอง หงส์น้อยอยู่ในชุดเสื้อยืดลำลอง กางเกงขาสั้น ก้าวพรวดลงบันได แล้วยกมือขอเป็นคนรับสายเอง "เค้าบอกชื่อเจนจิราใช่มั้ย พี่เอนก ?" เธอตั้งใจพูดด้วยเสียงที่ดัง เพื่อให้ลอดเข้าไปในสาย เอนกพยักหน้ายื่นหูโทรศัพท์ให้ "สวัสดีค่ะ ! หงส์พูดค่ะ !" "อ้อ ! น้องหงส์ ! พี่เจนเอง ! น้องหงส์สบายดีหรือเปล่า ? พี่แอนดี้อยู่มั้ยจ๊ะ ?" สีหน้าของหงส์เรียบเฉย น้ำเสียงก็เรียบเหมือนสีหน้า "พี่แอนดี้ไม่ว่างรับสายค่ะ ! พี่เจนมีธุระอะไร คุยกับหงส์ได้ค่ะ" เจนจิราสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมิตรจากน้ำเสียง เหมือนในอดีตที่เธอได้เคยสัมผัสจากน้องสาวแอนดี้คนนี้มาตลอด "พี่ว่า พี่แอนดี้คงอยากจะเป็นคนคุยเองมากกว่านะ" หงส์สวนกลับทันที "คงไม่ใช่ค่ะ ! พี่แอนดี้ไม่มีธุระอะไรเกี่ยวข้องกับพี่เจนอีก พี่เจนมีอะไร ฝากหงส์ไว้ได้ค่ะ" เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมาจากอีกฝ่าย "น้องหงส์ ! พี่ไม่ได้เป็นคนโทรหาพี่แอนดี้ก่อนนะ แต่พี่แอนดี้ เป็นคนโทรมาหาพี่ก่อน แล้วบอกให้พี่โทรกลับ" หงส์ขมวดคิ้วทันที เธอรำพึงออกมาเป็นภาษาจีนกลาง "ปู้ฮุ่ยปา !" (เป็นไปไม่ได้ !) หลังจากเงียบไปสักอึดใจ เธอตัดสินใจตอบ "งั้น ถือสายรอนะคะ !" เธอหันหน้ามาพยักหน้ากับเอนก สื่อความหมายว่า ให้เขาไปตามพี่ชายเธอมาได้ เอนกพยักหน้ารับรู้ หงส์เดินเลี่ยงจากห้องรับแขกมายืนอยู่หน้าประตู แต่รวบรวมโสตประสาททั้งหมด เพื่อฟังการสนทนาของพี่ชาย เพียงแค่ประโยค "เจนมาหาผมที่บ้านวันนี้ได้เลย" ที่หลุดจากปากพี่ชาย ก็ทำให้เธอแทบทรุดเข่าลงไปนั่ง ***************************************************************************************** หงส์ยืนอยู่ใต้ร่มไม้นอกประตูรั้วบ้าน บุหรี่มวนแรกของวันถูกจุดขึ้น เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในกระเป๋ากางเกง เธอควักโทรศัพท์ออกมาดูชื่อคนโทรเข้า แล้วแนบโทรศัพท์เข้ากับหู "สวัสดีค่ะ พี่ทอม !" "น้องหงส์ ! เมื่อวานน้องหงส์เป็นคนพาพี่กลับมาที่คอนโดใช่มั้ย ?" น้องหงส์หัวเราะเบา ๆ "พี่ทอมตื่นแล้วเหรอคะ ? จำอะไรได้บ้าง ?" เสียงถอนหายใจดังมาจากปลายสาย "เฮ่อ ! โล่งอก ! แค่รู้ว่าเป็นน้องหงส์พี่ก็สบายใจไปเปลาะนึงแล้ว ใจพี่หายหมดเลย วันนี้หารถไม่เจอ นึกตั้งนานว่าเมื่อวานเราไปทำอะไรที่ไหน พี่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าพี่ไปเจอหงส์ได้ยังไง" "หงส์ก็อยากถามพี่ทอมเหมือนกันว่า พี่ทอมโผล่ไปนอนอยู่ที่เรือนไม้ได้ยังไง ?" เสียงปลายทางค่อย ๆ พูดสำเนียงยานคาง "หา.... ! พี่ไปที่โน่น !" "ค่ะ ! ยามที่นั่นบอกว่า เห็นพี่ทอมลงจากรถแท็กซี่ แล้วพี่แอนดี้ก็ไปเจอพี่ทอมนั่งหลับอยู่ที่เก้าอี้ พี่แอนดี้ก็เลยพาพี่ทอมมาเจอหงส์ แล้วให้หงส์ขับรถพาไปส่งที่คอนโด" เสียงปลายทางเงียบไป "พี่ทอม ! พี่ทอมโอเคหรือเปล่า ? พี่โดนอะไรคะ เมื่อวาน ? ยานอนหลับหรือเปล่า ?" เสียงอ่อย ๆ ตอบมา "ใช่ ! พี่ให้หมอฉีดยานอนหลับ แต่พี่ไม่รู้ตัวว่า ทำไมพี่ถึงเรียกแท็กซี่ไปที่เรือนไม้ได้ พี่จำอะไรไม่ได้เลย แล้วรถของพี่... ถ้างั้น รถของพี่ก็จอดอยู่ที่หน้าคลีนิคน่ะสิ" หงส์โยนบุหรี่ทิ้งลงพื้น แล้วใช้เท้าขยี้ "พี่ทอมไม่มีรถใช่มั้ยคะ ? เดี๋ยวหงส์ไปหานะ" "ไม่ต้องหรอกหงส์ ! พี่กลับไปเองได้" หงส์ยังยืนยัน "พี่ทอมรออยู่ที่ห้องเถอะค่ะ ! หงส์ไม่อยากอยู่บ้านตอนนี้ อยากหลบหน้าคน เดี๋ยวหงส์ไปหานะคะ แล้วค่อยคุยกัน" ซีฟ่งเดินตรงเข้ามาในตัวบ้าน พี่ชายไม่อยู่ข้างล่างแล้ว เหลือแต่เอนกกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ "พี่เอนก วันนี้พี่แอนดี้ไม่ได้ออกไปไหนใช่มั้ยคะ ?" เอนกพยักหน้า "เปล่า !" หงส์พยักหน้ารับรู้ "ถ้าพี่แอนดี้ไม่ได้ไปไหน หงส์ขอยืมรถใช้ได้มั้ยคะ ? จะไปธุระ" เอนกพยักหน้า "กุญแจอยู่ที่โต๊ะโน่น ! ไม่ต้องเติมน้ำมันนะ มันยังเหลือครึ่งถัง พี่จัดการเอง จะไปซื้อของมาทำสุกี้เหรอ ?" เธอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนตอบ "จะได้กินหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย !" น้ำเสียงทิ้งท้ายทำให้เอนกรู้สึกฉงน ***************************************************************************************** รุ่งมายืนรอใต้อาคารหอพักตั้งแต่เก้าโมงเช้า .... เพื่อนตัวเตี้ย ผิวหมึก ผมหยิก แต่งตัวในชุดทำงานเสื้อเชิ้ตกางเกงแสล็ค พร้อมรองเท้าหนังสีดำคู่เก่า กำลังเดินลงมาจากบันไดหอพัก เขาร้องทักทันทีที่สบตากับรุ่ง "อ้าวรุ่ง ! นายมารอเราเหรอ ?" รุ่งยื่นถุงพลาสติคให้ "เอ้า ! นี่ รองเท้าผ้าใบ เบอร์สี่สิบ นายคงใส่ได้พอดี ซื้อให้ !" นายเตี้ยจ้ำพรวดลงจากบันได เข้ามาหาเพื่อน ยื่นมือรับถุงทันที "รองเท้าผ้าใบ ! นายรู้ใจเรา" เขาควักกล่องรองเท้าออกจากถุง ปล่อยถุงพลาสติคให้ปลิวตามลม "อ้าว ! ทิ้งถุงเลย !" รุ่งเดินตามถุงพลาสติคไป ก้มลงฉวยไว้ แล้วเดินกลับมา มอแกนทิ้งก้นนั่งลงบนพื้น ถอดรองเท้าคู่เก่าออก แล้วหยิบรองเท้าผ้าใบสีดำคู่ใหม่ออกมาลอง
"รู้สึกดีจัง ได้ใส่รองเท้าผ้าใบแล้ว วันนี้เค้าจะแจกเสื้อยืดเลยหรือเปล่า ?" รุ่งขมวดคิ้ว แล้วเอียงคอ "ก็น่าจะ นะ ! ถ้าได้เสื้อนายก็ใส่เสื้อไปก่อนเลย กางเกงเค้าต้องตัดใหม่" "ดี ๆ ๆ ไว้ได้เสื้อแล้ว นายกับเรา มาถ่ายรูปด้วยกันนะ ได้ใส่เสื้อยืดฟันปาร์คยืนถ่ายรูปคู่กับนาย เราภูมิใจมาก" รุ่งหัวเราะหึ ๆ เพราะประโยคที่แว่บเข้ามาในใจ คือ 'เราเป็นพ่อนายตั้งแต่เมื่อไหร่ นายถึงต้องมาภูมิใจที่ได้ถ่ายรูปคู่ด้วย ?' รุ่งยื่นถุงพลาสติคให้เพื่อนเตี้ย "เอารองเท้าเก่าทิ้งใส่ถุงนี่ แล้วค่อยเอาไปทิ้งขยะ" มอแกนพยักหน้า แล้วทำตามคำแนะนำ รุ่งพูดขึ้น "ถ่ายรูปคู่ก็ดี ไม่รู้เราจะได้ใส่เสื้อฟันปาร์คนี่อีกนานเท่าไหร่" มอแกนมองหน้าเพื่อน แล้วกระพริบตาปริบ ๆ "นายต้องกลับไปทำงานกับครอบครัวจริง ๆ เหรอ ?" รุ่งถอนหายใจ "ก็คงยังงั้น !" มอแกนผงกหัวหงึก ๆ แล้วตีหน้าเศร้า มองขึ้นฟ้า รุ่งมองหน้าเพื่อน "นายพอใจรองเท้ามั้ย ?" เพื่อนพยักหน้า รุ่งพยักหน้าให้ "ดี ! งั้น ถึงตาเราทวงนายบ้าง คืนนี้ นายจัดการเล่าเรื่องแฟนคลับของเราให้เราฟังทั้งหมด แล้วเราจะลืมเรื่องเสื้อของเราซะ" เพื่อนผมหยิกตีหน้าเซ่อ "เสื้ออะไรเหรอ ?" "เสื้ออะไร ! ยังมาถามอีก ! เสื้อลายสก็อตสีแดงตัวใหม่ที่เราเพิ่งใส่ครั้งแรก ตอนนี้มันกลายเป็นขยะไปแล้ว เพราะเปื้อนเลือดปลอม นายลืมไปแล้วเหรอ ?" มอแกนพยักหน้าติดกันหลายครั้ง "ไม่ลืม ไม่ลืม ! ได้ ๆ เย็นนี้เราจะเล่าให้นายฟังนะ แล้วถ้าเราเงินเดือนใหม่ออก เราจะซื้อเสื้อใหม่ให้นายนะ" "ไม่ต้อง ! นายแค่เล่าเรื่องแฟนคลับให้เราฟังก็นับว่าเป็นบุญล้นพ้นแล้ว" เพื่อนผิวหมึก พยักหน้ารับอีกครั้ง เขาเดินถือถุงพลาสติคใส่รองเท้าเก่าไปที่ถังขยะ แล้วยัดถุงลงไปในถัง รุ่งชี้มือไปที่สวนสนุก "ไป ! เข้าออฟฟิศกัน !" มอแกนออกเดินตามรุ่ง "เอ่อ.... แล้ว แล้ว.... คุณหงส์เป็นไงบ้าง คืนนั้นน่ะ ?" "ก็ไม่เห็นเค้าเป็นไง คงหายแล้วมั้ง" สองสหายเดินคุยกันจากทางเดินหอพัก มายังลานรอรถชัทเทิ่ล "ไม่เห็นนายเล่าเลยว่า นายได้คุยอะไรกับคุณหงส์อีก แค่เจอกันที่เรือนไม้แค่นั้นเหรอ ?" "ก็แค่นั้น" "ถ้านายเจอคุณหงส์อีก ฝากบอกเค้านะว่า เราเป็นห่วง" รุ่งหันมาหาเพื่อน "นายบอกเองแล้วกัน เพราะเราจะไม่เจอคุณหงส์อีกแล้ว" เขาพูดแล้ว จ้ำเท้าให้เร็วขึ้น ไอ้ผมหยิก จ้ำเท้าตามมาจนทัน "ทำไม ทำไม ? นายทะเลาะกับเค้าเหรอ ?" รุ่งเร่งฝีเท้าขึ้นอีก "เปล่า ! ไม่มีอะไร ?" มอแกน ต้องเปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะ ๆ เพื่อตามให้ทัน "ใส่รองเท้าผ้าใบแล้วสบายตีนดี เราได้เดินตามนายทันซะที ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ! เพราะเดี๋ยวนายก็ต้องเจอกับเค้าอีกอยู่ดี" รุ่งหยุดเดินทันที แล้วหันกลับมา "มอแกน นายฟัง ! ชีวิตเราสองคน กับ ชีวิตของเค้า ไม่มีอะไรจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกัน เค้าอยู่ของเค้า เราอยู่ที่ฟันปาร์ค ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง เรา... ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องเจอเค้าอีก นายเข้าใจหรือยัง ?" น้ำเสียงที่ห้วน และ ดัง ทำให้เพื่อนตกใจ มอแกนตอบด้วยเสียงอ่อย ๆ "ทำไมนายต้องหงุดหงิดด้วย ? ก็เพียงแค่เราสังเกตได้ว่า นายกับเค้า ชอบเจอกัน" "ชอบเจอกัน ! ความหมายคืออะไร ? ทำไมต้องมีคำว่า ชอบ ?" "ไม่ ๆๆๆ เราหมายถึงว่า นายมีเรื่องต้องเจอกับเค้าได้เรื่อย ๆ" รุ่งถอนหายใจ "ต่อไปนี้ จะไม่มีแล้ว !" พูดแล้วก็หันหลังเดินตรงไปที่บริเวณเก้าอี้รอรถชัทเทิ่ล มอแกนยกมือขึ้นเกาหัว แล้วเดินตามมา โทรศัพท์มือถือของรุ่งดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ดูหน้าจอ แล้วกดรับสาย "หวัดดีครับ พี่ธรรม์ !" "หวัดดีรุ่ง สะดวกคุยมั้ย ?" "ครับ ! สะดวกครับ" "รุ่งได้เล่าเรื่องที่เราคุยกันที่ลานจอดรถฟันปาร์คให้ใครฟังหรือยัง ?" เขานึกถึงเรื่องสำคัญที่คุยกับธรรม์ค่ำวันนั้นได้ดี "แม่ครับ ! ผมเล่าให้แม่ฟัง เรื่องใหญ่แบบนี้ไม่บอกแม่คงไม่ได้ แต่แม่ก็เข้าใจครับ ถ้าผมตัดสินใจแล้ว แม่ก็บอกว่าดีแล้ว หลังจากนี้คงต้องบอกอาน้อย คงมีแค่สองคนเท่านั้นครับ" "ไม่ต้องนะรุ่ง ! หยุดเรื่องคุยกับอาน้อยไว้ก่อน เมื่อวานพี่คุยกับอามัณแล้ว เรื่องไม่ได้เป็นแบบที่เราคิด อามัณไม่เห็นด้วยนะ" คิ้วของเขาขมวดชนกันทันที "ไม่เห็นด้วย ! เรื่องไหนครับที่ไม่เห็นด้วย ?" เสียงปลายทางถอนหายใจ "อามัณบอกว่า เรื่องการส่งน้องวิไปเรียนสก็อตแลนด์ เป็นเรื่องการตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องที่มาต่อรองแลกเปลี่ยนได้ ยังไงน้องวิก็ต้องไปเรียนที่สก็อตแลนด์" เขาอึ้งไปสักพักหลังจากที่ได้ยิน สติที่ตามไม่ทัน เริ่มสร้างเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ ที่ทำให้เขาต้องระเบิดอารมณ์ออกมา "งั้น ความสำคัญของผมที่มีกับธุรกิจไตรสรณ์ ก็ไม่ได้มากมายเหมือนกับที่ผมคิดไว้ ถ้าความสำคัญของตัวผม เอาไปต่อรองเรื่องนี้ไม่ได้ ส่งน้องวิไปสก็อตแลนด์ มีผลมากกว่าการได้ผมกลับไปช่วยไตรสรณ์ น้องวิคงจะกลับมาเป็นใหญ่ ใช้การอะไรได้มากมายกว่าการได้ผมกลับไป แต่ทำไม ? ทำไมพี่ธรรม์ถึงมองเรื่องนี้ไม่ออก ? พี่ธรรม์ทำท่าดีใจที่ผมจะกลับไปทำงานกับอามัณขนาดนั้น แสดงว่า พี่ธรรม์รู้ดีว่า ผมสำคัญ ไม่งั้น คงไม่มีท่าทีแบบวันนั้น แต่ผลออกมาแบบนี้ แสดงว่าพี่ธรรม์เองก็ไม่ได้รู้อะไรมากซักเท่าไหร่ หรือ พี่ธรรม์เอง มีความสำคัญไม่พอสำหรับอามัณ ? ผมกับพี่ธรรม์สองคน ยังไม่สามารถทำให้อามัณฟังได้เลย พี่ธรรม์เป็นมือขวาอามัณจริงหรือเปล่า ?" ประโยคสุดท้ายที่หลุดออกไป คือ คำกระแทกที่ผสมไปด้วยอารมณ์ร้อน "รุ่ง ! พี่ขอโทษ ! วันนี้พี่โทรมาบอกรุ่งเรื่องนี้ เพื่อให้รุ่งรู้ แล้วไม่ต้องเก็บเรื่องการกลับมาทำงานกับอามัณไปคิดต่อ รุ่งทำงานที่รุ่งชอบแหละ ดีแล้ว พี่มีเรื่องบอกแค่นี้ พี่ขอโทษอีกครั้งนะ พี่ไม่รอบคอบเอง" คำขอโทษสองครั้งของผู้บริหารธุรกิจระดับหลายพันล้าน ทำให้เขาหมดคำพูดที่จะระบายต่อ "ครับ ! ผมรับทราบครับ ! ขอบคุณพี่ธรรม์ที่โทรมาบอก" "ไว้เราค่อยเจอกันนะ แล้วค่อยคุยกัน พี่ขอตัวก่อน" "ครับ !" ทันทีที่กดตัดสายจากธรรม์ หน้าของอาสาวก็ผุดขึ้นในใจของเขา "การตัดสินใจธุรกิจห่าเหวอะไรวะ ! หลานมึงไม่ใช่คนหรือไง ?" คำสบถของเขา ทำให้มอแกนประหลาดใจ "นายเป็นอะไรอะ รุ่ง ? วันนี้นายอารมณ์ไม่ดีเลย !" รุ่งหันมาทางเพื่อน "นายขึ้นชัทเทิ่ลไปละกัน เราจะเดินไปเอง" พูดแล้ว เขาก็เดินออกมาจากที่นั่งรอรถ มอแกนขยับตัวก้าวเท้าเดินตามมา "ไม่ต้องตามมา ! เราจะเดิน !" รุ่งพูดเสียงแข็ง เพื่อนผิวหมึกชะงักเท้าทันที ปล่อยให้รุ่งเดินไปคนเดียว แต่ละก้าวที่รุ่งเดินไปบนทางเท้า ก่อเป็นคลื่นโทสะที่ทยอยผุดเข้ามากระทบจิตใจในรูปแบบของคำสบถที่รุนแรง โทรศัพท์มือถือถูกกดไปหาเพื่อนสนิทคนเดียว ที่เขาสามารถระบายอารมณ์ได้ด้วยคำหยาบ "...... แม่งคิดว่าใหญ่มาจากไหนวะ ถึงเป็นจ้าวชีวิตคนได้ ? กูเกลียดคนแบบนี้ชิบหาย ธุรกิจโคตรพ่อโคตรแม่งสำคัญกว่าอิสรภาพของหลานคนนึงได้ยังไง ? คำว่าธุรกิจมันแดกเข้าไปได้หรือไงวะ ? แม่ง ระยำจริง ๆ คิดกันแบบนี้ มันถึงได้ผลิตแต่คนเป็นโรคจิตเพิ่มขึ้นในสังคม กูไม่คิดเลยว่า คนฉลาดขนาดเป็นประธานบริษัท แม่งจะมีความคิดดักดานอยู่แต่เรื่องธุรกิจ ความเป็นมนุษย์ไม่มี เป็นเหี้ยดีกว่ามั้ง !" วิทย์หัวเราะเบา ๆ "ถึงขนาดเป็นเหี้ยเลย ! อือ ! วันนี้มึงหนัก ! มึงมาหนักจริง ๆ ! ใจเย็น ๆ ก่อนรุ่ง ! เค้าเป็นอามึงนะ มึงจะหยาบไปกว่ากูแล้วนะเนี่ย ! เย็นนี้มาเจอกันหน่อยเป็นไง ? เจอกันแล้วค่อย ๆ คิดว่าจะช่วยน้องวิยังไง มึงอยู่ไหนเนี่ย ?" "อยู่ในฟันปาร์ค !" "จะให้กูไปหาหรือเปล่า ?" "ไม่ต้อง ! กูไม่เป็นไรมาก ! ขอแค่ได้ระบาย" เสียงเพื่อนยังพูดติดหัวเราะ "นาน ๆ จะได้เห็นมึงเป็นเหมือนสมัยเรียนมัธยมซะที สมัยก่อนมึงเป็นแบบนี้เลย มึงจำตัวเองได้ป่าววะ ? เลือดร้อน ไม่กลัวใคร เดี๋ยวนี้มึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนแล้ว อย่าเปลี่ยนกลับไปเป็นแแบบเก่าเลย " รุ่งได้ยินคำเพื่อน ก็มีรอยยิ้มออกมาได้ "หึ ๆ ! ไอ้หลังตีนนี่ มันดี หรือ แย่กว่าเดิมวะ ?" "ฮ่า ๆๆๆ ! ดีกว่าเดิมเยอะ ! แต่ก่อนใครเห็นหน้ามึง ก็อยากจะเอาตีนลูบ หน้ามึงมันไม่แคร์โลก คือ มึงไม่แคร์ว่ามึงจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือเปล่า มึงถึงทำหน้าได้ยังงั้น" เขาหัวเราะเบา ๆ "อือ... ! สงสัยวิญญาณเดิมกลับมา เมื่อกี๊กูก็ฉะพี่ธรรม์ไปหน่อย เค้าเป็นมันสมองข้างขวาของอามัณ เรื่องแค่นี้กลับช่วยไม่ได้" "เค้าเป็นคนกลาง ตัดสินใจไม่ได้ น่าจะลำบากใจ การทำงานในองค์กรมันไม่ใช่แบบร้านโชห่วยข้างถนน ทุกคนมีพื้นที่ที่แสดงออกได้จำกัด คุณธรรม์เป็นผู้บริหารที่เก่งนะ พี่สาวไอ้หนึ่งทำงานอยู่แผนกบุคคลของกลุ่มไตรสรณ์ รู้จักคุณธรรม์ ผู้บริหารระดับนั้นอุตส่าห์โทรมาหามึง แสดงว่าเค้าเห็นว่ามึงสำคัญ เค้าคงช่วยมึงสุดความสามารถแล้ว ไม่ใช่ว่าเค้าไม่ช่วย" "เออ ! กูรู้ ! กูกำลังเดือดเลยพูดออกไป" "Hey Romeo ! Where are you goin' ?" เสียงของแคลร์ทักขึ้น "วิทย์ แค่นี้ก่อน ไว้ค่อยคุยกัน" เขาตัดสายจากเพื่อน แคลร์อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตขาว เสื้อคลุมสีฟ้า กางเกงแสลคสีเทา เธอไม่ได้อยู่ในชุดเสื้อยืดซีดาร์ฟันปาร์คเหมือนปกติ แต่รอยยิ้มที่เป็นปกติของเธอ ก็ทำให้อารมณ์โทสะของรุ่ง เบาลงอย่างฉับพลัน "เธอกำลังจะเดินไปไหน ? ทางโน้นเป็นทางตันไม่ใช่เหรอ ?" แคลร์ร้องทักขึ้นจากทางเดินอีกฟาก ห่างไปประมาณสามสิบเมตร รุ่งมองไปข้างหน้า เป็นถนนลูกรังที่นำไปสุดทางที่พงหญ้า นี่เขาเดินระบายโทสะอย่างไม่รู้สึกตัวมาไกลถึงที่นี่ได้อย่างไร ? รุ่งเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง แล้วเดินตรงไปหาเพื่อนอินเดียน เขาหยุดยืนข้างหน้าแคลร์ ถอนหายใจ กลอกสายตามองเสื้อคลุมที่เธอสวมอยู่ แล้วกลับมามองที่หน้าของเธอ สาวอินเดียนยักไหล่ "เธอจะไม่ทักทายอะไรสักคำเลยเหรอ ?" รุ่งยักไหล่บ้าง แล้วก้าวเท้าเดินผ่านหน้าสาวอินเดียน แคลร์เดินตาม "เฮ้ ! เกิดอะไรขึ้น ? เธอหลงทางหรือยังไง ? ทำไมไม่พูดสักคำ ?" เขาอมยิ้มที่มุมปาก "ฉันมีปัญหา เธอจะช่วยตอบฉันหน่อยได้มั้ย ?" "ยิงมาเลย !" รุ่งหยุดเดิน แล้วมองขึ้นฟ้า "แดดร้อนจนหัวจะไหม้ไฟอยู่แล้ว เธอจะใส่ชุดนี้ทำไม ?" เขาก้าวเท้าเดินต่อ แคลร์เดินตาม "มีคำถามเดียวใช่มั้ย ?" รุ่งเดินไปพูดไป "มีอีกหนึ่งคำถาม ถ้าเธอจะช่วยได้ เธอมองเห็นเทวดา ช่วยติดต่อกับเทวดาให้หน่อยได้มั้ย ? ฉันมีเรื่องไม่สบายใจ อยากให้เทวดาช่วย" "ฉันรู้ว่าใครช่วยเธอได้" แคลร์ตอบ สายตารุ่งยังมองตรงไปข้างหน้า ก้าวเท้าเดินตรงไป แคลร์เดินมาข้าง ๆ แล้วพูดย้ำอีกครั้ง "ถ้าเธอไม่สบายใจจริง ๆ ฉันรู้ว่าใครช่วยเธอได้" รุ่งเหล่มองแคลร์ด้วยหางตา แล้วถอนหายใจ 1 < อ่านหน้า > 3 |
|||||||