|
|
|
|
นิทานธรรม กับ ดร.เอ๋ย ตอน 17
คุณยาย "นอร่า อ๊อคส์"...ว่าด้วยแนวคิดของผู้สูงวัย
|
วันรับปริญญาอาจเป็นเวลาของความสุขที่ปนความหวาดหวั่น
เป็นช่วงเวลาของความตื่นเต้นในความสำเร็จขั้นสำคัญ
และ ความไม่แน่นอนของอนาคตข้างหน้า
และวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2550
“นอร่า อ๊อคส์” คุณยายวัย 95 ปี ก็เป็นหนึ่งในบัณฑิตใหม่สาขาวิชาประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพอร์ตเฮย์สเตท รัฐแคนซัส ร่วมกับหลานสาวแท้ ๆ ซึ่งสำเร็จพร้อมกัน
คุณยายนอร่ากลายเป็นบัณฑิตที่มีอายุสูงที่สุดในโลก
คุณยายนอร่า มีลูกชาย 3 คน หลาน 13 คน และ เหลนอีก 15 คน
เมื่อสามีที่อยู่กินกันมานาน 39 ปีเสียชีวิต เมื่อปี พ.ศ. 2525 คุณยายก็เริ่มหันมาเรียนหนังสือใหม่
เธอกล่าวว่า เธอไม่เคยสงสัยตัวเองเลยว่าจะเรียนไม่จบ หากยังมีสุขภาพกาย และ สุขภาพจิตที่ดี
อายุก็เป็นเพียงตัวเลข เมื่อเรียนจบแล้ว คุณยายอยากทำงานเป็นผู้เล่าเรื่องต่าง ๆ บนเรือสำราญ
ผู้สูงวัยที่มีอายุเกินร้อย และ ยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่เป็นคนไทย ก็มีหลายท่าน ผู้เขียนได้ยกตัวอย่าง ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ ณ อยุธยา ในหนังสือเล่มนี้ไปแล้ว
และ ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียน คุณยายเล็ก เอี่ยมรอด ซึ่งแม้มีอายุเกิน 103 ปี แต่ก็ยังพายเรือไปตามลำคลองเพียงคนเดียว เพื่อเก็บขวดที่ลอยมากับน้ำไปขาย
แม้ลูกหลานจะคัดค้านไม่ให้ทำ แต่คุณยายก็ไม่อยากปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
หรือ คุณยายแจ้ว แซ่เล้า อายุ 105 ปี ซึ่งเดินเท้าระยะทาง 5 กิโลเมตร
ไปฟังเทศน์รักษาศีลทุกวันพระไม่เคยขาดแม้ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง จนอายุกว่า 90 ปี
และ คุณย่าผิว วิมล อายุ 101 ปี ที่ยังลงไปดายหญ้ารอบบริเวณบ้านอยู่ทุกวัน
สิ่งที่มีเหมือนกันในผู้สูงอายุทั้งหมด คือ ความมั่นคงในพุทธศาสนา
และ การปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ทำให้ไม่ทุกข์ และ ไม่เครียด
สวดมนต์ภาวนาทุกคืนก่อนนอน ทุกท่านสามารถท่องบทสวดต่าง ๆ ได้อย่างแคล่วคล่องไม่ติดขัด
และ เป็นส่วนหนึ่งของ ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
ในฐานะที่เป็นคุณแม่ 100 ปีดีเด่น โดยการคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปี พ.ศ .2552
เราคงไม่คาดหวังที่จะมีอายุยืนยาวเพียงนั้น
แต่เมื่อวัยหนุ่มสาวผ่านไป วัยชราเข้ามาแทน
เราควรจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะยังมีคุณภาพจิตที่ดี มีความสุข
ท่านให้ยึดหลัก 4 ประการให้มั่น คือ:
ตัดอาลัย หมายถึง ตัดอาลัยในร่างกาย อย่าไปเสียใจว่า เราแก่แล้ว เจ็บแล้ว จะตายแล้ว แล้วเก็บเอามาเป็นทุกข์
เราจะต้องคิดว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา มีด้วยกันทุกคน
ถ้าเราแก่คนเดียว เจ็บคนเดียว ตายคนเดียว ก็ควรจะเสียใจว่า โลกนี้ช่างอคติเสียจริง ๆ แต่นี่ก็ดูยุติธรรมดี
ขอให้คิดว่า ของทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนมีทางของตัวเอง และ ก็ต้องไปตามทางนั้น เลี่ยงไม่ได้
ดอกไม้บานแล้วก็ล่วงโรยไป ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ในวัง ดอกไม้ในวัด หรือ ที่ไหน ๆ ก็ตาม
ฉะนั้น ทางออกที่เหมาะก็คือ ตัดอาลัย ปล่อยให้มันเป็นไปตามทางของเขาดีกว่า
ตัดความห่วงใย ไร้กังวล ได้แก่ อย่าห่วงใยกับลูกหลานหรือทรัพย์สมบัติมากจนลืมตัวเอง มิฉะนั้นจะทำให้ทุกข์ และ เมื่อตายไป จะต้องเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน
เหมือนกับโตเทยยพราหมณ์ แกเป็นคนตระหนี่มีทรัพย์ตั้ง 80 โกฏิ
แต่ความเป็นอยู่ของแก อยู่ในสภาพเศรษฐีอนาถา
แกแอบเอาของสำคัญ 4 อย่าง ซึ่งเป็นของเก่าแก่ประจำตระกูล ไปฝังไว้ในดิน คือ
รองเท้าทองคำ ถาดทองคำ ดอกไม้ทองคำ กับเงินหนึ่งถุง
ซึ่งไม่มีใครล่วงรู้การกระทำของแกเลย
ต่อมาแกตาย ด้วยจิตที่ห่วงสมบัติที่ฝังไว้
เลยไปเกิดเป็นสุนัขอยู่ในบ้านของตัวนั่นเอง
สนใจธรรมะ ยึดมั่นในพุทธคุณ ซึ่งจะทำให้เราดีขึ้นตามลำดับ
บาลีในมหาสมัยสูตรกล่าวว่า
“เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตา เส คนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง มาถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกแล้ว
น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมํ คนเหล่านั้น จะไม่ไปสู่อบายเลย
ปหาย มานุสํ เทหํ เมื่อตายจากโลกนี้แล้ว
เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ รับรองว่า จะต้องไปเกิดในสวรรค์ อย่างแน่นอน”
หมั่นทำบุญเป็นนิตย์ บุญคือความดี
แต่ความดีที่จะเข้าเป็นบุญนั้นต้องไม่ผิดหลักศาสนา
อีกอย่างหนึ่งบุญเป็นชื่อของความสุข บุญเป็นเครื่องชำระใจให้สะอาด
ที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ก็เพราะบุญ แม้จะจากโลกนี้ไปสู่สุคติ ก็เพราะอาศัยบุญ การจะบรรลุมรรคผลนั้นท่านก็ต้องอาศัยบุญเป็นเบื้องต้น
ชีวิตเรานี้ ช่างน้อยเหลือเกิน ไม่ถึงร้อยปีก็ต้องจากโลกนี้ไป ทิ้งสมบัติไว้ให้ทายาทรับช่วงต่อไป ร่างกายของเราก็ต้องถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน เหลือไว้แต่ความดีเป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึง
______________________________________________________________
โดย ดร.อภิวรรณ รัตนิน สายประดิษฐ์
ส่ง อี เมล์ ถึง ดร.อภิวรรณ
อ่านตอนอื่น
ขอเชิญแสดงความคิดเห็นได้ ที่นี่
|