หกโมงเช้า
คุณหมอเคาะห้อง 940 แล้วผลักประตูเข้าไป มีนางพยาบาลสาวถือประวัติ และ ผลเลือดเดินตาม
เพ็ญ....คนเฝ้าไข้ท่าทางเพิ่งตื่น ลุกจากโซฟาห้องรับแขกเดินมา แต่คุณยายนอนตาใสแจ๋วบนเตียง ยกมือขึ้นไหว้คุณหมอ
อีกฝ่ายยกมือรับไหว้
“เป็นไงบ้างครับ ? คุณยาย เมื่อคืนนอนหลับสบายมั้ยครับ ?” คุณหมอเดินเข้ามาข้างเตียง
“ค่ะ หลับสบายดี แล้วหมอล่ะ หลับสบายดีมั้ย ?”
คุณหมอหัวเราะเบา ๆ แล้วเงยหน้าดูปริมาณน้ำเกลือในขวด
“ครับ ผมก็หลับสบาย ผลเลือดออกมาแล้วนะครับ ไม่มีอะไรมาก คุณยายเป็นโลหิตจางนิดหน่อยน่ะครับ เม็ดเลือดต่ำเล็กน้อย น้ำตาลในเลือดสูงไปบ้างไม่มาก อย่างอื่นก็ปกติ คุณยายเพลียมากก็ตามประสาคนมีอายุน่ะครับ ไม่มีติดเชื้ออะไร ไข้ก็ไม่มี หมอให้ยาบำรุงเลือดไปนะครับ ส่วนน้ำตาลไม่สูงมาก ยังไม่จ่ายยาให้นะครับ น้ำเกลือนี่จะหมดประมาณซัก แปดโมงเก้าโมงเช้า วันนี้บ่าย ๆ ดูอาการอีกทีนะครับ ถ้าไม่มีอะไร เย็นนี้ก็ออกได้ครับ”
คุณยายถามกลับ “แล้วหมอล่ะ เป็นโลหิตจางหรือเปล่า ? น้ำตาลของหมอสูงมั้ย ?”
หมอหนุ่มมองหน้า “ทำไมเหรอครับ ? คุณยายนี่ถามแปลกกว่าคนไข้คนอื่น เป็นห่วงผมหรือครับ ?”
คนไข้หัวเราะ “ก็หมอถามยายได้ ยายก็ถามหมอได้สิ ใช่มั้ย ยายก็จ่ายยาให้หมอได้เหมือนกัน”
ทั้งหมอและพยาบาลหัวเราะเบา ๆ
คุณหมอหันไปสั่งงานพยาบาลเล็กน้อย แล้วหันมาหาคุณยาย
“ผมไปก่อนนะครับ” เขายกมือไหว้ แล้วเดินออกไปพร้อมพยาบาล
คุณยายหัวเราะ แล้วบ่นกับเพ็ญ
“อือ... ครั้งที่แล้วเข้าโรงพยาบาล เสียเงินสามหมื่นกว่าบาท หมอถามโน่นถามนี่ แล้วก็ให้ยามา ครั้งนี้ชั้นก็กะว่าจะถามหมอบ้าง แล้วจะจ่ายยาให้หมอบ้าง จะได้หายกัน ไม่ต้องจ่ายเงิน ดีมั้ยเพ็ญ ? น้ำตาลสูงก็กินใบมะยม ถ้าติดเชื้อก็กินเม็ดมะรุม โถ่ ชั้นน่ะ ความรู้เรื่องอาหารรักษาโรคก็ใช่ย่อยนะ”
เพ็ญหัวเราะ “ค่ายาแพงจังนะคะ ถ้ามีลูกหลาน น่าจะส่งเรียนหมอ”
“ชั้นมีหลานเป็นหมอแล้ว คนเดียวก็พอ” คุณยายพูดด้วยความภาคภูมิใจ
**************************************************************************************
เจ็ดโมงเช้า
เสียงเคาะประตูห้อง 940 ดังขึ้น เพ็ญเดินไปแง้มประตูออกดู เห็นสาวรุ่นยืนอยู่หน้าประตูยกมือขึ้นไหว้
“สวัสดีค่ะ พี่เพ็ญ ทอมเองค่ะ”
“อ้าวทอม มาแต่เช้าเชียว” เพ็ญเปิดประตูให้
“ใครมาน่ะ ? ” คุณยาย ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป็นคุณย่า ยกแว่นขึ้นมาใส่
“หนูค่ะ คุณย่า ทอม” สาวทอมหอบกระเช้าผลไม้เล็ก ๆ เดินเข้าไปที่เตียง
“หนูเอาผลไม้มาฝากหวังว่าคุณย่าคงไม่ได้เป็นเยื่อหุ้มหัวใจ” เธอวางกระเช้าไว้ที่โต๊ะข้าง ๆ
คุณย่ายิ้ม หน้าตาเปลี่ยนเป็นสดชื่นทันที ยื่นมือให้จับ
“ย่าน่ะ ฝ่ายกล้ามเนื้อหัวใจจ๊ะ จะกินผลไม้มากเท่าไหร่ก็ยังขาดโปตัสเซียม ทอม แล้วรุ่งล่ะ ? มาด้วยกันหรือเปล่า ? ”
สาวหันหน้าซ้ายขวา ดูให้แน่ใจว่า ไม่มีใครอยู่ในห้อง นอกจากเพ็ญ
“มาค่ะ รุ่งรออยู่ข้างล่าง ให้ทอมขึ้นมาก่อน เดี๋ยวทอมโทรไปเรียกรุ่งขึ้นมา... คุณย่าคงเข้าใจนะคะ”
“จ๊ะ ตอนนี้ไม่มีใคร ให้รีบขึ้นมาเถอะ ย่าคิดถึงจะตายแล้ว”
สาวทอมกดมือถือไปหาเพื่อน
“รุ่ง ขึ้นมาได้ ไม่มีใคร”
“ไม่มีใคร.. อ้าว แล้วย่าชั้นหายไปไหน ? ” เสียงปลายทางตอบมา
สาวถอนหายใจ
“ไอ้... อย่าให้ชั้นด่าแกตอนเช้า เดี๋ยวแกจะซวยทั้งวัน รีบ ๆ ขึ้นมาซะ”
เธอกดวางมือถือ สั่นหัวกับเพื่อนที่แสนกวน
คุณย่าแบมือซ้าย ยื่นมาให้
“เอ้า แม่หมอ ดูให้ย่าหน่อยว่าย่าเป็นอะไร”
แม่หมอพยักหน้า เธอล้วงไปในกระเป๋าผ้า หยิบลูกดิ่งออกมา
“คุณย่าวางมือตรงนี้นะคะ เดี๋ยวหนูยืนตรงนี้ดีกว่า ถนัดกว่า”
ทอมจ่อลูกดิ่งบนฝ่ามือคุณย่า ขมวดคิ้วหน่อย ๆ เพ่งสมาธิไปที่ลูกดิ่ง
ลูกดิ่งดูดบ้าง แกว่งบ้าง สลับกันไปมา
คุณย่ามองไป ยิ้มไป เธอรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่หลานชาย พาเพื่อน ๆ มาเยี่ยม รู้สึกอบอุ่น และ สนิทซะยิ่งกว่าหลาน ๆ ที่อยู่บ้านเดียวกัน
แม้รุ่งไม่เคยอาศัยอยู่กับเธอเลยตั้งแต่เกิด แต่เธอรู้สึกรักหลานชายคนนี้มากที่สุด
สิ่งที่ปู่ของรุ่ง..สามีเธอที่ลาโลกไปแล้ว ได้ทำไว้กับครอบครัวรุ่ง มันเกินไปกว่าที่เธอจะให้อภัยตัวเอง ทำไมเธอถึงได้ปล่อยให้เรื่องมันบานปลายขนาดนั้น ?
“คุณย่าคะ คุณย่ามีเม็ดเลือดแดงไม่ถึงสามลิตร โลหิตจางค่ะ เพราะมีพยาธิไส้เดือน เดี๋ยวหนูโทรบอกรุ่งให้เลยไปซื้อยาให้ก่อน แล้วค่อยขึ้นมา”
สาวทอมเดินเลี่ยงออกมาที่ห้องรับแขก โทรหาหลานย่า
ย่ามองหลานทอมด้วยความเอ็นดู
ในหนึ่งเดือน เธอมีชีวิตอยู่ไปเรื่อย ๆ เพื่อรอวันที่รุ่งจะมาเยี่ยม วันไหนที่หลานชายคนนี้จะมา เธอจะแต่งตัวให้สวย แต่งหน้า แล้วหัวใจก็เต้นแรง ชุ่มฉ่ำไปทั้งวัน
ทอมเดินกลับมาที่เตียง คุณย่ายื่นมือให้อีก
“ดูต่อสิจ๊ะ”
ทอมสั่นหัว “เดี๋ยวให้รุ่งมาตรวจให้ต่อดีกว่าค่ะ รุ่งเค้าอยากตรวจให้ย่าเค้าเอง นี่เมื่อกี๊ทอมโทรไป ไอ้รุ่งมันด่าทอม บอกว่าใครใช้ให้ตรวจให้ย่า แต่มันวิ่งไปซื้อยาถ่ายพยาธิแล้วค่ะ เดี๋ยวคงขึ้นมา”
ทอมหันหน้ามาหาเพ็ญแทน “ว่าไงพี่เพ็ญ ? เป็นไงบ้าง ? ระหว่างรอรุ่ง ทอมตรวจให้พี่เพ็ญแล้วกัน”
เพ็ญยิ้มดีใจ “ดีค่ะ รอมานาน ครั้งที่แล้วโน่นสองเดือน ให้พี่งดผลไม้ ไม่รู้ว่าดีขึ้นหรือยัง เดี๋ยวขอพี่ล้างมือก่อน”
ประตูถูกเปิดอีกครั้ง รุ่งโรจน์สะพายเป้ เดินเข้ามาในห้อง ทอมกำลังตรวจสุขภาพให้เพ็ญอยู่ที่ห้องรับแขก
เขาหันไปยกมือไหว้เพ็ญ แล้วยักคิ้วให้เพื่อนสาว วางเป้ แล้วรีบเดินตรงไปที่เตียง
คุณย่าอ้ามือทั้งสองรอรับ หลานชายเข้าไปกอด แล้วจับมือย่าไว้
“คุณย่าเป็นไง ? ใครมาเฝ้าย่าล่ะ ? พี่เพ็ญคนเดียวเหรอ ? ”
คุณย่าพยักหน้า เธอลูบหน้าหลานสุดที่รัก แล้วก็ลูบหัว
“ไม่ต้องมีใครแหละ มีเพ็ญคนเดียวก็พอ คนอื่น เฝ้าก็เหมือนไม่เฝ้า ย่าไม่สนใจใครหรอก ย่าน่ะความหวังทั้งหมดก็มีอยู่ที่รุ่งคนเดียว แล้วรุ่งก็ทำให้ย่าภูมิใจที่สุด”
“ผมน่ะเหรอ ? อือ...ขอบคุณครับ ก็มีย่าแหละ ที่พูดแบบนี้ อนาคตผมคงได้เจริญรุ่งเรืองบ้าง เพราะย่าให้พรตลอด”
“เราน่ะ เจริญที่สุดแล้วล่ะ ย่าพอใจแล้วแค่นี้ เราเป็นลูกกตัญญู เป็นหลานกตัญญู แค่นี้เรียกว่าเจริญแล้วนะ คนอื่นจะเป็นอะไร ให้เขาเป็นไปเถอะ เขาจะเป็นเจ้าคนนายคน ซื้อรถใหม่ ซื้อบ้านใหม่ อะไรก็ปล่อยเค้า เราภูมิใจที่เราตอบแทนบุญคุณคน เราช่วยสงเคราะห์คน แค่นี้ทำให้ย่าภูมิใจแล้ว”
รุ่งถอนหายใจ “คุณย่ามีอะไรไม่พอใจหลานในบ้านอีกเหรอ ?”
คุณย่านิ่ง ไม่ตอบ แล้วค่อยโน้มหัวหลานเข้ามา
“ขอย่าหอมแก้มหน่อย มา”
คุณย่าหอมแก้มหลานเสียงดัง ทอมกับเพ็ญชะเง้อคอมามอง
“รุ่งกับทอมมายังไงล่ะ ? ”
“ผมขึ้นรถไฟฟ้ามา ทอมเขาเอารถมาน่ะครับ คุณย่าดูไม่เหมือนคนป่วยเลย…มา เดี๋ยวผมตรวจให้คุณย่านะ” รุ่งหันไปหยิบลูกดิ่งในเป้ออกมา แล้วตรวจสุขภาพบนฝ่ามือให้คุณย่า
สักห้านาที รุ่งก็เริ่มอธิบาย
“คุณย่ามีพยาธิไส้เดือน ติดมาจากอาหาร เลยทำให้เพลีย ไม่มีแรง เดี๋ยวกินยาถ่าย ผมซื้อมาให้แล้ว แล้วก็มีอุจจาระตกค้างประมาณลิตรนึง คุณย่าใช้สูตรเม็ดแมงลักสองช้อนชา ทานไปเรื่อย ๆ ก่อนนะ ทุกวัน”
คุณย่าพยักหน้า “หมอบอกว่า ย่ามีน้ำตาลในเลือดสูง”
รุ่งขมวดคิ้ว “เหรอครับ ? เดี๋ยวผมดูให้”
เขาจ่อลูกดิ่งบนฝ่ามือ สักพัก
“นิดหน่อยครับ ที่น้ำตาลสูงเพราะอุจจาระตกค้าง ไปเบียดตับอ่อน คุณย่าทานเม็ดแมงลักไม่กี่วัน ก็หมด ช่วงนี้ถ่ายไม่ปกติเหรอครับ”
“อือ... จ๊ะ ก็ท้องผูก ผิดปกติมาประมาณซักอาทิตย์นึงก่อนหน้าเข้าโรงพยาบาลนี่แหละ”
รุ่งจ่อลูกดิ่งบนฝ่ามืออีกครั้ง
“ครับ คุณย่าท้องผูกเพราะพยาธิไส้เดือนน่ะ พอทานยาถ่ายแล้ว ก็คงเป็นปกติ ถ้าอุจจาระตกค้างน่ะ มันก็จะมีผลต่อกล้ามเนื้อหัวใจ คนที่ท้องผูก ก็จะมีปัญหาหัวใจตาม ฉะนั้น หลังจากพยาธิหมดไปแล้ว คุณย่าต้องทานผลไม้เยอะขึ้นนะครับ ผลไม้ช่วยให้คุณย่าถ่ายได้ง่ายขึ้น”
รุ่งเดินไปหยิบยาถ่ายพยาธิในเป้มา
“จำได้หรือยังคุณย่า ? ก่อนทานยาถ่ายพยาธิต้องทำไง ?”
คุณย่าพยักหน้า “อ้า.. ได้ ๆ ย่าจะอุทิสส่วนกุศลให้พยาธิก่อน” คุณย่าหลับตาพึมพำสักพัก ก็ลืมตา
รุ่งหยิบยา และ น้ำให้คุณย่า
“เคี้ยวให้ละเอียดค่อยกลืนนะ” เขากำชับ
คุณย่าค่อย ๆ เคี้ยว แล้วดื่มน้ำตาม รุ่งหยิบแก้วกลับไปวางที่โต๊ะ
“รุ่ง...”
“ครับ” เขาเดินกลับมาที่ข้างเตียง
“เราอย่าทิ้งวิชานี้นะ”
“อะไรครับ ? อ๋อ..ลูกดิ่งนี่หรือครับ ? ”
“ย่าภูมิใจมาก รุ่งพยามเข้านะ บอกทอมด้วยว่าย่าภูมิใจ เรามีวิชาดีอยู่กับตัว เราช่วยคนได้นะ อย่าให้ใครมาดูถูกว่าเราไม่ใช่หมอ เราน่ะ ใจเป็นหมอนะ รุ่ง ถึงไม่ได้เรียนหมอ แต่ใจเราเป็นหมอ รุ่งเข้าใจย่าพูดนะ”
หลานชายพยักหน้า เขาเห็นน้ำตาที่คลอเบ้าของคุณย่า ก็ทำให้เขาซาบซึ้ง
ทุกครั้งที่เขาตรวจสุขภาพให้คุณย่า เขาได้รู้สึกว่า เขาได้ตอบแทนบุญคุณอย่างถูกกาลเทศะที่สุด เขาไม่มีเงินมากมายเพื่อตอบแทน เพราะคุณย่าเป็นถึงเศรษฐีอยู่แล้ว สิ่งที่เหมาะสมที่สุด คือ การให้สุขภาพที่แข็งแรงกับท่าน ซึ่งเขาทำได้
ทอมดินมาจากห้องรับแขก มานั่งคุยข้าง ๆ เตียงคุณย่า รุ่งขอตัวเดินมาที่ห้องรับแขก
“พี่เพ็ญ เป็นไง ทอมตรวจอะไรให้ ? ”
“ตรวจทุกอย่างแล้วรุ่ง นี่เดือนก่อนพี่กลับไปที่บ้าน บอกคนแถวบ้านให้ถ่ายพยาธิหมด แล้วให้เขาอ่านหนังสือนาฬิกาชีวิต เดี๋ยวนี้พวกเค้าต้มชามะละกอ ทำกระชายปั่น แบ่งกันกินทุกวัน แต่นี่พี่เป็นหัวใจอีกแล้ว ห้ามกินผลไม้”
รุ่งหัวเราะ “อ้าวเหรอ ? พี่เป็นเยื่อหุ้มหัวใจเหรอ ? ”
“อื้อ ทอมตรวจให้”
“ผมก็ว่าสมน้ำหน้าพี่แล้ว ฮ่า ๆๆๆ พี่เล่นกินผลไม้ทั้งวันยังงี้ พี่ยังขืนลองกินต่อไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวได้หมดแรงเดิน เคยเป็นนิ้วล็อคป่ะ ? ตื่นมามือหงิก ต้องไปขอทานเลยนะ”
เพ็ญหัวเราะ ยกมือชี้หน้า “นี่เรา แช่งเหรอ ? ”
“คุณย่าเค้าคงจ้างเด็กพม่ามาแทนพี่เพ็ญ เดี๋ยวนี้เด็กพม่าน่ารัก ๆ เยอะแยะ ขยันด้วย ค่าจ้างถูกด้วย พี่เพ็ญน่ะเริ่มแก่แล้ว เดี๋ยวเป็นง่อยก็ทำงานไม่ได้แระ”
เพ็ญหัวเราะ เธออยู่กับบ้านนี้มาเกือบสิบปี เห็นอะไรจากลูกหลานบ้านนี้เยอะแยะ ก็มีรุ่งนี่แหละ เป็นคนที่อัธยาศัยดี น่ารัก ไม่ถือตัว แต่ก็คงเรียกรุ่งว่าเป็นคนบ้านนี้ไม่ได้เต็มปาก เพราะรุ่งไม่เคยอาศัยอยู่ที่บ้านนี้เลย
“นี่ รุ่ง รุ่งรู้เรื่องจ๊อดถอยรถใหม่หรือเปล่า ?”
“หือ... เปล่า ทำไมเหรอ ?”
“ก็จ๊อดขอเงินคุณย่าไปหลายแสน บอกว่าจะซื้อรถมือสองไว้ขับไปทำงาน แต่ไปถอยรถบีเอ็มคันละสองล้าน คุณย่าโมโหมาก เพราะรู้ทีหลังว่า ไปขอเงินพ่อมาด้วย เพื่อจะซื้อบีเอ็ม ไม่บอกย่า”
รุ่งเลิกคิ้ว สั่นหัว “ไม่เข้าใจอะ โมโหเรื่องอะไร ?”
“ก็โกหกไง คือ ตัวเองน่ะ อยากจะได้บีเอ็ม ขอเงินพ่อแล้ว แต่เงินไม่พอ ก็ไปบอกย่าว่าจะซื้อรถมือสอง คุณย่าก็เห็นว่าราคาพอสมควร ไม่มากไป ก็ให้เงินมา นึกว่าหลานจะซื้อรถมือสองจริง ๆ แต่กลับไปถอยบีเอ็ม”
รุ่งยังเลิกคิ้วต่อ “เหรอ อ้อ.. มิน่า.... แล้วอาเอกว่าไงล่ะ”
“คุณเอกก็ไม่พอใจเหมือนกัน เหมือนกับถูกลูกมัดมือชก คือ ถอยมาแล้ว ค่อยมาบอกทีหลัง มารู้ทีหลังว่า ไปขอเงินป้ามาอีกด้วย พี่สาวคุณจิ๋มน่ะ”
รุ่งหัวเราะ “อือ... จ๊อดนี่เก่งว่ะ เป็นเรื่องเป็นราวเลยนะเนี่ย ระดมทุนซื้อรถ เหอ ๆๆๆ.. "
"พี่เพ็ญไปนั่งคุยกะคุณย่าข้างเตียงนั่นดีกว่า” เพ็ญพยักหน้าแล้วพากันเดินไป
รุ่งไม่ค่อยจะสนใจเรื่องไร้สาระในบ้านใหญ่นัก ยิ่งรู้ยิ่งวุ่นวาย
**************************************************************************************
สิบโมงเช้า
ประตูห้อง 940 ถูกเปิดพรวด.....
จ๊อด ขยับแว่น เดินเข้ามาในห้อง เห็นรุ่งกับทอมอยู่ข้างเตียงคุณย่า เขาทำหน้าเลิ่กลั่ก ยกมือไหว้คุณย่า
อาเอก อาจิ๋ม และ น้องวิ เดินตามเข้ามา
รุ่งกับทอม ยกมือขึ้นไหว้ อาและอาสะใภ้
น้องวิ เห็นรุ่งก็รีบวิ่งเข้ามาเกาะแขน
“พี่รุ่ง พี่รุ่ง ไม่เจอตั้งนาน”
แล้วเธอก็ยื้อแขนญาติผู้พี่ ฉุดให้เดินไปที่ห้องรับแขก ทอมเดินตามมาด้วย ปล่อยให้ครอบครัวอาเอกถามทุกข์สุขคุณย่า
จ๊อดเหลือบตามองมาทางรุ่งตลอด ไม่พูดไม่จา
“พี่รุ่ง พี่รุ่งลางานอาทิตย์นึงได้ปะ ?”
รุ่งขมวดคิ้ว “ลาทำไม ? ”
“น้องวิจะไปเมืองจีนกับเพื่อนที่มหาลัย พี่รุ่งไปด้วยกันนะ เพื่อนน้องวิฝากมาชวน”
“ลาไม่ได้หรอก งานมีเยอะแยะ ไปกันเถอะ”
“นึกแล้ว แหงะ... น้องกิ๊วคงเสียใจ มันชอบพี่รุ่งนะ จริง ๆ มันบอกน้องวิ... แล้วพี่รุ่งอยากได้อะไรจากเมืองจีนป่าว ?”
“หมีแพนด้าทอดกรอบถุงนึง”
น้องวิหัวเราะ “แอะ.. ใจร้าย กินหมีแพนด้า พี่รุ่ง พี่รุ่ง ถ้าพี่ทอมไปด้วย พี่รุ่งจะไปปะ ?”
ทอมยืนหัวเราะข้าง ๆ “ไม่ไปหรอก แต่ฝากซื้อเห้งเจียปิ้งถุงนึง”
น้องวิหัวเราะ “แหยะ...ใจร้ายกันทั้งคู่”
รุ่งพยักหน้าให้ทอม เป็นสัญญานว่า ได้เวลากลับกันเถอะ
ทอมเข้าใจถึงสถานการณ์ดี เธอรู้เรื่องราวของรุ่งกับคนที่บ้านใหญ่มาโดยตลอด
รุ่งกับทอมเดินมาลาคุณย่า คุณย่าไม่ได้พูดอะไร ท่านเข้าใจว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนควรเงียบ
แล้วทั้งสองก็ยกมือไหว้ลาอาเอก และ อาจิ๋ม จ๊อดเดินเลี่ยงมาในห้องรับแขก
“กลับแล้วเหรอรุ่ง ? ยังไม่มีเวลาได้คุยกันเลย” อาเอกทำหน้าเหมือนกับอยากคุย
“ครับ อาเอกเยี่ยมคุณย่าตามสบายก่อนครับ เดี๋ยววันหลังผมไปหาที่บ้านก็ได้ครับ”
คุณอาพยักหน้า
รุ่งกับทอม เปิดประตูออกไป มีน้องวิเดินออกไปส่ง
สักพัก น้องวิเดินกลับเข้ามา จ๊อดนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก กวักมือเรียกน้องสาวเข้ามา
วิเดินลงส้นเท้าตึง ๆ
“มีอะไร ?” เธอพูดเสียงห้วน ๆ
“รู้ไว้ด้วยนะ ว่าไอ้เด็กบ้านนั้นนั่นน่ะ มันเป็นญาติเธอ เธอจะคิดอะไรน่ะ ชั้นรู้หมด”
เธอรู้สึกฉุนขึ้นมาทันที
“ญาติเหรอ ? พี่จ๊อดเคยเห็นเค้าเป็นญาติเหรอ ถ้าเค้าเป็นญาติเรา น้องวิจะสนิทกับพี่ชายไม่ได้หรือไง ? หนักหัวพี่จ๊อดตรงไหน ?”
“ทู่เรด..พูดมาได้พี่ชาย ไอ้นั่นมันไม่ได้โตมาในบ้านเรา แล้วเค้าก็ไม่ได้เห็นเธอตั้งแต่เกิด มารู้จักกันตอนโต เธออย่าคิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้”
อีกฝ่ายเชิดหน้า
“ใช่ ถ้าน้องวิจะคิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ อย่างแรกที่จะคิดคือ อยากให้พี่จ๊อดเกิดในครอบครัวคนอื่น”
แล้วเธอก็เดินออกจากห้องรับแขก
จ๊อดมองตามน้องสาวด้วยความเคือง ...
...ก็เพราะไอ้เด็กบ้านนั้นแท้ ๆ เขาเคยอยู่อย่างมีความสุขกับตระกูล “ไตรสรณ์” มาตั้งแต่เกิดในฐานะหลานชายคนโตของตระกูล จู่ ๆ คุณย่าก็ไปรับไอ้หลานนอกบ้านที่ไม่ได้เกิด ไม่ได้โตในบ้านหลังเดียวกันนี้ มาเป็นหลานชายคนโต ตั้งแต่วันนั้น ศักดิ์ศรีทุกอย่างของเขาก็หมดไป
จ๊อดเดินก้มหน้าไปมา เขาเหลือบไปเห็นถังขยะ
“พี่เพ็ญ มานี่ซิ นี่กล่องยาถ่ายพยาธิ ของใคร ? ใครกิน ? ”
เขามองลงไปในถังขยะ
เพ็ญได้ยิน แต่เธอทำเฉย ๆ
“นี่ พี่เพ็ญ อย่าให้ผมจับได้นะ ว่าเด็กบ้านนั้นมาแนะนำให้คุณย่าทานอะไรแปลก ๆ อีก”
“ยาถ่ายพยาธินี่มันแปลกตรงไหน ? ” เพ็ญถาม
“พี่เพ็ญ นี่มันโรงพยาบาลทันสมัย หมอก็มี แล้วทำไม เด็กบ้านนั้นเป็นใคร ? ไม่ให้เกียรติหมอ บุกมาถึงที่นี่มาทำเป็นเก่งแนะนำชาวบ้าน ยังงี้มันฉีกหน้าหมอชัด ๆ นี่ไม่ใช่บ้านนอกนะ มาแนะนำยาถ่ายพยาธิ เค้านึกว่ามาหลอกเด็กหรือไง ? หมอก็ไม่ใช่ มาทำอวดเก่งอะไรแถวนี้ ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ก็ไม่มี”
คุณแม่เดินเข้ามาถลึงตา “เงียบ ๆ พูดอะไรเอะอะ”
ไม่ทันขาดคำ เสียงคุณย่าดังมาจากเตียง
“จ๊อด เมื่อกี๊พูดว่าอะไร?”
ทั้งคุณแม่ทั้งลูกชาย หันไปมองคุณย่า ไม่มีใครตอบอะไรทั้งสิ้น
“เมื่อกี๊พูดว่าอะไร จ๊อด ?” คุณย่าพูดเสียงดังขึ้น
จ๊อดทำหน้าเลิ่กลั่ก
อาเอกวางหนังสือพิมพ์ นึกเอะใจว่าลูกชายก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้ว
คุณย่าตะโกนเสียงดังลั่น
“เมื่อกี๊พูดว่าอะไร ?”
เงียบกริบ ทุกคนตะลึง รู้แน่ว่าคุณย่าอยู่ในอารมณ์โกรธสุด ๆ
“เดินมาตรงนี้ เดี๋ยวนี้ ! ”
จ๊อดรีบเดินจากห้องรับแขก ไปที่ปลายเตียง
อาเอกตกใจ ถามขึ้น “มันพูดอะไรครับ คุณแม่ ?”
“มันบอกว่า อย่าให้จับได้ว่าเด็กบ้านนั้นมาแนะนำให้ชั้นกินยาอะไรอีก” คุณย่าพูดช้า ๆ ชัด ๆ
คุณพ่อหลับตา ถอนหายใจ ลูกตัวดี ก่อเรื่องอีกแล้ว
“ใครคือ เด็กบ้านนั้น ?” คุณย่าถามด้วยเสียงดัง กึ่งตะโกน
จ๊อดยืนเก้ ๆ กัง ๆ เขายกมือขยับแว่น
คุณย่าย้ำอีกครั้ง “ชั้นถามว่า แกหมายถึงใคร ? เด็กบ้านนั้นน่ะ ใคร ?”
จ๊อดตอบเบา ๆ “ปล่าวครับ”
คุณย่าขยับตัวเองจากนอนมาเป็นนั่ง ตาของท่านจ้องมาที่หลานชายไม่กระพริบ
“ชั้นขอบอกแกอีกครั้ง ว่าไอ้เด็กบ้านนั้นที่แกเรียก คนนั้น คือ พี่ชายแก ลูกของลุงแก พ่อเขาเป็นพี่ชายของพ่อแก เขาเป็นหลานชายคนแรกของชั้น ถ้าแกไม่ยอมรับ ยังเรียกเขาว่า เด็กบ้านนั้น ชั้นก็ไม่ยอมรับแกเป็นหลานของชั้น เขาจะมีใบอนุญาต หรือ ไม่มีใบอนุญาตเป็นหมอ ชั้นไม่สนใจ เขารักชั้น เขาดูแลชั้นมากกว่าแก ตอนแกมาหลอกขอเงินไปซื้อรถจากชั้น ชั้นเคยขอดูสัญญาจากแกมั้ยว่าแกได้งานจริง ถ้าแกหาสัญญามาไม่ได้ ชั้นจะขอเงินที่แกเอาไปซื้อรถคืน”
นิ่ง... ทุกคนนิ่ง เงียบ !!!!
จ๊อดยืนนิ่ง เหงื่อเริ่มตก เขากลัวคุณย่ามากกว่าใคร ๆ ในโลกใบนี้ คุณปู่เท่านั้นที่ปกป้องเขา รักเขา แต่คุณย่าจะมองเขาตาขวางตลอดเวลา เขาไม่ได้เป็นหลานรักของคุณย่า เขารู้ดี
คุณย่านอนลง แล้วดึงผ้าห่มขึ้น
อาเอกลุกขึ้นจากโซฟา แล้วพยักหน้าให้ลูกชาย เดินตามไปที่ห้องรับแขก
ทันทีที่จ๊อดเดินไปถึงตัว ฝ่ามือเต็ม ๆ ก็กระทบเข้าที่หน้าจ๊อด
“เพี๊ยะ !” แว่นตากระเด็นตกลงพื้น
น้องวิอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“ไอ้สารเลว ! แกพูดคำนั้นออกมาได้ไง ? เด็กบ้านนั้น !... แกจะทำให้คุณย่าหัวใจวายตายหรือไง ? ก่อแต่ปัญหา เขามีศักดิ์เป็นพี่แก จำใส่กะลาหัวไว้ด้วย”
คุณพ่อหน้าแดงด้วยความโกรธ เขาไม่รู้จะพูดอะไรได้มากไปกว่านี้
“วันนี้ แกไม่ต้องมาให้ชั้นเห็นหน้า จะไปไหนก็รีบไป”
จ๊อดก้มลงหยิบแว่น ค่อย ๆ เดินเปิดประตูออกจากห้อง อาจิ๋มเดินตามลูกชายออกไป
“จ๊อด” แม่ดึงแขนลูกชายไว้ “ก็แม่บอกแล้ว ไปเอะอะโวยวายทำไม หา หาเรื่องแท้ ๆ”
“ผมไม่ได้หาเรื่อง ไอ้เด็กบ้านนั้นต่างหากที่ก่อเรื่อง ดูมันดิ หมอก็ไม่ใช่ มาซี้ซั้วเอายามาให้คุณย่ากิน ทำไมโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม ?”
เสียงเท้าของคนกลุ่มหนึ่งดังใกล้เข้ามา
“พี่จ๊อด” เสียงต่อ...ลูกชายของอาพลดังมาแต่ไกล
ต่อ ต้น สองพี่น้องเดินเข้ามาหา ยกมือไหว้อาจิ๋ม
“อาจิ๋มมาแล้วเหรอครับ ? ” ต่อทัก
“จ๊ะ หวัดดี .. ต่อ ต้น”
จ๊อดพยักหน้าเรียกญาติผู้น้องทั้งสอง เดินเลี่ยงออกมาจากคุณแม่
คุณแม่มองตาม สั่นหัว เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเดินกลับเข้าห้อง 940
จ๊อดพาสองคนเดินมานั่งที่ห้องรับแขกกลางของชั้น
“ต่อ ต้น ดูหน้าพี่ดิ” จ๊อดชี้ให้ดูรอยตบของพ่อ
“อ้าว ใครทำพี่ ? ” ต่อตกใจที่เห็นรอยนิ้วมือเต็มแก้มด้านขวา
“คุณพ่อ ตบพี่ เพราะเข้าข้างไอ้เด็กบ้านนั้น”
“ลุงเอกเหรอ ? ทำไมล่ะ ? พี่จ๊อดเล่าให้ฟังหน่อย ไอ้เด็กบ้านนั้นมันมาที่นี่เหรอ ? ” ต่อนึกโกรธทันที
จ๊อดกับต่อเป็นคู่หูที่สนิทสนมกัน ทั้งคู่ไม่ชอบหน้ารุ่งทั้งคู่ แต่ต้นกลับรู้สึกเฉย ๆ ถึงเขาจะไม่ได้ผูกพันกับรุ่ง เพราะรุ่งไม่ได้โตมากับเขา แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจญาติผู้พี่คนนั้น เหมือนกับต่อ
**************************************************************************
รุ่งปิดประตูรถเบา ๆ ไฟบนหน้าปัดยังแสดงว่าปิดประตูไม่แน่น
“รุ่ง ปิดแรง ๆ หน่อย” ทอมพูดเบา ๆ
รุ่งเปิดประตูง้างออกไปสุด แล้วเหวี่ยงประตูกลับเข้ามาอย่างแรง ทอมง้างมือทันทีแล้วตบเข้าไปที่หลังกะโหลกรุ่ง พร้อม ๆ กับเสียงประตูกระทบตัวรถ
“เพี๊ยะ !!! ปัง!!!!”
“ไอ้เลว....แกนี่มันจะบ้าไปถึงไหนวะ ? รถยนต์นะไม่ใช่รถถัง แกนี่ ถ้าไม่โดนชั้นด่าวันนึงจะขี้ออกมั้ยนี่ ? ”
รุ่งยกมือขึ้นคลำหัว “มือหนักชิบหาย อีนี่ เดี๋ยวเอาลูกดิ่งเช็คก่อนว่า กระดูกคอกูเคลื่อนป่าววะเนี่ย”
ทอมเริ่มออกรถ
“รุ่ง ชั้นสงสารคุณย่าแกว่ะ”
รุ่งเงียบ ไม่ตอบ นั่งเขย่าเท้า
“แกว่า คุณย่าแกจะมีความสุขมั้ยเนี่ย เวลาพวกเรากลับออกมาแล้ว ? ”
เงียบ รุ่งนั่งเขย่าเท้า
เธอเหลือบมามอง เห็นหูฟังเสียบอยู่ที่รูหู เธอเอื้อมมือมากระชาก
“โอ๊ย ไอ้ทอม ทำอะไรของแกวะ ? เจ็บนะโว้ย ! ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย ! ไอ้เราก็นั่งพูดคนเดียว นิสัยเสีย อยู่ในรถกันสองคน เสือกนั่งฟังเอ็มพีสาม ปล่อยให้ชั้นเป็นโชเฟอร์ ทำไมแกไม่ไปนั่งหลังซะเลยวะ ? ”
“เอ้า... ไม่บอกแต่แรก จะได้นั่งหลังตั้งแต่แรก”
“ชั้นถามแกว่า เวลาพวกเราไม่อยู่น่ะ คุณย่าแกจะมีความสุขมั้ย ? ”
รุ่งถอดหูฟังอีกข้าง แล้วเก็บเอ็มพีสามใส่เป้
“อือ” เขาถอนหายใจ “ไม่รู้ดิ ชั้นว่า ก็น่าจะมีความสุขนะ คุณย่ามีลูกหลานเยอะแยะ เงินก็ไม่เดือดร้อน คนแก่จะต้องการอะไรมากกว่านี้ ? ”
“แต่แกก็น่าจะเห็นนะ ชั้นได้ยินคุณย่าบ่น ๆ เรื่องหลาน ๆ ในบ้านหลายครั้งนะ ดูท่าทางคุณย่าไม่ค่อยพอใจ แต่พูดได้ไม่เต็มปาก คุณย่ารักพ่อแกมากไม่ใช่เหรอ คุณย่าก็คงรักแกมากด้วยแหละ แล้วยิ่งครอบครัวแกต้องกระเด็นออกจากบ้าน ไปคลอดแกนอกบ้าน คุณย่าคงเสียใจน่าดู แล้วนี่คุณย่าก็ต้องเสียพ่อแกไปอีก ก็เหลือแกเป็นตัวแทน แกน่ะเป็นหลานชายคนโต ถือว่าสำคัญเหมือนกันนะโว้ย คิดไปคิดมา เพื่อนชั้นมันก็หลานเศรษฐีเหมือนกันนี่หว่า”
เธอหันมาทางเพื่อน “อ้าว ชั่วจริง ๆ หลับได้ไงวะ พยาธิแดกป่าวรุ่ง ? ”
เพื่อนนอนหลับคอเอียงกะเท่เล่ ทำเสียงพึมพำในลำคอ
“เมื่อเช้าตื่นเช้าอ่ะ…”
แล้วเสียงก็ขาดไปพร้อมกับสติ ในบรรยากาศของแอร์ที่เย็นฉ่ำ
__________________________________________________________________________________________
โดย วีรยาติ
กลับขึ้นด้านบน
พ็อคเก็ตบุคนิยายหมอเถื่อน เล่ม 2 - 4 เปิดให้จองล่วงหน้าแล้ว อ่านรายละเอียดได้ที่นี่
อ่านตอนต่อไป
อ่านตอนอื่น
สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ
อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นที่นี่
|