เสียงเพลงชาติจบลง ธงชาติประจำโรงเรียนถูกชักขึ้นสู่ยอดเสา

เหล่านักเรียนชายหญิง ตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมหก ต่างเดินเรียงแถวกันเข้าห้องเรียน

ห้องประชุมของครูใหญ่ถูกเปิดแอร์เตรียมไว้เรียบร้อย

โต๊ะยาวมีเก้าอี้เตรียมพร้อมสำหรับผู้เข้าร่วมประชุมหกท่าน

ไม่นานนัก เหล่าครูที่เข้าร่วมประชุม ก็ทยอยกันเดินเข้าห้องประชุมจนครบ

การประชุมในวันนี้ มีครูเจษฎา หัวหน้าครูฝ่ายปกครองเป็นผู้นำประชุม

เจษฏา... ครูหนุ่มวัยสี่สิบปลาย ๆ เลื่อนเก้าอี้เชื้อเชิญให้ ครูหนุ่มรุ่นน้อง...ครูบรรณวิทย์ ซึ่งเป็นครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ และ ไอที นั่งที่เก้าอี้ตัวติดกัน

"ครูวิทย์ นั่งติดกับผมนี่ เดี๋ยวผมมีอะไรจะได้ถามได้ใกล้ ๆ"

ครูบรรณวิทย์พยักหน้า แล้วทรุดตัวลงนั่งที่นั่งติดหัวโต๊ะ

องค์ประชุมพร้อมแล้ว ครูฝ่ายปกครองรวมสามคน, หัวหน้าครูประถม, หัวหน้าครูมัธยม, ครูสอนคอมพิวเตอร์ และ ไอที

ครูเจษฏานั่งเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะ เริ่มพูดวาระการประชุม

"จากการประชุมครั้งที่แล้ว เรื่องกลุ่มเฟสบุคเพื่อนทมิฬหนึ่งเก้า ทางครูฝ่ายปกครอง กับ ครูบรรณวิทย์ ก็ได้มีข้อเสนอให้กับท่านครูใหญ่ เมื่อวาน ท่านก็ได้อนุมัติ ให้ประกาศมาตรการนี้ ให้เด็กนักเรียนทุกคนรับรู้"

หัวหน้าครูปกครองพยักหน้า ให้ครูกัญญาแจกเอกสารแก่ผู้เข้าร่วมประชุม

"สาเหตุที่ท่านให้ประกาศเลย ไม่ต้องรอท่านกลับมาจากประชุมที่เชียงใหม่ เพราะว่า ทางชมรมศิษย์เก่าเรียกร้องให้รีบดำเนินการโดยด่วน แล้วท่านเองก็กังวลว่า ถ้าไม่รีบดำเนินการ เรื่องอาจจะกระทบกับงานเลี้ยงรุ่นสี่สิบปีของโรงเรียน ซึ่งจากข้อมูลที่รวบรวมมา ข้อความในเฟสบุคนี้ ก็เริ่มโจมตีกล่าวหาชมรมศิษย์เก่าในหลาย ๆ เรื่อง หากเราไม่รีบดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านเองจะต้องมีปัญหากับชมรมศิษย์เก่าแน่ ๆ ซึ่งพวกเราทุกคนก็คงไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น"

ครูปทุม... ครูชายหัวหน้าครูชั้นประถมที่มีอาวุโสที่สุด หัวเราะเบา ๆ

"เฮอะ ๆ เดี๋ยวห้องโสต ฯ ไม่เสร็จ"

องค์ประชุมทุกคนหัวเราะคำหยอกของครูอาวุโส

ครูเจษฏาอมยิ้ม

"นอกจากห้องโสต ฯ แล้ว โครงการอื่น ๆ อาจจะต้องกระทบไปด้วย เช่น ห้องปฏิบัติกรรมฐานก็คงสร้างไม่ได้ ถ้างานเลี้ยงครบรอบสี่สิบปี คนมาน้อย พวกเราเศร้ากันแน่ ๆ"

องค์ประชุมมีเอกสารใบประกาศมาตรการอยู่ในมือทุกคนแล้ว ต่างก็ยกขึ้นมาอ่าน

"ในเอกสารที่ครูกัญญาแจกให้ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากที่เราคุยกันเมื่อครั้งที่แล้ว เนื้อความเหมือนเดิม ครูใหญ่อนุมัติตามนี้ จะปิดประกาศวันนี้ แล้วก็จะส่งอีเมล์ให้เด็กนักเรียนทุกคนรับทราบภายในวันนี้ วาระแรก แค่บอกกล่าวให้รับทราบแค่นี้

วาระที่สอง เป็นวาระที่จะขอความเห็น เพื่อนำเสนอครูใหญ่อีกครั้ง ผมจะขอให้ครูบรรณวิทย์เป็นคนเล่าดีกว่า เรื่องเว็บเรื่องคอมพิวเตอร์นี่ ผมไม่ถนัดเท่าไหร่"

ครูบรรณวิทย์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอที เริ่มแถลง

"เฟสบุคกลุ่มลับนี้ ผู้ก่อตั้งเฟสบุคจะให้สิทธิ์ใครก็ได้เป็นผู้บริหาร หรือที่เรียกว่าแอ๊ดมิน แอ๊ดมินจะมีสิทธิ์ในการอนุญาตให้สมาชิกใหม่ เข้ามาร่วมกลุ่ม คือ สามารถมองเห็นข้อความต่าง ๆ ของกลุ่มนี้ และ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ส่วนใครก็ตาม ที่แอ๊ดมินไม่อนุญาต ก็จะไม่สามารถมองเห็นกลุ่มนี้ได้"

ครูทุกคนพยักหน้าเข้าใจ

ครูผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอทีอธิบายต่อ

"หากเราจะจัดการกับเฟสบุคนี้ เราต้องเน้นไปที่แอ๊ดมิน เราต้องถือว่า แอ๊ดมินคือตัวการ ส่วนสมาชิกนั้น เป็นแค่คนเสพ"

ครูมารศรี...หัวหน้าครูมัธยมหัวเราะ

"เหมือนกับปราบปรามยาเสพติด คนเสพถือว่าไม่มีโทษ ส่วนผู้ค้า ตายสถานเดียว"

ครูเจษฏาพยักหน้า

"ใช่ครับ ! เราจะเหมาว่านักเรียนทั้งหมดเป็นคนเลวไม่ได้ ใครที่เป็นสมาชิก เราต้องให้โอกาสเขากลับใจ แต่เราต้องกำจัดแอ๊ดมิน เราต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นแอ๊ดมิน"

ครูกัญญายกมือขอถาม

"แอ๊ดมิน สามารถมีได้กี่คนล่ะ ครูวิทย์ ?"

"แอ๊ดมินมีได้หลายคนครับ ขึ้นอยู่กับว่าแอ๊ดมินเดิม จะแต่งตั้งให้ใครเป็นแอ๊ดมินอีกกี่คนก็ได้ แต่ในลักษณะพฤติกรรมของกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มลับที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ต้องปิดความลับ ผมคาดว่า เขาจะไม่แต่งตั้งแอ๊ดมินมั่ว ๆ แอ๊ดมินต้องเป็นคนที่เขาไว้ใจกันได้มากที่สุด ไม่งั้น เกิดแอ๊ดมินเผลอไปรับครูบางคนเข้าเป็นสมาชิก คราวนี้เรื่องแตกพอดี พวกเขาต้องระวังตัวกันมาก"

ครูกัญญาพยักหน้า

"งั้นแสดงว่า คนที่เป็นแอ๊ดมิน มีเพียงไม่กี่คน"

"ใช่ครับ ผมคิดว่า ไม่น่าจะเกินสี่ห้าคน"

ครูมารศรี ซึ่งมีความรู้เรื่องไอทีแค่งู ๆ ปลา ๆ ตั้งคำถาม

"วิทย์ เธอจะบอกว่า แอ๊ดมินคือหัวโจกใช่มั้ย ? เหมือนกับคนที่มีอำนาจในการชวนใครก็ได้มาเป็นสมาชิก"

บรรณวิทย์ขมวดคิ้ว

"ก็... เป็นหัวโจกน่ะใช่ แต่เรื่องชวนนี่ ผมคิดว่า ไม่ใช่แค่แอ๊ดมินที่ชวน คือการชวนใครเป็นสมาชิกนี่ ก็สมาชิกเดิมนั่นแหละเป็นคนชวน แต่ สุดท้าย ต้องให้แอ๊ดมินอนุมัติ"

ครูมารศรีพยักหน้า

"ก็นั่นแหละ ชั้นเรียกว่าหัวโจกก็ถูกแล้ว เพราะมีอำนาจรับ หรือ ไม่รับใคร มันก็ถือว่าเป็นหัวโจกน่ะแหละ"

ผู้นำประชุมเริ่มสรุป

"ครับ ในเมื่อพอจะรู้แล้วว่าเราจะมุ่งจัดการที่แอ๊ดมิน ผมกับครูบรรณวิทย์ ก็มีข้อเสนอ คือ ข้อแรก เราจะถือว่าผู้เป็นสมาชิก เป็นแค่คนเสพ อย่างที่ครูมารศรีว่า เราจะให้โอกาสกลับตัวกลับใจ แต่ นักเรียนเหล่านั้น ต้องให้ข้อมูลกับเราว่าใครเป็นแอ๊ดมิน เราก็จะถือว่า พวกเขาเป็นพยาน"

องค์ประชุมทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

"ข้อสอง เราจะมีหูตาพิเศษ คือ เราจะให้นักเรียนที่ไม่เข้าข่ายที่จะเป็นสมาชิกแก๊งนี้ ให้กลายเป็นหูเป็นตาในห้องเรียน แทนเรา แล้วบอกข่าวกับเรา"

ครูมารศรีถามขึ้น

"นักเรียนที่ไม่เข้าข่าย หมายถึงยังไงคะ ?"

"แก๊งนี้ ชักจูงได้เฉพาะพวกนักเรียนที่มีปัญหากับครู ซึ่งส่วนใหญ่คือ นักเรียนที่ผลการเรียนไม่ดี มีความประพฤติเกเรอยู่แล้ว ส่วนพวกที่ไม่เข้าข่ายแน่นอน คือ พวกที่ความประพฤติดี และ มีผลการเรียนที่ดี เราจึงจะคัดเฉพาะ นักเรียนที่สอบได้อันดับหนึ่งถึงสาม ของแต่ละชั้นเรียน ตั้งแต่มัธยมที่สี่ขึ้นไป เข้ามาเป็นเครือข่ายของเรา นักเรียนเหล่านี้ จะเป็นสายให้เรา"

องค์ประชุมทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยทันที

"ครูใหญ่เห็นด้วยในวิธีนี้ แค่จะขอความเห็นจากในที่ประชุมนี้ หากครูทุกคนเห็นด้วย เราก็จะเริ่มดำเนินการได้"

ทุกคนพยักหน้ายืนยันว่า เห็นพ้องต้องกัน ยกเว้นครูกัญญา เธอกำลังขมวดคิ้วเหมือนกับมีปัญหาคาใจ

"ครูกัญญา ว่ายังไงครับ ? มีติดข้อสังสัยอะไรหรือเปล่า ?"

"ก็ ถ้าเราถือว่าผู้เป็นสมาชิกคือผู้เสพ ก็คงพอจะเกลี้ยกล่อมกันได้"

"มีลูกศิษย์ที่ครูรู้จักว่าเป็นผู้เสพแล้วเหรอครับ ?"

ครูกัญญารีบสั่นหัว

"เปล่าค่ะ ! แต่ในจำนวนนักเรียนมากมาย เราก็ไม่รู้ว่าใครบ้างเป็นสมาชิก มองจากหน้าก็ไม่น่าจะรู้"

"ใช่ครับ เรื่องพวกนี้ เค้าคงไม่ได้แปะไว้ที่หน้าผาก แต่คงไม่ใช่นักเรียนที่สอบได้ที่หนึ่งถึงที่สามแน่นอน"

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ยกเว้นครูกัญญา

****************************************************************************************************************************

ห้องเล็ก ๆ ที่มีเตียงพยาบาล และ เก้าอี้สี่ตัว ในเรือนภารโรง ถูกจัดเตรียมพร้อมไว้รอภัทรา

แม่ฉวี...แม่ของครูป๋องมีลักษณะผอมเกร็ง ผิวดำคล้ำ ศรีษะมีผมหงอกเกือบทั่ว

อายุเพียงหกสิบปีแต่รูปร่างท่าทางแก่เฒ่าราวกับอายุเจ็ดสิบกว่าปี

วันนี้เธออยู่ในชุดเสื้อยืดคอปก กางเกงสี่ส่วน เป็นชุดที่ครูกัญญาแนะนำว่า น่าจะสะดวกต่อการรับการบำบัด

ครูกัญญาจัดให้แม่ฉวีนั่งรอที่เก้าอี้ ครูป๋องยืนชะเง้ออยู่ที่หน้าประตูห้อง ในใจก็นึกลุ้นว่าเด็กนักเรียนสาวที่มีท่าทางหยิ่งจองหองคนนั้น จะมาตามที่นัดไว้หรือเปล่า

ครูกัญญาเดินมาแตะที่แขนครูหนุ่มอิสาน

"บักป๋องเอ๊ย ! อย่ากังวลไปเลย เดี๋ยวเค้าก็มา"

ครูป๋องพยักหน้ารับรู้

แม่ฉวีหายใจดังฟืดฟาด มีอาการทางเดินหายใจติดขัด ยกยาดมขึ้นดมอยู่ตลอดเวลา

ภัทรา ปรากฏตัวในชุดนักเรียน กำลังเดินอย่างช้า ๆ เลียบมุมตึก มาทางเรือนภารโรง

รอยยิ้มผุดมาจากใบหน้าของครูป๋อง

ผู้บำบัดค่อย ๆ เดินมาถึงหน้าห้องด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ไม่มีรอยยิ้ม

สายตาของภัทรามองเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นคนไข้เป็นหญิงชราผิวคล้ำ แต่งตัวมอซอ เธอถอนหายใจฟืดแบบไม่เกรงใจใคร

ลูกชายคนป่วยยิ้มแหย ๆ ให้กับผู้บำบัด

ครูกัญญากวักมือเรียกสาวน้อย

"แพทตี้ เชิญ !"

สาวนักบำบัดเดินเข้าห้อง จมูกสัมผัสถึงกลิ่นอับชื้นของห้องพักภารโรง อดที่จะแสดงอาการจมูกย่น คิ้วขมวดไม่ได้

ครูฝ่ายปกครองเดินเข้าไปหาภัทรา

"แพทตี้ ยกมือไหว้คุณแม่ครูป๋องด้วย"

เธอทำตามอย่างเสียไม่ได้ ยกมือไหว้คนป่วย แต่ไม่มีรอยยิ้ม

แม่ฉวียกมือรับไหว้ แล้วส่งยิ้มให้

"ตัวน้อยแค่นี้ เก่งจัง ! รบกวนหนูหน่อยนะ"

ผู้บำบัดจอมยโสไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบ

ครูกัญญาทำหน้าที่ประสานงานให้

"เธออยากจะให้ทำยังไงต่อ ก็บอกเลย ให้นั่ง หรือ นอน ?"

ภัทราชี้มือไปที่เตียง

"นอนที่เตียงนั้นค่ะ !"

คนป่วยค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้น แล้วเดินไปที่เตียง ค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง ถอดรองเท้า

ภัทราพูดเบา ๆ

"นอนหงายค่ะ"

คนป่วยทำตาม นอนหงาย สายตาจ้องมาที่ลูกชาย

ครูป๋องส่งยิ้มให้แม่ เหมือนเป็นคำพูดให้กำลังใจว่า ทุกอย่าง ต้องเป็นไปได้อย่างราบรื่น

ภัทราเดินอ้อมมาที่ส่วนศรีษะของคนป่วย เธอหลับตาทำสมาธิ

สักพัก เธอลืมตาขึ้น แล้วใช้มือทั้งสองข้าง กุมที่ข้างขมับของคนป่วย

 

แม่ฉวีหลับตาตามสัญชาตญาณ

สักพัก มือผู้บำบัด เปลี่ยนมาเป็นวางปิดที่ลูกนัยน์ตาทั้งสองข้าง

ครู่หนึ่งผ่านไป มือของผู้บำบัด เปลี่ยนมากุมที่หน้าอกของคนป่วย

ครูป๋องยืนมองดูอย่างสนใจ เขาไม่มีความรู้สักนิดเลยว่า สิ่งที่เด็กนักเรียนหญิงคนนี้กำลังทำ คืออะไร

แต่ลักษณะที่เห็น ไม่เหมือนกับการใช้เวทย์มนต์ หรือ ไสยศาสตร์ใด ๆ

ภัทรากำลังเก็บข้อมูลในแต่ละจักระของร่างคนป่วย เพื่อจะประเมินว่า เธอต้องใช้เวลาในการบำบัดมากขนาดไหน

ด้วยความที่เธอเริ่มฝึกวิชานี้เมื่ออายุยังน้อย และ จำเป็นต้องบำบัดให้ผู้อื่นทุกวัน ทำให้ความเชี่ยวชาญของเธอเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

เพียงไม่กี่นาที ภัทราก็เก็บข้อมูลไปถึงปลายเท้าของคนป่วย

จักระที่หนึ่ง สอง และ สาม ของคนป่วยรายนี้ มีปัญหาอยู่มาก ถ้าจะใช้เวลาสื่อ และ ค้นไปหาต้นเหตุอย่างลึก น่าจะใช้เวลาเกินครึ่งชั่วโมง ซึ่งถือว่าต้องใช้พลังงานของเธอพอสมควร ถึงไม่เหนือบ่ากว่าแรง แต่มันก็เกินกว่าคำว่า 'ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น'

คำว่า 'ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น' ทำให้เธอมีรอยยิ้มออกมา

ภัทราเดินกลับมาที่บริเวณท้องน้อยของผู้ป่วย เธอตั้งสมาธิอย่างเบา ๆ ค่อย ๆ อังมือไปบริเวณใต้สะดือของแม่ฉวี

สัมผัสที่ได้ และ แสงสีที่ปรากฏในมโนจิต เป็นที่คุ้นเคยสำหรับเธอ

เธอใช้มือเกลี่ยพลังงานขยะเหล่านั้น แล้วใช้มือฉวย รวบอากาศ ทำท่าหยิบแล้วโยนทิ้งออกที่ข้างเตียง

ครูป๋องเบิกตาโตในสิ่งที่กำลังเห็น เสมือนว่าเด็กสาวคนนี้ กำลังมองเห็นอะไรในอากาศเหนือท้องน้อยของแม่ตนเอง

ครูกัญญาเคยได้รับการบำบัดด้วยวิชานี้มาแล้ว เธอจึงไม่แปลกใจที่ได้เห็นพฤติกรรมเหล่านี้ของผู้บำบัด

ห้านาทีถัดมา คำว่า 'ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น' ก็มาถึงขีดสุดท้ายของภัทรา

เธอค่อย ๆ ละมือออกจากบริเวณหน้าท้องน้อยของคนป่วย

แล้วหันมาทางครูกัญญา

"วันนี้ พอแค่นี้ค่ะ"

ครูฝ่ายปกครองพยักหน้ารับรู้ แล้วส่งยิ้มให้

"ขอบใจมาก แพทตี้ ออกมาคุยข้างนอกกับครูหน่อย ครูมีเรื่องจะคุยด้วย"

นักบำบัดสาว เดินตามครูกัญญาออกไปนอกห้อง

เมื่อภัทราเดินออกมาพ้นห้อง ครูกัญญาก็พูดขึ้น

"ครูมีเรื่องเตือนเธอด้วยความหวังดี ครูอยากให้เธอให้ความร่วมมือในเรื่องการเป็นสายให้กับครู เกี่ยวกับเฟสบุคเพื่อนทมิฬ ฯ ครูใหญ่ได้มีคำสั่งให้ครูฝ่ายปกครอง เกณฑ์นักเรียนเรียนดี ที่สอบได้ตั้งแต่ที่หนึ่งถึงที่สามของห้อง มาเป็นหูเป็นตาเพื่อบอกข้อมูลของเพื่อนร่วมห้อง ที่เกี่ยวกับการเป็นสมาชิกเฟสบุคกลุ่มเพื่อนทมิฬ ฯ ให้ครูรู้"

ภัทราขมวดคิ้ว

"ข้อมูลอะไรคะ ที่พวกครูอยากจะรู้ ?"

"เราอยากจะรู้ว่า ใครเป็นแอ๊ดมิน มีกี่คน อยากให้เธอบอกชื่อมาให้หมด"

สาวน้อยรับฟัง แต่ไม่มีคำตอบออกจากปาก

ครูฝ่ายปกครอง อ่านจากสายตา ก็รู้ว่าเด็กสาวกำลังคิดถึงผลดี ผลเสีย

"ไม่ต้องรีบตอบครูตอนนี้ก็ได้ แต่อยากให้เธอกลับไปคิด คุณแม่ของเธอ ก็เป็นประธานชมรมศิษย์เก่า หากท่านรู้ว่าลูกสาวท่านเป็นสมาชิกของกลุ่มเด็กนักเรียนเกเร ที่กุข่าวมาด่าชมรมศิษย์เก่า ท่านจะว่ายังไง ?"

ภัทรายังคงเงียบ

ครูกัญญาพูดต่อ

"แต่เธอไม่ต้องกลัว ถ้าเธอให้ความร่วมมือกับครู เธอเองจะกลายเป็นคนที่ทำความดีความชอบให้กับโรงเรียน ครูจะไม่มองเธอว่าเป็นพวกเดียวกับพวกนั้น ครูสัญญา"

ภัทราถามขึ้น

"แล้วพวกครูจะทำยังไงกับแอ๊ดมินคะ ?"

"ขั้นแรกก็คงจะเรียกตัวมาสั่งให้ปิดเฟสบุคนี้ แล้วคงทำทัณฑ์บน แอ๊ดมินจะโดนทัณฑ์บนหนักแน่ แต่พวกที่เป็นแค่สมาชิก เราก็คงปล่อยไป"

ด้วยความคิดอ่านที่รวดเร็ว รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของภัทรา

"ค่ะ ! เอ่อ... คุณแม่ของครูป๋อง ที่มดลูกกับลำไส้ มีปัญหามากหน่อย ถ้ายังไม่รีบกลับ เดี๋ยวหนูจะบำบัดต่อให้ คิดว่าใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จะรู้สึกดีขึ้นอีก"

ความประหลาดใจเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ครูฝ่ายปกครองจับข้อมือของอีกฝ่าย

"จริงเหรอ ? เธอจะบำบัดต่อให้ใช่มั้ย ?"

ผู้บำบัดพยักหน้า

"ค่ะ !"

"ดีมาก ! แพทตี้ ครูขอบใจเธอมาก ได้สิ เข้าไปต่อได้เลย เดี๋ยวครูเดินไปบอกครูป๋องกับแม่"

"ค่ะ หนูขอให้ครูช่วยอะไรอีกนิดนึง หนูจะเคลียร์พลังร้ายให้กับแม่ครูป๋อง อยากให้ครูกัญญา กับ ครูป๋องอยู่นอกห้อง ให้หนูอยู่กับคนป่วยสองต่อสอง แล้วพอครบครึ่งชั่วโมง ขอให้ครูกัญญาเคาะประตู แล้วค่อยเปิดเข้าไปนะคะ"

"ได้ ๆ ครึ่งชั่วโมงนะ ได้เลย"

ครูกัญญาจัดแจงพูดทำความเข้าใจกับครูหนุ่มอิสาน

ทั้งสองคน ยืนอยู่นอกห้อง

ภัทราเดินเข้าห้องอีกครั้ง แล้วปิดประตูไม้ แสงจากภายนอกถูกประตูไม้บดบังไปส่วนหนึ่ง ทำให้ห้องมืดสลัวลง

คนป่วยนอนหงายอยู่บนเตียงตามเดิม

คราวนี้ ผู้บำบัดเตรียมใช้พลังร้อยเปอร์เซนต์ เพื่อทำในสิ่งที่ต้องการ

ครูกัญญาพาครูป๋องเดินมานั่งพักที่เก้าอี้ม้าหินใกล้ ๆ เรือนภารโรง

"ครูกัญญาครับ วิชาที่ภัทราเค้าใช้ เรียกว่าวิชาอะไรครับ ?"

"เค้าเรียกว่า วิชาเรกิ เป็นการใช้พลังงานที่ดี ไปขับไล่พลังร้าย ช่วยให้ลมปราณในร่างกายหมุนเวียนเป็นปกติ"

บักป๋องพยักหน้ารับรู้ ตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยได้ยินชื่อวิชานี้มาก่อนเลย

"ภัทรานี่เก่งจังนะครับ อายุแค่นี้ เรียนวิชาพวกนี้ได้แล้ว"

ครูกัญญาพยักหน้า

ในห้องพักภารโรง สมาธิของภัทราได้ประสานเป็นหนึ่งเดียว ค่อย ๆ เกลี่ยพลังสีดำเหนือท้องน้อยคนป่วย

พลังแห่งลมปราณที่ติดขัด ค่อย ๆ ถูกจัดการสลายไปทีละส่วน

ในมโนภาพนั้น ภัทราเริ่มเห็นภาพของสิ่งแปลกปลอมในร่างกายที่ชัดขึ้น

มันไม่ใช่เชื้อโรคใด ๆ แต่มันคือ โลหะ !

โลหะเพียงแค่หนึ่งหยิบมือ.... ในเมื่อพลังสมาธิได้ที่ได้ทุ่มเทไปเกือบยี่สิบนาที เคลียร์ความมัวทึบไปจนเห็นถึงสิ่งแปลกปลอมนี้แล้ว ภาระที่เหลือก็คือ แค่ฉวยพลังนี้ออกมาจากท้องน้อยคนป่วย

ภัทราทำมือทั้งสอง เป็นท่าโกยสิ่งของ แล้วรวบไว้ในมือข้างขวา กำมือไว้

ที่เหลือ คือ ... รอเวลา !

'ก๊อก ๆ ๆ !' เสียงเคาะประตูดังขึ้น

ตามมาด้วยเสียงของครูกัญญา

"ครบครึ่งชั่วโมงแล้ว ครูจะเข้าไปแล้วนะ !"

ทันทีที่แสงจากภายนอกลอดผ่านประตูมากระทบตัวภัทรา เธอเหวี่ยงข้อมือด้านขวาสวนทางกับแสง ส่งพลังร้ายพุ่งตรงไปทางประตู

ฉับพลันทันใดนั้น.....

ครูกัญญาทรุดลงไปนอนกองกับพื้น

'แป๊ง !'

เสียงโลหะหนึ่งชิ้นกระดอนตกที่พื้น

ครูป๋องรีบก้มลงใช้แขนประคองไหล่ครูกัญญาทันที

ข้าง ๆ ตัวเขา เห็นตะปูขึ้นสนิมตัวยาวเท่านิ้วกลางตกอยู่

__________________________________________________________________________________________

โดย วีรยาติ

<อ่านหน้าแรก

กลับขึ้นด้านบน

พ็อคเก็ตบุคนิยายหมอเถื่อน เล่ม 2 - 4 เปิดให้จองล่วงหน้าแล้ว อ่านรายละเอียดได้ที่นี่

อ่านตอนต่อไป

อ่านตอนอื่น

สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ

อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นที่นี่




Free web counters