ประสบการณ์การใช้เพนดูลั่มของ Diane Stein
บทที่ 3 การอธิษฐานจิต (หน้า 1/3)
การอธิษฐานจิตเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากที่จะเปลี่ยนเพนดูลั่มที่เดิมอาจจะ เป็นเพียงของเล่นชิ้นหนึ่ง ให้กลายเป็นเครื่องมือสื่อสารทางจิตที่ใช้งานได้อย่างจริงจัง
ทั้งนี้เพราะชาวโลกทิพย์จะไม่ทำงานกับสิ่งของ และ บุคคลที่ไม่ได้ผ่านการอธิษฐาน
การอธิษฐานคือการกล่าวคำที่เด็ดเดี่ยวและตั้งใจมั่นว่า ชาวโลกทิพย์ฝ่ายกุศลเท่านั้นที่คุณยินดีต้อนรับให้มาทำงานกับคุณ และ ขอปฏิเสธฝ่ายอกุศลทั้งหมด ซึ่งก็คือชาวโลกทิพย์ที่ให้โทษ ใช้คนเป็นเครื่องมือ หรือ ชั่วร้าย
การอธิษฐานเป็นกิจกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ควรจะทำโดยขาดความเข้าใจว่ากำลังทำอะไรอยู่
การอธิษฐานจิตให้กับเพนดูลั่มก็ดีอยู่ แต ่ผลลัพธ์ที่ได้จะเทียบไม่ได้เลย หากตัวคุณอธิษฐานจิตให้กับตัวคุณเองด้วย
สัจธรรมที่สำคัญข้อหนึ่ง คือ ทุกการกระทำล้วนเป็นกรรม มีผลตามมาที่แน่นอน ความคิดก็ส่งผลเช่นกัน และ น่าจะเป็นปัจจัยหลักเสียด้วย เพราะก่อนคนเราจะทำอะไร มักจะเริ่มด้วยความคิดก่อนเสมอ
ถ้าหากจะมีประวัติศาสตร์ที่เขียนโดยผู้หญิง (Herstory) ขอบอกเลยว่าสำหรับผู้หญิงแล้ว การเรียนรู้จนได้มาซึ่งสัจธรรมดังกล่าว ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาง่าย ๆ มันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ Diane ขอให้ผู้หญิงเรียนรู้เสียในตอนนี้
ผู้หญิงถูกจัดให้อยู่เป็นเพศที่สอง และ เป็นฝ่ายที่ต้องพึ่งพาเพศที่หนึ่งมาหลายพันปี ซึ่งถ้าจะย้อนกลับไปถึงประวัติศาสตร์(สตรี) ของการสร้างโลก (ของพระเจ้า) นี่เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับเจตนารมณ์
ผู้หญิงต่างหากที่เป็นผู้สร้างชีวิตใหม่ และ เป็นต้นกำเนิดของทุก ๆ ชีวิตบนพื้นปฐพีนี้ พระเจ้าในแนวคิดแรกเริ่มเป็น “หญิง”
ผู้หญิงถูกย่ำยี และ เบียดเบียน ครั้งแล้วครั้งเล่า จนโลกเรากลายเป็นโลกที่สืบทอดอำนาจโดยผู้ชาย (Patriarchy) ซึ่งไม่ใช่ระบบสืบทอดที่พิสูจน์ตนเองว่าให้คุณค่าแก่ชีวิตทั้งหลายเลย
ตรงกันข้ามมันเป็นระบบสืบทอดอำนาจที่ทำลายล้าง และ ชั่วร้าย มันทำลายล้างแม้กระทั่งผู้สร้างชีวิตของมันเอง ผู้หญิงถูกลดสถานะมาเป็นผู้รับใช้ สูญเสียความรู้ว่าเป็นใคร มีที่มาจากไหน รวมถึงสูญเสียอิสรภาพไปจนหมดสิ้น
ผู้ชายเองก็ถูกลดสถานะด้วย พวกเขาถูกยัดเยียดความเป็นทาส ถูกหลอกลวง แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็ยังอยู่เหนือผู้หญิง
ผู้หญิงถูกตีกรอบให้ต้องพึ่งพาผู้ชาย ไม่ได้รับการยอมรับผลงานตามสิ่งที่ได้กระทำลงไป ถูกปฏิเสธแม้กระทั่งความคิด ในขณะที่เหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ความคิด และ การกระทำของผู้ชายก็บิดเบี้ยวไปจากเจตนารมณ์ของการสร้างมนุษยชาติ (Creation) ที่ซึ่งผู้ชายทำหน้าที่ในการรับใช้เทพธิดา และ เหล่าทวยเทพ เพศชายเคารพรัก และ ชื่นชมเพศหญิง ผู้ชายเป็นเพื่อนคู่คิดและผู้ปกป้องผู้หญิง นั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น แต่ในประวัติศาสตร์ของเพศหญิง (Herstory) บนโลกนี้ และ แม้แต่ก่อนที่จะเป็นโลกเรา ผู้ชายได้กลับกลายมาเป็นผู้กดขี่ข่มเหง แทนที่จะเป็นผู้ปกป้อง
การกระทำของผู้ชายเป็นไปโดยอิสระของตนเอง แต่ขาดซึ่งความเข้าใจถึงผลที่ตามมา ตัวอย่างที่แจ่มชัดเห็นได้จาก ระบบที่อำนาจอยู่ในมือของผู้ชาย ได้ปล่อยให้มีการแสวงหาผลประโยชน์ที่เกินเลย จนทำให้โลกสกปรกเต็มไปด้วยมลภาวะ โดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่านั่นเป็นการทำลายความอยู่รอดของพวกเราเอง
ในการกดขี่เพศหญิงก็เช่นกัน ผู้ชายลืมไปว่าพวกเขากำลังกดขี่มารดาของพวกเขา และ นั่นก็เป็นการกดขี่พวกเขาเอง
ผู้ชายจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าทุกการกระทำของพวกเขามีผลตามมา และ ควรไตร่ตรองถึงผลที่จะตามมาเสียก่อนที่จะลงมือทำอะไร
อินเดียนแดงบางเผ่ามีคำสอนให้พิจารณาถึงผลกระทบของทุกการกระทำลงไปจนถึง 7 ชั่วอายุคนให้หลัง ก่อนตัดสินใจทำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสมมากสำหรับเรา
การรู้ซึ้งถึงสิ่งที่เราทำและผลของมันในอนาคตที่จะกระทบต่อตัวเราเอง และคนอื่น ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการอยู่รอดของโลก ซึ่งนั่นไม่ได้จำกัดเฉพาะการกระทำใหญ่ ๆ เท่านั้น แต่เป็นทุกการกระทำ
ผู้หญิงจำเป็นต้องเรียนรู้ว่า การกระทำของพวกเธอสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้
ผู้ชายก็ต้องเรียนรู้เช่นกันว่า การกระทำของพวกเขาได้เปลี่ยนแปลง และ กำลังเปลี่ยนแปลงโลก ซึ่งก็ไม่ได้เป็นไปในทางที่ดีเสมอไปด้วย
ทุกคนจำเป็นต้องตระหนักว่า ทุกการกระทำส่งผลต่อพวกเขา ต่อคนที่พวกเขารัก ต่อคนรุ่นหลังที่จะตามมา และ ต่อดาวเคราะห์อันเป็นที่อยู่อาศัยของเรา
ผู้ที่อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องที่มาของมนุษย์ ประวัติศาสตร์และองค์ความรู้ที่สูญหายไปจากการรับรู้ของพวกเรา ขอให้ลองหาหนังสือเล่มอื่น ๆ ของ Diane Stein ได้แก่ Essential Energy Balancing II : Healing the Goddess และ Essential Energy Balancing III : Living with the Goddess
มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาแต่แรกเริ่มให้เทียบเท่าเทวดา และ ภาระของพวกเราในวันนี้ ก็คือ ปฏิรูปตนให้กลับไปสู่สถานะเดิมนั้น
ก้าวแรกที่สำคัญคือต้องเข้าใจว่าคุณเป็นผู้สร้าง (Creator) และ ขอให้ใช้พลังในการสร้างสรรค์แต่สิ่งที่เป็นกุศล (Light) โดยไม่ต้องคำนึงว่า สิ่งที่คุณสร้างสรรค์นั้นจะเป็นเพียงสิ่งเล็ก ๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นความคิด การกระทำ การสร้างสรรค์ หรือ ชีวิต ทุกอย่างล้วนแต่มีผลตามมา และ เราต้องการผลตามมาที่เป็นกุศลเท่านั้น
ทำไม Diane ต้องเน้นในเรื่องนี้มากนัก แค่ทำในสิ่งที่คิดว่า “ถูก” ให้ดีที่สุดยังไม่พออีกหรือ?
คำตอบคือทั้ง “ใช่” และ “ไม่ใช่”
ใช่มันถูกแล้วที่เราจะต้องทำความด ีและ ใช้ชีวิตตามครรลองที่ควรจะเป็น แต่นั่นยังไม่เพียงพอ เพราะโลกนี้เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ลองฟังหัวข้อข่าวแต่ละวันสิ ทุกคนต้องเคยประสบกับมัน ไม่มีใครพ้นจากมันไปได้ วันหนึ่ง ๆ มีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นเต็มไปหมด และ คุณก็อาจจะเคยพูดว่า
“โอ ฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอก ชีวิตก็เป็นอย่างนี้แหละ ฉันเป็นใครที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ได้”
แต่ความจริง คุณนั่นแหละคือคนคนนั้นที่สามารถเปลี่ยนโลกของเราได้
การเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มต้นที่คุณ แต่ละความคิด และ การกระทำที่เป็นไปในทางกุศล จะส่งผลเปลี่ยนแปลงตัวคุณไปในทางเดียวกันด้วย
และเมื่อคนจำนวนมากเข้าใจเรื่องนี้ และ ปฏิบัติ การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นกับพวกเขาทีละน้อย ๆ สมดุลก็จะเริ่มเปลี่ยน เราก็จะถึงจุดพลิกผัน (Critical Mass) และ นั่นก็คือจุดที่โลกจะเริ่มเปลี่ยนแปลงล่ะ
จุดพลิกผันจะเกิดขึ้นได้เมื่อปัจเจกบุคคลจำนวนที่มากพอ สร้างการเปลี่ยนแปลงในการรับรู้ของพวกเขา และ การเปลี่ยนแปลงของพวกเขา ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งขององค์ความรู้รวม (Collective Consciousness)
มันไม่ได้ต้องการจำนวนคนมากมายเหมือนกับที่พวกเราส่วนใหญ่คิดหรอก ขอให้ระลึกไว้ก็พอว่า...
...ทุกสิ่งที่คุณทำมันส่งผล และ การเปลี่ยนแปลงสำหรับทุกชีวิตที่อยู่บนโลก เริ่มขึ้นที่ตัวคุณเอง
ถ้าเช่นนั้นเราจะเริ่มกันอย่างไร ?
ให้เริ่มด้วยการอธิษฐานจิตสำหรับตัวคุณเอง เพื่อเข้าสู่หนทางอันเป็นกุศล
เราจะเข้าสู่กระบวนการกัน อย่างไรก็ตาม ควรจะต้องเข้าใจก่อนว่าการอธิษฐานจิตเป็นการกระทำที่ต้องผ่านการไตร่ตรองมาอย่างสุขุมรอบคอบ
แม้ว่าคุณจะคิดว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาคุณได้ทำแต่ความด ีด้วยเจตนารมณ์ที่จะทำดีมาอย่างสม่ำเสมอ ชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยนไปอย่างมหาศาลอยู่ด ีเมื่อคุณตั้งใจอธิษฐานจิต โดยการกล่าวเป็นคำพูดว่า คุณจะเป็นส่วนหนึ่งของหนทางแก้ปัญหา จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาของโลกนี้อีกต่อไป
เมื่อสิ่งที่เป็นกุศลเข้ามาในตัวคุณ สิ่งที่เป็นอกุศลทั้งหลายก็จะหลบไป
คุณอาจจะพบว่าคุณได้กลายเป็นคนใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม เริ่มงานใหม่ หาที่อยู่ใหม่ เริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ หรือ วิธีการดำเนินชีวิตแบบใหม่ คิดและมองโลกแตกต่างไปจากเดิม สิ่งต่าง ๆ ที่ไม่สำเร็จในชีวิตคุณจะจบสิ้นลง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงานที่ล้มเหลว หรือ นิสัยแย ่ๆ
Diane เห็นความเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่ว่านี้ ครั้งแล้วครั้งเล่ากับลูกศิษย์ที่มาเรียนพลังเรกิกับเธอ
การรับเรกิ และ ตั้งใจจะนำพลังนี้ไปช่วยคนก็เป็นการอธิษฐานจิตในทางที่เป็นกุศลในตัวของมันเอง
เมื่อได้พบกันอีกครั้ง ปีหนึ่งหลังจากการเรียน Diane แทบจะจำลูกศิษย์ของเธอไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงมันช่างมากมายขนาดนั้น แม้พวกศิษย์จะบอกว่าเป็นปีที่ยากลำบาก แต่ไม่มีคนใดเสียใจกับการเปลี่ยนแปลงเลย พวกเขาทุกคนรู้สึกเป็นสุข หรือ อย่างน้อยก็กำลังค้นพบความสุข
และนั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณอธิษฐานจิตเพื่อกุศล คุณจะพบว่า สิ่งดี ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่มีทางไขว่คว้าได้ในอดีต เข้ามาในชีวิตของคุณ คุณจะมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก
การอธิษฐานจิตเพื่อกุศลเป็นกิจกรรมทางจิตวิญญาณที่ไม่ได้เจาะจงว่า เป็นของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ทุกคนสามารถทำได้ แต่ถ้าปรารถนาให้ดูศักดิ์สิทธิ์ จะทำในโบสถ์หรือศาสนสถานก็ย่อมได้ จะทำในสถานที่ธรรมชาติ หรือ ที่บ้านก็ได้อีกแหละ
สิ่งสำคัญอยู่ที่ใจ ต้องระลึกเสมอว่า นี่เป็นการกระทำที่ศักดิ์สิทธิ์ แล ะกระทำด้วยความเคารพ หาที่เงียบๆ ที่สามารถใช้เวลาในการพิจารณาไตร่ตรองก่อนถึงเหตุผลก่อนที่จะอธิษฐานจิต และ หลังจากที่อธิษฐานจิตแล้วก็สามารถใช้เวลาในการรอคอยนิมิต (Impression) ที่อาจจะเกิดตามมา
นิมิต หรือ ความคิด หรือ ข่าวสารต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้มีความสำคัญต่อการใช้เพนดูลั่มมาก ซึ่งจะได้กล่าวถึงในตอนหลัง
การอธิษฐานจิตให้กับตัวคุณเองทำดังนี้
1) หาที่เงียบสงบปลอดจากการถูกรบกวน
2) นั่งสงบกายและใจสักสองสามนาที
3) จุดเทียน (แทนสิ่งที่เป็นกุศล ซึ่งจะนำมาซึ่งชาวโลกทิพย์ฝ่ายกุศล) หรือ อาจจะห่อหุ้มตัวคุณเองด้วยกลุ่มควันธูป เช่นเดียวกับการชะล้างเพนดูลั่ม
4) กล่าวคำอธิษฐาน เช่น “ขออุทิศตัวตนและชีวิตของข้าฯ นับแต่นี้เป็นต้นไปให้กับการสร้างกุศล” กล่าว 3 ครั้ง
5) นั่งสงบสักครู่รอดูสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้ามีเทพพระองค์ใดที่คุณอยากจะเจาะจงอธิษฐานถึง ก็ให้ทำในช่วงนี้ โดยเพิ่มเข้าไปในคำอธิษฐาน เช่น ขออุทิศตัวข้าฯให้กับ เทพไอซิส เทพผู้ควบคุมกฎแห่งกรรม ฯลฯ
ถ้าคุณมีแท่นบูชาอยู่แล้ว ก็เป็นที่ที่เหมาะเจาะต่อการอธิษฐานจิต ถ้าไม่มีคุณจะสร้างขึ้นมาก็ย่อมได้
แท่นบูชาเป็นการนำตัวแทนของธาตุทั้งสี่ (ดิน น้ำ ลม ไฟ) และ ธาตุที่ห้า คือ วิญญาณธาตุ หรือ อวกาศธาตุ (Spirit or Ether) มาประชุมร่วมกัน
ใช้คริสตัลแทนธาตุดิน (Earth)
ใช้ธูปแทนธาตุลม (Air)
ใช้เทียนไขแทนธาตุไฟ (Fire)
ใช้เปลือกหอย หรือ น้ำทะเลถ้วยเล็ก ๆ แทนธาตุน้ำ (Water)
วางทั้งสี่อย่างนี้เป็นวงบนผ้าผืนเล็กๆ
จากนั้นก็จุดธูปเทียน ตรงกลางวงเป็นที่สำหรับวิญญาณธาตุ (Spirit) ซึ่งใช้สิ่งที่เป็นตัวแทนของความศักดิ์สิทธิ์ เช่น ภาพของเทพหรือบรรพบุรุษ
สัญลักษณ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ให้เลือกสิ่งที่เป็นตัวแทนของชีวิต ไม่ใช่ตัวแทนของความตาย หรือ ความเศร้าโศก เพราะการอธิษฐานจิตเพื่อกุศลเป็นเรื่องของการเฉลิมฉลอง ชาวโลกทิพย์ที่ปกป้องเรามาตลอดรอคอยให้เราทำสิ่งนี้มาเป็นเวลานานแล้ว จึงควรทำด้วยความสุข
เมื่อคุณอธิษฐานจิตให้ตัวคุณเองเข้ามาสู่เส้นทางแห่งกุศลแล้ว เทพ หรือ ชาวโลกทิพย์ฝ่ายกุศลก็สามารถทำงานผ่านคุณ
การอธิษฐานของคุณได้สร้างเกราะป้องกันขึ้นแล้วสำหรับเทพ เทพไม่ได้ปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้ายมากไปกว่ามนุษย์ เทพก็ต้องการเกราะป้องกัน และ คุณก็ต้องการเช่นกัน
การอธิษฐานเสมือนการติดคำเตือนต่อสิ่งที่เป็นอกุศลทั้งหลายว่าไม่เป็นที่ต้อนรับ ถ้าสิ่งเหล่านั้นยังพยายามจะเข้ามารบกวนอยู่ล่ะก็ มันจะถูกไล่ออกไป หรือ ทำลายลง
การอธิษฐานยังมอบสิทธิ์แก่เทพคุ้มครอง (Protectors of the Light) ในการป้องกันคุณจากสิ่งที่เป็นอกุศล เพราะชาวโลกทิพย์จะไม่ฝ่าฝืนความตั้งใจอันเป็นอิสระของคุณ การอธิษฐานเป็นการร้องขอความช่วยเหลือจากเทพ และ เป็นการป้องกันที่ทรงพลังที่คุณเองจะซาบซึ้งต่อไปในกาลข้างหน้า
ในตอนนี้ถือว่าเทพสามารถทำงานผ่านตัวคุณได้แล้ว ท่านเหล่านั้นยินดีและรอคอยห้วงเวลานี้มานาน นับจากนี้ความสามารถทางจิตของคุณจะพัฒนา ความสามารถในการรับการชี้นำจะเพิ่มขึ้น คุณจะถูกดึงเข้าไปหาวิธีอื่น ๆ ในการติดต่อกับเทพเพิ่มเติม และ เนื่องจากคุณมีเกราะป้องกันให้กับเทพแล้ว เทพก็สามารถที่จะทำงานผ่านเพนดูลั่มของคุณ ผ่านจิตใต้สำนึก (และแม้แต่จิตสำนึก) ของคุณ และ แน่นอนผ่านระบบกล้ามเนื้อที่ควบคุมเพนดูลั่มของคุณด้วย
คุณอาจจะพัฒนาหูทิพย์ (Clairaudience) ซึ่งก็คือการได้รับข่าวสารโดยการ “ได้ยิน” ซึ่งเป็นการได้ยินโดยตรงจากเทพ โดยไม่ต้องมีสื่อกลางเช่นเพนดูลั่ม คุณอาจจะมีพัฒนาการด้านอื่น เช่น ญาณทัสสนะ (Clairvoyance) พลังในการบำบัด (Healing) ฯลฯ
หลังจากที่อธิษฐานจิตให้กับตัวคุณเองแล้ว ขั้นต่อไปก็เป็นการอธิษฐานจิตให้กับเพนดูลั่ม ซึ่งก็คือการกล่าวคำอธิษฐานที่หนักแน่นเพื่อขอให้ชาวโลกทิพย์ฝ่ายกุศลชั้นสูงสุด มาทำงานผ่านเพนดูลั่มนั่นเอง
คำขอนี้จะเป็นไปเพื่อเพนดูลั่มทั้งหมดเลยไม่ใช่แค่อันเดียว
อย่างไรก็ตามคุณอาจจะทำกิจกรรมนี้ซ้ำทุกครั้งที่ได้เพนดูลั่มอันใหม่มา โดยการวางเพนดูลั่มที่คุณมีทั้งหมดที่แท่นบูชา แล้วกล่าวคำ
“ข้าฯ ขออุทิศเพนดูลั่มทั้งหมดนี้ให้กับชาวโลกทิพย์ (หรือเทพ) ฝ่ายกุศลเท่านั้น ขอให้ชาวโลกทิพย์ฝ่ายกุศลชั้นสูงสุดเท่านั้น ที่สามารถมาทำงานผ่านเพนดูลั่มเหล่านี้ได้”
หรือ อาจจะกล่าวว่า
“ข้าฯขออุทิศเพนดูลั่มเหล่านี้ให้กับความจริง ขอให้เพนดูลั่มเหล่านี้จงให้คำตอบที่ถูกต้องแม่นยำ”
การอธิษฐานในลักษณะนี้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพนดูลั่มเท่านั้น แต่ใช้ได้กับอุปกรณ์ทุกอย่างที่ใช้ในงานที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณของคุณ อย่างเช่น Diane เอง ในฐานะที่เป็นนักเขียนเธออธิษฐานให้กับคอมพิวเตอร์ที่เธอใช้ และ ทุกสิ่งที่เธอสร้างสรรค์ขึ้นมาในคอมพิวเตอร์นี้ นอกจากนี้เธอก็ยังตั้งใจอุทิศบ้าน สวน สัตว์เลี้ยง รถยนต์ คริสตัลทุกชิ้น ฯลฯ อีกด้วย
Diane ตั้งจิตอธิษฐานในลักษณะนี้ครั้งแรกในวันแคนเดิลมาส (Candlemas – 2 กุมภาพันธ์ ) ค.ศ. 1978 และ ทำซ้ำอีกในวันแคนเดิลมาสของทุกปี
คุณก็อาจจะอธิษฐานซ้ำบ่อย ๆ ทั้งในการอุทิศตัวคุณเอง แล ะอุทิศเพนดูลั่ม
สำหรับ Diane เมื่อเธอนำอุปกรณ์ในการสร้างเพนดูลั่มกลับมาบ้าน เธอก็จะเคลียร์ ปรับแต่ง แล้วก็อธิษฐานจิต
เมื่อสร้างเสร็จเป็นเพนดูลั่มเธอก็อธิษฐานซ้ำอีกในทันที จากนั้นก็วางไว้ใต้ปิรามิดอีกหลายวันเพื่อเคลียร์อีก แล้วบางทีก็อธิษฐานอีกก่อนที่จะใช้งานครั้งแรก
บางครั้งแม้แต่ในการลองเพนดูลั่มที่ร้าน เธอก็อธิษฐานที่จุดนั้นเลย ซึ่งหากเธอไม่ได้ซื้อเพนดูลั่มอันนั้น มันก็จะกลายเป็นเพนดูลั่มที่ถูกอุทิศให้กับชาวโลกทิพย์ฝ่ายกุศลไปแล้ว แต่ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นเทพองค์ใด เพราะอาจจะไม่เป็นที่ถูกใจของคนที่จะมาซื้อคนต่อไปก็ได้
เมื่อเพนดูลั่มของคุณได้รับการอธิษฐานจิตแล้ว คุณสามารถที่จะติดต่อกับชาวโลกทิพย์ที่มาทำหน้าที่ได้ แรกเริ่มก็จะมีเพียงองค์เดียวเท่านั้น แต่ในที่สุดก็จะเพิ่มขึ้นเป็นหลายองค์ แต่จะสลับกันมาทำหน้าที่ครั้งละหนึ่งเท่านั้น คุณมักจะรู้ว่าใครกำลังทำหน้าที่อยู่ หรือมิเช่นนั้นคุณก็สามารถถามได้
ชาวโลกทิพย์จะผลัดกันมาทำหน้าที่ไม่ว่าคุณจะใช้เพนดูลั่มอันไหนก็ตาม ไม่ได้มีการยึดติดกับเพนดูลั่มอันใดอันหนึ่ง
ดังนั้น เพนดูลั่มทุก ๆ อันของคุณจึงควรจะได้รับการอธิษฐาน และ เคลียร์ให้ปลอดจากพลังรบกวน เพื่อที่ว่าชาวโลกทิพย์จะสามารถเข้ามาทำหน้าที่ได้ทันทีที่คุณต้องการใช้
หยิบเพนดูลั่มจากด้านสายโซ่ ปล่อยให้ตุ้มน้ำหนักแขวนอย่างอิสระ แล้วก็ถามว่า ชาวโลกทิพย์ชั้นสูงสุดพร้อมที่จะอำนวยการคำตอบให้คุณไหม ? เพนดูลั่มของคุณจะแกว่งตอบคุณว่า “ใช่”
ถามต่อไปว่าชาวโลกทิพย์นั้นเป็นเทพที่คุณคุ้นเคย หรือ เคยทำงานร่วมกันมาก่อน ใช่ไหม ? คำตอบอาจจะเป็น “ใช่”
ถ้ามีชื่อใด ๆ โผล่เข้ามาในใจคุณในตอนนี้ ก็ใช้ในการถามชื่อของเทพองค์นั้นเลย หากไม่ใช่ ก็ให้นึกชื่ออื่น ๆ ที่อาจจะเป็นได้ ถามไปทีละชื่อ บางทีเรื่องชื่อนี้ ก็จะเป็นความลับต่อไปอีกสักพัก อย่างไรเสียก็อยู่ในวิสัยที่คุณจะได้คำตอบในที่สุด และ แม้คุณจะยังไม่รู้ชื่อ แต่ตราบเท่าที่เป็นชาวโลกทิพย์ชั้นสูง ก็ขอให้เชื่อในคำตอบ (เพนดูลั่มต้องเคลียร์และคำถามต้องไม่กำกวม)
ทุกครั้งที่หยิบเพนดูลั่มจึงควรถามว่าเป็นชาวโลกทิพย์ชั้นสูงสุดหรือไม่ที่ อำนวยการอยู่ ถ้าคุณทราบชื่อของเทพ ก็ใช้ชื่อนั้นในการถามเลย
ขอให้ปฏิบัติต่อชาวโลกทิพย์เหล่านี้ด้วยความเคารพ ใช้คำสุภาพ (Please) และ คำขอบคุณ เสมอ อย่าใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ อย่าตะโกน หรือ เรียกร้องจนเกินเลย ถ้าเทพไม่ตอบคำถามบางคำถามหรือไม่ยอมทำบางอย่างที่คุณขอให้ทำ ย่อมจะต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างแน่ ๆ
เทพเหล่านี้ต้องการการเคารพ แต่ไม่ถึงกับการบูชา (Worship) เทพจะไม่อนุญาตให้คุณบูชา แต่ต้องการให้คุณทำงานกับพวกท่านอย่างสร้างสรรค์ และ สุภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่เล็กน้อยมากที่จะขอจากคุณ อีกสิ่งหนึ่งที่เทพต้องการอย่างมากก็คือ การทำงานของคุณกับเหล่าเทพต้องเป็นสิ่งที่เป็นกุศลเท่านั้น พวกท่านจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ตรงกันข้าม
ที่ว่าเป็นกุศลนั้นหมายความว่าอะไร ที่ง่าย ๆ ชัด ๆ ก็คือชาวโลกทิพย์ฝ่ายกุศลจะไม่ปล่อยให้คุณทำสิ่งที่เป็นการทำ ร้ายตัวคุณเอง หรือ ทำร้ายคนอื่น หรือสิ่งอื่น หรือทำร้ายโลก
เทพจะไม่ปล่อยให้คุณเข้าไปแทรกแซงการตัดสินใจที่เป็นอิสระของคนอื่น ซึ่งเรื่องนี้เริ่มจะไม่ชัดแล้ว มันมีเส้นแบ่งเล็ก ๆ ที่ไม่ชัดเจนอยู่ คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ถามข้อมูลของบุคคลอื่นนอกเสียจากว่าได้รับอนุญาตจาก บุคคลนั้น
คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปแทรกแซงความเป็นส่วนตัวของบุคคลอื่น คุณจะไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากทวยเทพ คุณจะไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกรรมของบุคคลอื่น แม้คุณจะคิดว่าการกระทำเช่นนั้นจะเป็นการดีต่อบุคคลผู้นั้นก็ตาม
ถ้าคุณได้รับข้อมูลของคนอื่น มันเป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องบอกเขาคนนั้นถึงสิ่งที่คุณได้รู้มา จะโดยกุศโลบายใด ๆ ก็ตามแต่ ถ้าคุณกระดากเกินกว่าที่จะทำเช่นนั้น ก็น่าจะเป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณไม่น่าถามคำถามนั้น
ผู้บำบัด (Healer) จำเป็นต้องเรียนรู้ และ เคารพกฎเกณฑ์เหล่านี้ ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์เดียวที่จะต้องใช้กับความสามารถทางจิตทุกประเภท การฝ่าฝืนจะนำมาซึ่งผลกรรมที่รุนแรง ดังนั้นคำถามส่วนใหญ่ที่ถามกับเพนดูลั่มจึงควรเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวคุณเอง
อีกประเด็นหนึ่งที่ควรทราบไว้คือ เทพจะไม่ช่วยคุณในเรื่องการพนันอย่างแน่นอน อย่าหวังที่จะได้รับตัวเลขเด็ด หรือม้าตัวที่จะเข้าวิน Diane เห็นเรื่องพวกนี้มามากในสมัยที่เธอทำงานเป็นบริกร
เธอเห็นผู้หญิงจำนวนมากที่สร้างความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่จะถูกลอตเตอรี่เงินล้าน พวกหล่อนศึกษาตำราเกี่ยวกับตัวเลข ตำราการทำนายฝัน แม้แต่แผ่นกระดาษทำนายโชคชะตาที่สอดเอาไว้ในฟอร์จูนคุกกี้ และ ก็แทบไม่คุยเรื่องอื่นเลยนอกจากตัวเลขที่จะเลือก แล ะใครคนไหนที่ได้ หรือ เสียมาเท่าไร
บริกรหาเงินได้น้อยแสนน้อย และ พวกหล่อนก็เอาเงินที่ควรจะใช้ในสิ่งที่จำเป็น ไปอุดหนุนรัฐ รัฐซึ่งนำเงินไปใช้ผิด ๆ พลาด ๆ และ ไม่ได้ต้องการเงินอันน้อยนิดที่พวกหล่อน เหล่านี้หามาได้เลย
ก็เพราะรู้อย่างนี้ Diane ถึงไม่เคยซื้อลอตเตอรี่เลย และ สำหรับบิงโก หรือ เกมส์การพนันทั้งหลายแล้ว เธอน่าจะมีสิ่งที่ตรงข้ามกับ ความสามารถด้านพลังจิต เช่น เธออาจจะเล่นบิงโกได้ทั้งตาโดยไม่ “โดน” เลยสักช่อง
อย่าคาดหวังว่าเพนดูลั่มของคุณจะช่วยในการเลือกตัวเลข หรือ ช่วยในการชนะพนัน มันชัดอยู่แล้วว่าเทพจะเป็นผู้เลือกบุคคลที่จะเป็นผู้ชนะไม่ว่าเราจะปรารถนา เช่นใด
อ่านหน้าต่อไป >