ตอน 10

เครียดอะ

เครียด ?

แปดโมงช้า….  รุ่งมาถึงที่ทำงานในสภาพสติสมบูรณ์.....

....แตกต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง  วันนี้เขามีสมาธิมากกว่า รู้ว่ากำลังจะทำอะไรอยู่ ณ ปัจจุบัน

รุ่งใช้คอมพิวเตอร์เช็คเงินในบัญชีธนาคารผ่านอินเตอร์เน็ต  ตัวเลขในบัญชีที่ปรากฏต่อหน้า ทำให้เขาหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ

เขาสูดลมหายใจลึก ๆ สองสามครั้ง  แล้วปิดหน้าต่างบัญชีธนาคาร  หันมาใส่ใจกับที่ทำงาน

ต้อย กับ วิน เด็กฝึกงานสาวในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัย เดินถือเอกสารกองโตผ่านโต๊ะของรุ่ง 

ต้อย…นักศิกษาที่ผิวคล้ำกว่า หยุดยืนหน้าโต๊ะทำงานรุ่ง แล้วพูดไม่ออกเสียง
“วันนี้ ทำงานวันสุดท้ายแล้ว”

รุ่งอ่านปากของเธอได้  พยักหน้า  แล้วพูดแบบไม่ออกเสียง
“รู้แล้ว แล้วทำไม ?”

ต้อยทำจมูกหึ่ง หันหน้าไปหาเพื่อน
วินหัวเราะคิก ๆ

“ต้อย เดี๋ยวไปที่คอม แล้วเอ็มมาคุยดีกว่า”

สองสาวทำหน้าเชิด เดินอมยิ้มไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

เสียงของซิลเวียดังลอดมาจากกำแพงพาร์ทิชั่นของพี่อดิศร  เธอกำลังโต้เถียงอะไรบางอย่าง  รุ่งไม่เคยได้ยินซิลเวียใช้น้ำเสียงแบบนี้กับเจ้านายมาก่อน 

ซิลเวียเป็นน้องรักของพี่อดิศรมาตลอด เขากับพี่ปีเตอร์ต่างหาก ที่เจ้านายแสดงทีท่าว่าไม่ชอบมาตั้งแต่ต้น

เสียงโต้เถียงกันยังดังลอดออกมาเป็นระยะ ๆ  จนคนอื่น ๆ ในแผนกเริ่มให้ความสนใจ

ปีเตอร์นั่งโต๊ะติดกับรุ่ง ชะเง้อหน้ามาพูดเบา ๆ
“เมื่อวานซิลเวียกินอะไร ? อาหารไม่ย่อยหรือเปล่า ?”

รุ่งหัวเราะหึ ๆ
“เป็นไปได้ พี่  สงสัยองค์จะลง เห็นเป็นลูกรักมาตลอด ไหงมากัดพ่อซะได้ ? ”

ปีเตอร์มองไปยังคอกผู้จัดการ แล้วหัวเราะเบา ๆ

“รุ่ง พี่อดิศรเรียกเข้าไปแจกโบนัสครึ่งปีหรือยัง ?”

“ครับ เมื่อวานตอนเลิกงานครับ เรียบร้อยแล้ว”

“เหรอ โอเคมั้ย ?”

“อื้อ… โอเคครับ” รุ่งพยักหน้าช้า ๆ

ปีเตอร์หันกลับไปสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์ตัวเอง  แล้วพูดขึ้นลอย ๆ

“โอเคของเราน่ะ มีหลายความหมาย พี่รู้นะ  เฮ่อ ๆๆ  จะให้ช่วยก็อะไรก็บอกมาแล้วกัน”

รุ่งมองหน้าเขาแล้วยิ้มมุมปาก 

นี่แหละ  เหตุผลหนึ่งว่าทำไมพี่ปีเตอร์ถึงซื้อใจเขาได้ตั้งแต่แรก  เป็นทั้งพี่เลี้ยงที่สอนงาน  แล้วยังถามถึงทุกข์สุขอยู่เป็นระยะ ๆ เสมอ

เวลาสามปีที่กับที่ทำงานนี้  ทำให้รุ่งเรียนรู้สังคมคนทำงานมากขึ้น

เวลาที่ผ่านไป ไม่ได้มีความก้าวหน้าใด ๆ สำหรับเขา ทั้งเรื่องตำแหน่ง และ เงินเดือน  มีแต่ความรับผิดชอบที่มากขึ้น และ ความกดดันที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ  เพียงแต่เขายังรู้สึกสนุกกับการได้ทำงานที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้  ทั้ง ๆ ที่เจ้านายไม่เคยรับความคิดเห็นของเขา แต่คนอื่น ๆ กลับคล้อยตามความคิดเห็นหลาย ๆ อย่างของเขา และ สุดท้าย ก็นำไปปฏิบัติจนได้ผล

รุ่งนึกถึงบุญคุณของพี่ปีเตอร์เสมอ  พี่ปีเตอร์เป็นคนสัมภาษณ์งาน  จากการได้แลกเปลี่ยนทัศนคติหลาย ๆ อย่างในห้องสัมภาษณ์  พี่ปีเตอร์ตัดสินใจเลือกเขาทันทีจากการสัมภาษณ์เพียงครั้งเดียว   

แรก ๆ รุ่งไม่เข้าใจว่า พี่อดิศรมีหลักเกณฑ์ยังไงที่จะเลือกสัมภาษณ์พนักงานใหม่คนไหนด้วยตนเอง หรือ คนไหน จะให้พี่ปีเตอร์เป็นคนสัมภาษณ์  เพราะซิลเวีย ซึ่งสมัครมาในตำแหน่งเดียวกับเขานั้น  พี่อดิศรกลับสัมภาษณ์เอง

ต่อมา บรรดาพนักงานช่างนินทาทั้งหลาย ก็เล่าให้เขาฟังถึงความเจ้าชู้ของผู้จัดการ  เขาจึงเข้าใจเหตุผล  ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นที่มาของความไม่ลงรอยกัน ระหว่างพี่อดิศร และ พี่ปีเตอร์

พี่ปีเตอร์มีบุคคลิกที่ดี หน้าตาสะอาดสะอ้าน เรียนจบปริญญาโทจากอเมริกา ทำงานเก่ง ทั้งการออกความคิดเห็น และ การปฏิบัติจริง  ที่สำคัญคือ เป็นขวัญใจของสาว ๆ ในออฟฟิศ  จุดนี้ทำให้พี่อดิศรรู้สึกถึงบรรยากาศของการแข่งขันได้กราย ๆ

ซิลเวียเดินออกมาจากคอกพาร์ทิชั่นของเจ้านาย

เธออยู่ในชุดทำงานที่ดูสมกับผู้หญิงมืออาชีพ เสื้อเชิร์ทสีเหลืองอ่อน กางเกงขายาวเข้ารูปสีดำ   เดินตรงมายังโต๊ะทำงานของเธอ 

กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ โชยตามมา 

หน้าตาเธอเฉยเมย ไม่มีรอยยิ้ม  ทรุดตัวลงนั่ง แล้วเปิดคอมพิวเตอร์

รุ่งหันมาสนใจงานของตัวเองที่ยังคั่งค้าง  จิตใจหนึ่งก็แว่บไปนึกถึงตัวเลขในบัญชีธนาคาร อีกจิตหนึ่ง ก็พยายามดึงกลับมาสู่งานที่อยู่ข้างหน้า

หน้าจอคอมพิวเตอร์ แสดงข้อความทักทายมาจากเด็กฝึกงาน
“พี่รุ่ง คืนนี้ไปเลี้ยงส่งพวกเรานะ คนดี๊คนดี”

รุ่งอมยิ้ม แล้วพิมพ์โต้ตอบกลับไป

***********************************************************************************

เที่ยงห้านาทีแล้ว… 

ปีเตอร์สะกิดรุ่ง

“รุ่ง ฟู้ดเซ็นเตอร์ละกัน”

รุ่งมองไปที่โต๊ะซิลเวีย  เธอยังนั่งทำงานอยู่
“ชวนซิลเวียไปด้วยหรือเปล่าพี่ ? ท่าทาง วันนี้คงไม่ได้ไปกินกะพี่อดิศรแน่ ๆ”

อีกฝ่ายพยักหน้า
“อือ ชวนดิ  เดี๋ยวพี่ลงไปก่อน  จะเลี้ยงน้องต้อยกะน้องวิน  พี่นัดเค้าไว้ เดี๋ยวลงช้ามันจะหาว่าเบี้ยว  เจอกันที่ฟู้ดเซ็นเตอร์ละกัน”

“ครับ ซียู”

หน้าจอคอมพิวเตอร์ของซิลเวีย  มีข้อความเอ็มเอสเอ็นทักมา
“ศรีเวียง ลั้นช์ไม่ลั้นช์ ?”

เธอมองเห็นว่าคนส่งคือรุ่ง เธอก็อมยิ้ม พิมพ์ตอบ
“จะชวนไปกินด้วยเรอะ ? ”

“เป่าน่อ จะชวนไปไถนา”

ซิลเวียหัวเราะ  เธอพิมพ์ตอบ  ไม่ทันจะจบประโยค

เสียงมือกระทบที่พนักพิงเก้าอี้เธอ....พลั่ก !

เธอสะดุ้ง หันมามอง

“อี๊  นายหลุดโลก ตกใจหมดเลย”

นายหลุดโลก ยิ้มมุมปาก
“ขวัญอ่อนจริง อีหนูเอ๊ย” รุ่งลากเก้าอี้ที่โต๊ะข้าง ๆ มานั่ง

“ไปกินที่ไหนล่ะ ?” ซิลเวียถามขึ้น

“ฟู้ดเซ็นเตอร์  เป็นไงอารมณ์ดีขึ้นหรือยัง ?”

เธอชะงักสักอึดใจหนึ่ง  แล้วก็ยิ้ม

“อือ… ก็นิดนึงนะ  ชั้นไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย วันนี้ทนไม่ไหวจริง ๆ ไม่เข้าใจว่าบั๊ดเจ็ทเอ๊กซเพนซ์จะทำไปทำบ้าอะไร ถ้าทำไปแล้ว พอถึงเวลาใช้จริง ไม่ได้ใช้ตามนั้นเลย แล้วพอถูกฝ่ายบัญชีถาม ชั้นตอบไม่ได้ ชั้นก็ถูกเล่นงาน แต่คนสั่งให้ใช้ ไม่ไปตอบเอง”

รุ่งรับฟัง พยักหน้า “เธอก็เลยต้องแก้ตัวกับฝ่ายบัญชีตลอด ?”

“ใช่  บางเรื่องชั้นต้องโกหกเลย แล้วชั้นไม่ชอบการโกหก แต่ถ้าพูดความจริงไป ก็ไม่ได้  อึดอัดมาก”

“ทำไมเธอไม่ลองให้พี่ปีเตอร์ช่วยล่ะ ?   ชั้นว่าพี่ปีเตอร์คุยกับฝ่ายบัญชีได้นะ”
เธอสั่นหัว “ไม่ใช่งานของพี่ปีเตอร์  ชั้นทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก แล้วถ้าพี่อดิศรรู้เรื่อง  ก็ยิ่งแย่  เค้าไม่ยอมให้พี่ปีเตอร์ดูเรื่องบั๊ดเจ๊ท เธอก็รู้”

รุ่งพยักหน้า
“อือ… รู้ แต่ทำไมเธอต้องให้พี่อดิศรรู้ล่ะ ?   ถ้าถามความถูกต้องน่ะ บั๊ดเจ๊ทเอกซเพนส์ของแผนก ทุกคนต้องรับรู้  การปิดอย่างนี้ มันผิดอยู่แล้ว  ถ้าเธอให้พี่ปีเตอร์เขาดู เขาจะอธิบายเหตุผลของตัวเลขได้ดีกว่า แล้วเชื่อเหอะว่า พี่ปีเตอร์รู้วิธีที่จะพูดกับบัญชี โดยไม่ให้พี่อดิศรรู้”

ซิลเวียฟังอย่างตั้งใจ
“เหรอ ? ได้ด้วยเหรอ ? ”

“ได้แน่นอน เพราะ พี่เจี๊ยบอะ ชอบพี่ปีเตอร์ ฮ่า ๆๆ  เธอไม่รู้ดิ ?”

ซิลเวียมองหน้ารุ่ง
“หา… ถามจริง ?”

“เอ้า  เดี๋ยวก็ชวนไปไถนาหรอก ก็บอกอยู่นี่แล้ว  เธอน่ะ กลัวนักกลัวหนากะพี่เจี๊ยบ  แต่ชั้นกะพี่ปีเตอร์นะ ชิว ๆ เลย  จิ้มพรวด จิ้มพรวด”

ซิลเวียหัวเราะ “อะไรของเธอ จิ้มพรวด ?”

“ทำอะไรก็ผ่าน ของแบบนี้ มันต้องใช้เสน่ห์มารยา เอาตัวเข้าแลกเว้ย”

“ขนาดเอาตัวเข้าแลก เธอไปทำอะไรกัน ?”

“อื้อ… ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก  แต่ชั้นหมายถึง  เอ่อ… เธอเข้าใจคำว่าเซ็กส์แอ็พพีลใช่ปะ ?”

ซิลเวียพยักหน้า

“นั่นแหละ  เสน่ห์ต่างเพศ เรื่องนี้สำคัญมาก ไม่ได้หมายถึงว่าเราต้องการจะไปมีอะไรกับเค้านะ แต่เสน่ห์มันช่วยให้โน้มน้าวใจเพศตรงข้ามให้คล้อยตามเรา เราต้องการแค่นั้น งานจะได้สำเร็จ”

เธอพยักหน้าซ้ำ

“ครั้งต่อไป ถ้ามีเรื่องบั๊ดเจ็ทอีก ลองมาให้พี่ปีเตอร์ดู แต่ถ้าพี่ปีเตอร์ไม่ว่าง ชั้นว่าชั้นก็ได้นะ  สำหรับพี่เจี๊ยบนะ ชั้นว่าโอเค”

“เธอเองเลยเหรอ ?”

“แหม มันจะอะไรมากมาย เธอเอาแต่ละไอเท่มมากาง เธอเล่าความจริงให้ชั้นฟัง แล้วชั้นจะหาแอสซัมชั่นใส่ให้  แล้วชั้นอธิบายกลับให้เธอฟัง ว่าผ่านหรือเปล่า  ถ้าผ่าน ชั้นจะพูดกะพี่เจี๊ยบให้”

“อือ… เรื่องแอสซัมชั่นเนี่ย เชื่อเธอเลย นายขี้โม้  เธอหาได้อยู่แล้ว มันก็เป็นทางออกที่ดีเหมือนกัน ดีกว่าชั้นต้องโกหกเองแน่นอน”

“แล้วควอเตอร์นี้ล่ะ ผ่านหมดหรือยัง ? จะให้ช่วยเลยหรือเปล่า ?”

“คิวนี้ผ่านหมดแล้ว  แต่ผ่านแบบแย่มากเลย ขอบใจมากนะ”
“อือ  เธอก็เลยใส่อารมณ์กะพี่อดิศรซะ ?”

“อือ  วันนี้หงุดหงิดมาก แล้วก็เหมือนกับอะไรบีบ ๆ หัว  บ่ายนี้มีประชุมกับพี่อดิศรอีก ชั้นอยากจะอัดเรื่องอื่นอีก เอาให้มันรู้ไปเลยว่า ชั้นไม่พอใจ”

ซิลเวียพูดแล้วหายใจเข้าออกฟืดฟาด

รุ่งแปลกใจที่ได้ยินความคิดแบบนี้จากปากซิลเวีย  เหมือนกับไม่ใช่เธอที่เขาเคยรู้จักมาก่อน  เขาเฉลียวใจอะไรบางอย่าง

“ซิลเวีย  แบมือหน่อยดิ”

รุ่งหยิบลูกดิ่งในกระเป๋าเสื้อออกมา

ซิลเวียแบมือซ้ายบนโต๊ะ  เธอคุ้นเคยกับการใช้ลูกดิ่งของรุ่ง เพราะเคยใช้บริการเขาหลายครั้ง

รุ่งจ่อลูกดิ่งบนมือเธอ  กระตุกสายเป็นระยะ ๆ

เวลาผ่านไปเกือบนาที  รุ่งเก็บลูกดิ่งใส่กระเป๋าเสื้อ
“ชั้นว่าชั้นรู้แล้วว่าเธอเป็นอะไร แต่เดี๋ยวค่อยว่ากัน  ตอนนี้ไปกินกลางวันกันก่อนเหอะ  พี่ปีเตอร์กับน้องเด็กฝึกงานสองคนรออยู่ที่ฟู้ดเซ็นเตอร์”

“อือ  เดี๋ยวขอเซฟไฟล์ ปิดคอมก่อน”

 “งั้น เดี๋ยวชั้นมา” พูดจบเขาก็ลุกจากเก้าอี้ เดินผละออกไป
ซิลเวียจัดการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ 

รุ่งเดินกลับมาพร้อมขวดน้ำขนาด 1.25 ลิตร ข้างในมีน้ำสีชาอ่อน ๆ

เขาวางขวดน้ำไว้บนโต๊ะ
“นี่ เดี๋ยวกินกลางวันเสร็จ ไม่ต้องกินน้ำข้างล่าง เธอขึ้นมากินน้ำขวดนี้  ค่อย ๆ กินให้หมด มันแค่ลิตรกว่า”

ซิลเวียมองไปที่ขวดน้ำ
“น้ำอะไรอะ  น้ำชาเหรอ ?”

“น้ำสมุนไพร ล้างน้ำมันพืชในท้อง  เธอกินไปเถอะ เดี๋ยวมีเวลาค่อยเล่าให้ฟัง”

“ครับ คุณหมอ  เดี๋ยวนี้เรื่องสุขภาพ ชั้นกลับเชื่อเธอมากกว่าพี่หมออีก”

รุ่งชะโงกหน้ามามองที่ข้อมือเธอ

ซิลเวียมองหน้าเขา “หาอะไร ?”

“กี่โมงแล้วเนี่ย ?”

ซิลเวียยกนาฬิกาขึ้นดู
“เที่ยงยี่สิบ”

“อือ รีบ ๆ ลงไปเหอะ หิวแระ”

ซิลเวียหัวเราะหึ ๆ  “มาทำงานได้ไง นาฬิกาไม่พก ? ”

“พกทำไม ? มีปากก็ถามชาวบ้านเอา”

******************************************************************************
เสียงโทรศัพท์มือถือรุ่ง ดังขึ้น

“ฮัลเหล… โทรผิดนะคะคุณญา”

“ฮัลเหลบ้านแกดิ  ชั้นไม่ใช่เด็กในสังกัดแกนะเว้ย มาใช้ศัพท์พวกนี้  มือถือใช้ได้แล้วก็ไม่บอก”

เสียงทอมสวดมาตามสาย

“บอกแกแล้วได้เงินเหรอ ?”
“หามือถือเจอที่ไหน หรือ ซื้อใหม่ ?  เอ๊ะ แต่นี่มันเบอร์เดิมนิ”
“อือ.. เรื่องมันเฮี้ยนว่ะ  ทอม แกจำยิ้มได้หรือเปล่า ยิ้มที่หออะ ?”
“อือ รู้จัก ทำไม ?”

“วันก่อนไปกะไอ้วิทย์ มันนัดยิ้มไว้  ก็ไปกินข้าวเย็นกัน  คราวนี้ตอนจะกลับ ยิ้มก็ขอเบอร์มือถือ ชั้นก็บอกว่าทำมือถือหาย ไม่มีเบอร์จะให้  ยิ้มก็บอกว่าให้หาในตู้เสื้อผ้า  ชั้นได้ยินก็ว่าตลก  มือถือจะไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าได้ยังไง เพราะชั้นไม่เคยวางมือถือไว้ในตู้เสื้อผ้าเลย  แล้วยิ้มก็ไม่เคยมาบ้านชั้น ใช่ปะ ?   เค้าจะรู้ได้ไงว่าห้องชั้นมีอะไรบ้างที่น่าจะลืมมือถือไว้  ยิ่งตู้เสื้อผ้าด้วย ใช่ปะ ?   ใครจะไปลืมไว้ในตู้เสื้อผ้า”

“อือ… ปรากฏว่า ?” ทอมถามต่อ

“ปรากฏว่า  มันอยู่ในตู้เสื้อผ้าว่ะ ทอม  มันอยู่ในตู้เสื้อผ้า  กูเป็นงงมาก  เพราะกลับบ้านไป ก็ เออวะ…ลอง ๆ ค้นดู  มันอยู่ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นที่ชั้นหยิบมาใส่ จะออกไปข้างนอก ก็หยิบมือถือใส่กระเป๋าลงไป  พอดีวันนั้นฝนตก ไม่ได้ออกไป ก็เปลี่ยนใจ ถอดกางเกงเก็บพับเข้าไปในตู้เสื้อผ้า  แล้ว กูก็ควายจริง ๆ พับมันทั้ง ๆ ที่มือถืออยู่ในนั้นก็ไม่รู้เรื่อง  แล้วปิดเครื่องไว้ด้วย โทรเข้าไปก็ไม่ได้  ฮ่า ๆๆๆ แล้วลืมแบบสนิท  นึกไม่ออกเลย  หาทั้งห้อง ทุกมุม นึกไม่ออกจริง ๆ”

ทอมหัวเราะ
“ฮะ ๆๆๆ  แล้วยิ้มรู้ได้ยังไง ?”

รุ่งพยักหน้าไปด้วย
“ใช่  ยิ้มรู้ได้ยังไง  แกรู้ป่าว ? วันนั้นชั้นบอกว่ามือถือหายหาไม่เจอ ยิ้มตอบสวนมาเลยว่า ลองหาในตู้เสื้อผ้า  คือ แบบตอบเหมือนกับอึจ่อตูดอยู่อะ แม่งหลุดพรวดมาเลย ไม่ต้องคิด”

ทอมหัวเราะ “ฮ่า ๆๆๆ  อีบ้านี่ เทียบแต่ละอย่าง”

“อือ… ยิ้มรู้ได้ไง ?   ทอม แกตอบหน่อยดิ”

“อือ  หรือว่ายิ้มมีองค์ หรือ มีตาทิพย์ หรือ หูทิพย์ อย่างที่แกเคยอธิบาย อภิญญา อะไรพวกนี้  เป็นไปได้หรือเปล่า ?”

“อือ ก็นั่นก็อาจเป็นไปได้ แต่ชั้นอยากรู้เหมือนกัน  ยังไงก็จะขอบคุณเค้าด้วยที่ช่วยหามือถือให้  เพราะถ้าหายไปนะ เงินก็ไม่มีซื้อใหม่หรอก”

“มันจะหายไปได้ไง ? มันอยู่ในตู้เสื้อผ้าแก  ซักวันหนึ่ง แกก็ต้องเจอ”

“เออ ใช่ ยกเว้นแต่ตู้เสื้อผ้าจะหายไปด้วย  เฮ่อ ๆๆๆ”

“บ้าแล้วมึง”  เธอหัวเราะตามไปด้วย  “รุ่ง ตกลงได้โบนัสยัง ?”

รุ่งเปลี่ยนเรื่องไม่ทัน “หา… ไรนะ ?”

“โบนัสครึ่งปีของแกล่ะ ได้ยัง ?”

เขาชะงักไปครู่หนึ่ง
“อือ เค้าประกาศแล้วเมื่อวาน”

“ได้เยอะป่าว ?”
“ก็พอ ๆ กับที่คิดไว้  แกโทรมาถามเรื่องนี้เหรอ ?”
“เปล่า  โทรมาเรื่องอื่น  แต่คุยกะไอ้วิทย์เรื่องงานแกอะ ถ้าแกยังถูกเค้าดองอย่างนี้นะ แกจะรับภาระยังไงไหว ?   ค่าเทอมก็ต้องจ่าย ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอีก..”
“เออน่า… อีกเรื่องอะ โทรมาเรื่องไร ?”

เขาชวนทอมเปลี่ยนเรื่องทันที ไม่อยากคุยเรื่องปัญหางานในเวลานี้

ทอมเข้าใจว่าเพื่อนไม่ชอบคนเซ้าซี้  เธอจึงไม่รบเร้าต่อ

“อีกเรื่อง  น้องแฟนนี่ โทรมา บอกให้ช่วยบอกแกด้วยว่า คุณลุงจะเลี้ยงเรา ให้เราสองคนไปกินข้าวด้วย  มีแกกะชั้น แฟนนี่ พี่ชาตรี พี่รุ้ง แล้วก็คุณลุงคุณป้า แค่นี้ คือ ตั้งใจเลี้ยงเราสองคนโดยเฉพาะเลย  แฟนนี่ให้มาถามว่า จะว่างวันไหน”

รุ่งได้ยินแล้วรู้สึกดีใจ ภูมิใจในวิชาที่ได้ร่ำเรียนมา
“อือ  นี่กี่เดือนแล้วเนี่ย หายแล้วเหรอ เจ๋งอะ  แฟนนี่เก่งมากเลยเนอะ วันนั้น  แกก็ขั้นเทพ เล่นด้นมโนมยิทธิได้  เลขาพรรคเลี้ยงเชียวนะเว้ย ยังงี้ต้องเน้า”

“หา… เน้าอะไร ?”

“เอ่อ… ศัพท์ของที่บริษัทนี่วะ มาจากแอนเน้าซ์ คือ ป่าวประกาศ”
“อ้อ.. สรุปว่า แกว่างวันไหน  ?”

“สรุปว่า ชั้นไม่ไป”

“หา  ไม่ไป ?”

“อือ… ไม่อยากไปว่ะ  ยังไงไม่รู้  แกอยากไปแกก็ไปแล้วกัน”

“แกไม่ไป ชั้นจะไปทำซากอะไร  ไปไม่ไปก็ตามใจ ยังไงแกก็น่าจะโทรหาแฟนนี่หน่อยละกัน  ไปไม่ไปก็บอกน้องเค้าด้วย  ท่าทางเค้าอยากให้เราไป ถ้าเราไม่ไป น้องแฟนนี่คงเศร้า”

รุ่งนึกถึงหน้าของสาวน้อย  เขามีความรู้สึกเอ็นดูต่อแฟนนี่เสมอ ถึงแม้จะไม่ได้พบกันนานแค่ไหน

ทอมย้ำอีกครั้ง “ว่าไงรุ่ง ? แกโทรหาน้องเองละกันนะ”

“อือ….”
 
เขาเงียบไปสักพัก แล้วถามขึ้น

“ทอม พรุ่งนี้แกว่างหรือเปล่า ?”

“พรุ่งนี้ ไม่ว่าง นัดอาจารย์สอนภาษาจีน แกจะทำไม ?”

“เปล่า ไม่ว่างไม่เป็นไร”

“จะชวนไปไหน ?”

“ว่าจะชวนวิทย์ไปเจอยิ้ม  อยากรู้เรื่องนั้น”

“อ๋อ เหรอ   แกจะจีบยิ้มเปล่าเนี่ย ?”

“เปล่า ไอ้วิทย์มันดูดตูดอยู่”

รุ่งใช้ศัพท์ที่รู้กันดีระหว่างเพื่อน  ดูดตูดคือการขับรถให้ชิดกับท้ายรถคันหน้ามากที่สุด  ในที่นี้ เขาหมายถึงการจีบสาวโดยการตามติดไม่ทิ้งระยะห่าง

“อ้าวเหรอ ? …  ทำไมชั้นไม่รู้วะ  ดูด ๆ ไปเหอะ เดี๋ยวคันหน้าเบรคเข้าก็หน้าแหก”

“เฮ่อ ๆ ๆ”

“ชั้นไปไม่ได้ แกก็ชวนวิทย์ไปละกัน”

“ไม่เอาอะ ไม่อยากไปเกะกะ คนเค้าจะเชื่อมกัน ไม่อยากไปเป็นมดไต่”
เขาพูดแล้วเงียบ  นึกถึงสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ เขาอยากมีกิจกรรมอะไรอื่น ๆ ทำเพื่อไม่ต้องคิดถึงปัญหาที่กำลังเป็นกังวล

“เฮ่ย  รุ่ง เงียบทำไมวะ ?   ทำไรอยู่ ?”
“เปล่า  มีอะไรอีกเปล่าล่ะ ?”
“อือ ไม่มีแล้ว งั้นก็แค่นี้ก่อน”

ทอมตัดสาย

*****************************************************************************

หกโมงเย็น...ฮอนด้าซีวิคสีเทาของซิลเวีย วิ่งอย่างช้า ๆ ลงจากตึกจอดรถ

รุ่งทำหน้าที่เป็นตุ๊กตาหน้ารถ  ทั้งสองกำลังเดินทางไปงานเลี้ยงส่งน้อง ๆ เด็กฝึกงานที่ร้านคาราโอเกะ

โชเฟอร์สาวถามทาง
“เธอรู้จักร้านใช่หรือเปล่า ?  วิ่งไปทางไหนล่ะ ?”
“อือ  รู้จัก ไปทางแยกอโศกอะ  แล้วพี่หมอไปเจอที่นั่นเหรอ ?”

ซิลเวียพยักหน้า
“อือ เนี่ยกำลังจะโทรบอก”

เธอยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด

เป็นครั้งแรกที่รุ่งได้นั่งรถของซิลเวีย  ไม่ค่อยมีใครได้นั่งรถของซิลเวีย เพราะบุคลิกของเธอ ทั้งการแต่งกาย และ วิธีการทำงาน ทำให้คนอื่นเกรงใจ   จัดว่าเป็นผู้หญิงที่มีสมอง มีผลงานเทียบเท่าชาย   คนส่วนใหญ่จะเลือกนั่งรถไปกับพี่ปีเตอร์มากกว่า ซึ่งดูเป็นกันเอง และ สบาย ๆ กว่า

ความจริงแล้ว ซิลเวียเป็นคนที่ไม่มีอะไรในใจที่น่ากลัว  รุ่งมองเธอออก 

เธอแค่มีบุคลิกในที่ทำงานเป็นเอกลักษณ์ของเธอ มุ่งมั่น งานคืองาน  เหตุและผลเหนืออารมณ์  บุคลิกการแต่งกายที่เนียบ คล่องแคล่ว การแต่งหน้า และ ใช้เครื่องสำอางค์ที่เหมาะสม ทำให้บุคลิกของเธอดูน่าเชื่อถือในสายตาคนทั่วไป

ซิลเวียตัดสายจากพี่หมอหลังจากนัดแนะ

รุ่งอมยิ้ม

“ยิ้มอะไรเหรอ รุ่ง ?”

“วันนี้คนคงงง  เธอมาคาราโอเกะกับพวกเราได้ด้วย”

โชเฟอร์หัวเราะ
“ชั้นก็คนเหมือนกันนะ  ชั้นก็เที่ยวกับเพื่อน ๆ เหมือนกัน แล้วอีกอย่าง ชั้นก็ค่อนข้างสนิทกับพี่หนูนะ”

เธอหมายถึงพนักงานหนุ่มรุ่นพี่ฝ่ายบุคคล ที่เป็นเจ้าภาพเย็นนี้
“อ้าวเหรอ ?   แหม ผู้หญิงเหมือนกัน คงเข้าใจกัน”

ซิลเวียได้ยินแล้วสะอึกคำพูดของรุ่ง หัวเราะในลำคอ
“เหอ ๆ ๆ แต่เค้าก็เปิดเผยดีนะ แล้วก็จริงใจ พอได้คุยกันแล้วรู้สึกว่า เออ.. คบได้นะ  แต่เห็นเธอก็สนิทกับเค้านี่ ? ”

“อือ…  รอซักวันนึง พี่หนูคงใส่กระโปรงมาทำงาน  เธอว่าปะ ?”

ซิลเวียหัวเราะ
“รุ่ง เล่าเรื่องยาของเธอได้หรือยัง  ชั้นว่ามันได้ผลมากนะ คิดว่าไม่ใช่อุปาทาน แต่ตอนประชุมกับพี่อดิศร มันก็ผ่านไปได้ด้วยดี  แต่จริง ๆ ก่อนเข้าประชุม ชั้นก็รู้ว่าอารมณ์ดีเหมือนปกติแล้ว”

“อือ… มันไม่ใช่ยา มันเป็นน้ำสมุนไพร สำหรับล้างน้ำมันพืชในลำไส้  อาการของเธอน่ะ เป็นอาการถุงน้ำดีข้น มันทำให้อารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียว  แล้วก็มีอาการอื่น ๆ อีกเยอะ แต่เธออาจจะไม่ได้สังเกต”

ซิลเวียขมวดคิ้ว
“ถุงน้ำดีข้น เป็นไงอะ ? ไม่เคยได้ยิน”
“ถุงน้ำดีมันไม่มีปาก เธอไม่มีวันได้ยินมันหรอก”

ซิลเวียทำจมูกบาน หันมามองหน้า  แต่เธอไม่ถือสาเพื่อนคนนี้มาสักพักใหญ่แล้ว

“เล่ามาเถอะ ท่านผู้รู้ จะไม่กวนไม่ได้เลยหรือ ?”

รุ่งหัวเราะหึ ๆ

“เรากินอาหารที่ใช้น้ำมันพืชมาตลอดชีวิต น้ำมันพืชมันก็ไปเคลือบอยู่ในลำไส้ น้ำก็ล้างไม่ออก เพราะน้ำกะน้ำมันมันเข้ากันไม่ได้  คือ น้ำมันเนี่ยมันจะไม่ละลายในน้ำปกติ แต่ต้องมีกรดไปชะมันออก  เวลาที่เรากินอาหารที่มีน้ำมันพืช ถึงจะดื่มน้ำตามลงไปมากเท่าไหร่ น้ำมันก็ยังเกาะติดกับลำไส้ยังงั้น  เกาะไปเป็นสิบปี เท่ากับอายุเราน่ะแหละ…”

ซิลเวียพยักหน้าว่า กำลังคิดตาม

“…พอมันเกาะเคลือบอยู่อย่างนั้น เวลาเรากินอาหาร กินน้ำเข้าไป มันไม่ได้เข้าไปถึงตัวเลย เพราะระบบดูดซึมภายในของเรา ถูกน้ำมันพืชเคลือบอยู่หมด  ร่างกายก็ไม่ได้รับสารอาหาร ไม่ได้รับน้ำที่กินเข้าไป  เพราะมันไม่ได้ซึมไปใช้ ไตก็ต้องพาน้ำไปทิ้ง คือ ฉี่  คนสมัยนี้ก็เลยฉี่บ่อย เป็นโรคไต…”

ซิลเวียพยักหน้า “อือ ใช่ นี่ก็หนึ่งล่ะ ที่ชั้นเป็นอยู่”

“…พอมันเคลือบ น้ำเข้าไม่ได้ ถุงน้ำดีซึ่งต้องการน้ำไปผลิตน้ำดี มันก็ข้น เส้นเลือดที่วิ่งจากถุงน้ำดีนี้ มันวิ่งไปหลายจุดของร่างกาย  จุดใหญ่ ๆ คือ มันวิ่งขึ้นสมองส่วนหน้า  เมื่อถุงน้ำดีมีปัญหา เลือดที่วิ่งขึ้นสมองส่วนหน้าก็น้อย  สมองเธอก็จะได้รับออกซิเจนน้อยลง เพราะออกซิเจนมันวิ่งไปกับเลือด  เมื่อออกซิเจนน้อย ก็มีอาการผิดปกติของจิต  อาการฉุนเฉียว ความอดทนต่ำ  วีนแตกง่าย ๆ เนี่ย มาจากสมองได้รับออกซิเจนไม่พอ...”

ซิลเวียพยักหน้าเข้าใจ เธอตามทั้งหมดทัน

“…วิธีแก้ คือ ต้องไปล้างน้ำมันพืชออกจากลำไส้  พอล้ำไส้สะอาด น้ำที่กินเข้าไป ก็ซึมเข้าตัว ไปเจือจางถุงน้ำดี  เลือดก็เดินปกติ  แค่นี้ก็จบ  สมุนไพรที่ไปล้างถุงน้ำดีได้มีหลายตัว แต่ที่กินง่ายที่สุดคือ ชากำมะลอ  ถ้าสนใจชั้นค่อยเล่าวิธีทำให้ฟัง  แต่วันนี้หาชากำมะลอไม่ได้  ก็เลยเล่นของแพง มันเป็นสมุนไพรผง เทใส่น้ำแล้วชงกิน  แต่วัตถุประสงค์เดียวกัน คือ เข้าไปล้างน้ำมันในลำไส้”

ซิลเวียทวนคำ “ชากำมะลอ คือชาเทียมเหรอ ?”

รุ่งหัวเราะ “อื้อ… เปล่าหรอก มันคือ ยาปาป้าที”

“ยาปาป้าที คืออะไร ?”

รุ่งทำหน้าจริงจัง
“มันเป็นศัพท์ทางการแพทย์ทางเลือก ที่เรียกสูตรสมุนไพรล้างระบบดูดซึม ต้องคนที่ร่ำเรียนมาเท่านั้น จึงจะรู้จัก ยาปาป้าที ชากำมะลอ”

ซิลเวียพยักหน้า ทวนคำ “อือ… ยาปาป้าที ชากำมะลอ… แล้วหาซื้อได้ที่ไหนล่ะ ?”

“ไม่ต้องซื้อที่ไหนหรอก ก็ไปตลาด ซื้อปาปาย่ามาทำ ทำแล้วชาวบ้านเรียกชามะละกอ แต่นักวิชาการเรียก ยาปาป้าที”

ซิลเวียเข้าใจทันทีว่าถูกลากลงแม่น้ำไปซะแล้ว

“โถ่  นายหลุดโลกเอ๊ย…”

รุ่งหัวเราะชอบใจ
“อาการอื่น ๆ ที่เป็นนะ ลองสังเกตดูว่าเป็นหรือเปล่า ? คือ ร้อนใน อุณหภูมิในตัวสูงขึ้น นอนไม่หลับ แพ้อากาศ ฉี่บ่อย…”

“เป็น ๆ  นอนไม่หลับ เป็นมาหลายวันแล้ว แล้วก็ฉี่บ่อย แต่ยังไม่แพ้อากาศ”
“อือ… นั่นแหละ ต้นเหตุคือถุงน้ำดีข้น  แต่นอนไม่หลับนี่ ของเธอมีเรื่องขาดเอสโตรเจนด้วย”

“เหรอ ขาดแล้วยังไง ?”

“ขาดแล้วก็มีมีผลต่อเรื่องอารมณ์เหมือนกัน  เอสโตรเจนช่วยให้ใจเย็น อดทนสูง แล้วก็ทำอะไรที่ช้า ๆ ค่อย ๆ ทำได้ ไม่รำคาญ  แล้วก็นอนหลับสบาย”

ซิลเวียพยักหน้าตาม

“ลองสังเกตตัวเองว่า เป็นงี้ป่าวนะ? คือ ขาดเอสโตรเจนน่ะ มันจะนอนหลับไม่สนิท  แล้วก็ตัดสินใจเร็ว รอไม่ได้ รอแล้วหงุดหงิด แล้วไม่ค่อยร้องไห้  แต่ไม่ใช่อดทนสูงนะ คือ มันร้องไม่ออก แต่มันออกมาเป็นอารมณ์ฉุนเฉียวเลย  แต่ถ้ามีเอสโตรเจนเพียงพอ มันจะอดทนได้สูง เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มองผ่านได้  มีอารมณ์เคลิ้มได้ง่าย ๆ อ่อนไหว แต่ไม่อ่อนแอ   ดูหนังซึ้งยังเงี้ย ร้องไห้ออกมาได้ เพราะซาบซึ้ง  ร้องแล้วก็รู้สึกดี”

ซิลเวียคิดตาม เธอรู้สึกว่าหลายอย่างตรงกับที่ตัวเธอเป็นอยู่  สมัยหนึ่ง ก่อนที่จะเข้าทำงานที่นี่  เธอชอบดูหนังซึ้ง ๆ  หลาย ๆ เรื่อง เธอต้องร้องไห้ตาม  แต่เดี๋ยวนี้ เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะมีความอยากที่จะดูหนังด้วยซ้ำ

เธอพยักหน้าหลาย ๆ ครั้ง
“ใช่ ๆๆ  ชั้นไม่ได้ร้องไห้มาหลายปีแล้ว แต่ก่อนร้องประจำเลย”

“ร้องไห้น่ะ ไม่ได้หมายความว่าอ่อนแอทุกครั้งนะ  บางครั้งมันคือปีติที่คนมีเอสโตรเจนสูงเขาระบายปีติออกมาทางน้ำตา  แต่ถ้าขาดเอสโตรเจน มันไม่ร้องหรอก มันจะฉะท่าเดียว”

“อือ เหรอ  ยิ่งพูดยิ่งเข้าเค้าเลย  ระบายปีติ  แปลว่าอะไร ?”

รุ่งนึกแล้วเขาก็ไม่รู้จะอธิบายว่าอย่างไร ขี้เกียจอธิบายซะมากกว่า
“ช่างมันเหอะ ศัพท์ทางพุทธศาสนา ชั้นไม่ถนัดหรอก ลืม ๆ มันไปเหอะ”

“ขาดเอสโตรเจนต้องทำยังไง ?”

“ของเธอ ต้องเพิ่มด้วยการมองโลกในมุมมองที่ต่างออกไป”

เป็นคำแนะนำที่แปลก แต่น่าสนใจ
“ยังไงอะ ไม่ใช่ต้องกินอะไรเพื่อเพิ่มฮอร์โมนเหรอ ?”

“เรื่องกินน่ะ ก็กินน้ำมะพร้าวอ่อนบ่อย ๆ  มีเงินก็ไปซื้อมุกสกัด แต่ของเธอที่หนักคือเรื่อง…”

รุ่งนึกเฉลียวใจ หยุดความคิดได้ทัน  นี่เขากำลังจะก้าวก่าย เข้าไปสั่งสอนเรื่องทัศนคติในการมองโลกของเธอ  ซึ่งเกินหน้าที่ของเพื่อนร่วมงาน  เขาไม่ใช่เจ้านายของซิลเวีย และ ไม่เคยคิดจะทำตัวเป็นอาจารย์สั่งสอนใคร  น่าจะหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านี้

“…. เธอจัดการกับเรื่องถุงน้ำดีข้นก่อน นั่นมีผลมากที่สุดตอนนี้  เรื่องเอสโตรเจนเดี๋ยวชั้นส่งบทความให้อ่านแล้วกันนะ”

ซิลเวียพยักหน้า  วันนี้ต้องถือว่า เธอพึ่งพาเพื่อนร่วมงานคนนี้ได้อย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน  ทั้งเรื่องสุขภาพ และ เรื่องจิตใจ 

“ขอบคุณนะ  เรื่องดีเฟนด์บั๊ดเจ๊ทเอ๊กซ์เพนส์ด้วย  ขอบคุณนะ  รุ่งโรจน์”

รุ่งหันมามองหน้าโชเฟอร์ หรี่ตา แล้วอมยิ้ม
“ยิ้มอะไร ?”

รุ่งหันหน้ากลับไป มองไปทางหน้ารถ แต่ยังอมยิ้มอยุ่
“ยิ้มอะไร รุ่ง  เจ้าเล่ห์อีกแล้ว ยิ้มอะไร ?”

รุ่งถามขึ้น
“พี่หมอชื่อจริงชื่ออะไร ?”

“ชื่อพรหมกรณ์ ถามทำไม ?”

รุ่งหัวเราะคิก ๆ
“หัวเราะอะไร บอกมา หัวเราะอะไร ?  ทำไมนะ เธอชอบพูด ๆ หยุด ๆ ?”

“ตลก เวลานึกว่า ตอนเธอมีอารมณ์แบบจะแสดงออกว่าขอบคุณอะไรเงี้ยะ ….คง… ขอบคุณนะ พี่พรหมกรณ์”

ซิลเวียหัวเราะปนงง เธอไม่เข้าใจว่ารุ่งหมายถึงอะไร  เธอย้อนคิดไปถึงประโยคก่อนหน้านี้ แล้วเธอก็นึกออก

“อ๋อ… ทำไมเหรอ ชั้นเรียกชื่อเต็มเธอแล้วทำไม ?”

ตุ๊กตาหน้ารถ นั่งยิ้ม พูดขึ้นเบา ๆ
“อารมณ์ไหนกันนะเนี่ย  ถึงเรียกรุ่งโรจน์ ม่ายเค้าจาย ฮิ ๆ”

ซิลเวียรู้ตัวว่าพลาดท่าอีกแล้ว  เธอเคยตั้งใจว่าจะไม่เรียกชื่อเต็มของเขาอีก แต่ก็พลาดจนได้

โทรศัพท์มือถือของรุ่งดังขึ้น

หน้าจอโทรศัพท์ขึ้นชื่อทอม

“ฮัลโหล…”
ปลายสายตอบกลับมาทันที 
“รุ่ง พรุ่งนี้น่ะ ที่แกอยากจะไปหายิ้ม ไปตอนบ่ายได้หรือเปล่าล่ะ ?”

รุ่งได้ยินแล้วก็ยิ้ม
“ไม่ได้ซีเรียส ทอม  ชั้นยังไม่ได้นัดวิทย์เลย แกมีนัดแกก็…”

“…งั้นเป็นตอนบ่าย ชั้นว่างบ่าย”

รุ่งตอบกลับ

“ได้ ได้ เดี๋ยวนัดวิทย์ได้แล้วโทรไปหานะ”

เขากดมือถือตัดสาย

“ฐิติชญา… แกมันก็น่ารักยังงี้เสมอ”

เขาพูดกับตัวเอง

แล้วหันมาทางโชเฟอร์

“อือว่ะ…ซิลเวีย  พอเรียกชื่อเต็ม ๆ แล้วมันได้อารมณ์แบบนี้นี่เอง…เหอ ๆๆๆ”

การจราจรวันศุกร์สุดท้ายของเดือน.....  ไม่เคยเปลี่ยนแปลง  ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือร้าย  วันศุกร์ปลายเดือน ก็ยังมีเอกลักษณ์เช่นเดิม

พอสมองเริ่มว่างจากการสนทนา ความคิดกังวลเรื่องภาระที่ยังหาทางออกไม่ได้ ก็เริ่มเข้ามารบกวนสมองของรุ่งทีละน้อย ทีละน้อย
เครียด

__________________________________________________________________________________________

โดย วีรยาติ

กลับขึ้นด้านบน

นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก เปิดให้จองแล้ว กดที่นี่

 

อ่านตอนต่อไป
อ่านตอนอื่น

1. สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ

2. แสดงความคิดเห็น หรือ โหวต

- ชอบตัวละคร ขอเชิญโหวตได้ที่นี่

- อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นที่นี่

เชิญเยี่ยม Facebook หมอเถื่อน

(ให้กำลังใจโดยเข้าไป แล้วกด Like หรือ เขียนคำวิจารณ์)

Blog counter