พยาธิ เรื่องใหญ่ที่ทุกคนมองข้าม
เป็นที่น่าตกใจว่า คนที่ป่วยอันเนื่องมาจากพยาธิ แต่ไม่รู้ตัว
มีมากกว่า 80% ของประชากร
พยาธิจะกินเม็ดเลือด ทำให้โลหิตจาง มีอาการที่สังเกตุได้หนึ่งในอาการต่อไปนี้ เช่น อ่อนเพลีย นอนเท่าไหร่ก็ไม่สดชื่น, ขี้เซา, เวียนหัว, ไมเกรน, มีปัญหากับสายตา, เบื่ออาหาร, ขี้หนาว, มีลมในท้อง, ท้องอืด, นอนไม่หลับ หรือ หลับแต่ไม่สบายตัว, ไอระคายคอ เป็นต้น
![pic_sick3](images/pic_sick3.jpg) ![pic_sick4](images/pic_sick4.jpg) ![pic_sick5](images/pic_sick5.jpg)
ขอให้สังเกตุว่าตัวเองมีอาการหนึ่งอาการใดก็พอ ไม่ใช่ต้องมีทุกอาการ แต่ส่วนใหญ่จะมีอาการอ่อนเพลียควบด้วยเสมอ
หากไม่รักษา ปล่อยไปเรื่อย ๆ อาจจะเป็นต้นเหตุของโรคอื่น เช่น ตาต้อ, ลมชัก, โลหิตจาง, ไมเกรน, โรคหัวใจ, มะเร็งอวัยวะ, พยาธิไชขึ้นสมอง, พยาธิทำลาย ปอด ตับ และ หัวใจ และ อื่น ๆ เพราะในเมื่อเม็ดเลือดต่ำ เพราะพยาธิกิน ทำให้เลือดน้อยไหลเวียนไม่ทั่ว เป็นเหตุให้อวัยวะทุกส่วนทำงานผิดปกติ เสื่อมเร็ว และ ทำให้ร่างกายติดเชื้ออื่น ๆ ได้อีกมากมาย ร้ายที่สุดคือสามารถเกิดอาการ อาการช็อก หมดสติ หรือ หัวใจวายได้
![pic_heartattack2](images/pic_heartattack2.jpg)
วงจรชีวิตของพยาธิ
พยาธิตัวแก่จะอาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก และคอยแย่งอาหารที่ย่อยแล้วในลำไส้กิน มีอายุเฉลี่ยอยู่ประมาณ
6 เดีอน - 1 ปี แยกเพศออกเป็นชนิดตัวผู้ และ ชนิดตัวเมียตัวเมียจะออกไข่ประมาณ วันละสองแสนฟอง
ไข่จะออกมาพร้อมกับอุจจาระถ้าตกลงไปบนพื้นดินที่มีความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสม ประมาณ 25
องศาเซลเซียส เซลในไข่จะแบ่งตัวเจริญเป็นตัวอ่อนได้ภายใน 10 - 21 วัน
เมื่อคนกินอาหารที่ปนเปื้อน หรือสูดหายใจเอาไข่พวกนี้ ( Embryoated egg) เข้าไป ตัวอ่อนพยาธิจะฟักตัวออกมา ไชทะลุลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด หรือ น้ำเหลืองผ่านตับเข้าสู่ หัวใจ ปอด หลอดลม คอหอย หลอดอาหาร แล้วกลับลงมาสู่ลำไส้เล็กมาเจริญเป็นตัวแก่ต่อไป
นับตั้งแต่ได้รับไข่พยาธิเข้าไปจนเติบโตเป็นตัวแก่ที่พร้อมออกไข่ได้กินระยะเวลาเพียง 2 เดือน
อาการและลักษณะทางคลีนิค
- อาการช่วงที่ตัวอ่อนพยาธิกำลังเดินทาง
ในขณะที่พยาธืตัวอ่อนเดินทางผ่านผนังลำไส้ไปยังปอดนั้น ถ้ามีจำนวนมากจะทำให้ผู้ป่วยมีไข้ ไอ หายใจแน่นหน้าอก หอบเหนื่อย ไออาจมีเสมหะปนเลือด บางครั้งอาจมีตัวพยาธิออกมาด้วย นอกจากนี้ยังเกิดอาการลมพิษ จำนวนเม็ดเลือดขาวอีโอซิโนฟิลขึ้นสูง อาจทำให้เกิดปอดอักเสบได้ เรียกว่า Loeffer's syndrome ( Ascaris pneumonia)
- อาการเกิดจากพยาธิตัวแก่
พยาธิตัวแก่จะคอยแย่งอาหารในลำไส้เล็กกิน ดังนั้นในเด็กที่มีพยาธิเป็นจำนวนมากจะเกิดการขาดอาหารได้ โดยเฉพาะพวกโปรตีน บางรายอาจมีอาการคัน ลมพิษ หน้าบวมในกรณีที่มีพยาธิมากอาจไปจับตัวเป็นก้อน ทำให้เกิดอาการลำไส้อุดตันได้ จะมีอาการปวดท้องแบบโคลิค อาเจียน ท้องอืด ถ่ายลำบาก เป็นต้น ในบางครั้งพยาธิอาจเดินทางเข้าไปในกระเพาะอาหาร ผู้ป่วยอาจอาเจียนเอาตัวแก่พยาธิออกมาได้ บางรายพยาธิอาจไชเข้าไปในรูไส้ติ่งทำให้เกิด ใส้ติ่งอักเสบได้
พยาธิ ติดได้ทั้งทางปาก จมูก ผิวหนัง จากอาหารที่สุก ๆ ดิบ ๆ, จากผักสด, จากการหายใจ, จากสัตว์เลี้ยง หมา แมว (ถ้าอยากรู้ search จาก web ทั่วไปได้)
พยาธิจะถ่ายเป็นเชื้อรา ถ้ามีพยาธิเป็นเดือน ๆ เป็นปี ๆ เชื้อราจากพยาธิจะสร้างพังผืดรอบอวัยวะต่าง ๆ ทำให้เกิดเนื้องอก ซี๊ด และ เป็นต้นตอของมะเร็ง
พยาธิทำให้หมอแผนปัจจุบันวินิจฉัยโรคผิด รักษาโรคนั้นเท่าไหร่ก็ไม่หาย เพราะลืมเรื่องพยาธิไป ฉะนั้น เมื่อพบอาการอ่อนเพลีย แนะนำว่า ควรกินยาถ่ายพยาธิก่อนหลังจากนั้น 3-4 วัน แล้วถ้ายังมีอาการนั้นอยู่ จึงไปรพ. หมอจะวินิจฉัยได้ถูกต้องมากขึ้น (ยกเว้นมีอาการอื่นรุนแรง มีไข้ ควรไปรพ.ทันที)
ปกติ ทุกท่านควรกินยาถ่ายพยาธิทุก ๆ 3 เดือน สมัยนี้มียาถ่ายพยาธิที่ครอบคลุมพยาธิทุกชนิด และ ย่อยสลายออกมาเป็นอุจจาระไม่ใช่ออกมาเป็นตัว หาซื้อได้ตามร้านขายยาเป็นยาสามัญ ฯ ไม่อันตราย ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย ์ถามเภสัชกรในร้านได้
ถ้าท่านมีปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ถามตัวเองว่า ตั้งแต่มีอาการนั้น ได้ถ่ายพยาธิแล้วหรือยัง ?
พยาธิ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง 100% ไม่ได้ แต่ลดโอกาสเสี่ยงได้
ไข่พยาธิสามารถอยู่ได้ในอากาศ การสูดลมหายใจ 1 ครั้ง สามารถพาไข่พยาธิเข้าไปได้ไม่ต่ำกว่า 100 ฟอง
พยาธิมาจากไหนได้บ้าง
สัตว์เลี้ยง
ในอุจจาระของสัตว์เลี้ยงที่มีพยาธิ หมา แมว เวลาถ่ายอุจจาระ ก็มีพยาธิอยู่ในนั้น ถ้าเราสัมผัสกับอุจจาระสัตว์ พยาธิก็เข้าตัวได้ทันที เมื่ออุจจาระแห้ง เป็นฝุ่น ปลิวตามลม ไข่พยาธิก็ปลิวไปด้วย แล้วเราก็สูดเข้าไป
วงจรชีวิตของพยาธิ
พยาธิตัวแก่จะอาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก และคอยแย่งอาหารที่ย่อยแล้วในลำไส้กิน มีอายุเฉลี่ยอยู่ประมาณ
6 เดีอน - 1 ปี แยกเพศออกเป็นชนิดตัวผู้ และ ชนิดตัวเมียตัวเมียจะออกไข่ประมาณ วันละสองแสนฟอง
ไข่จะออกมาพร้อมกับอุจจาระถ้าตกลงไปบนพื้นดินที่มีความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสม ประมาณ 25
องศาเซลเซียส เซลในไข่จะแบ่งตัวเจริญเป็นตัวอ่อนได้ภายใน 10 - 21 วัน
เมื่อคนกินอาหารที่ปนเปื้อน หรือสูดหายใจเอาไข่พวกนี้ ( Embryoated egg) เข้าไป ตัวอ่อนพยาธิจะฟักตัวออกมา ไชทะลุลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด หรือ น้ำเหลืองผ่านตับเข้าสู่ หัวใจ ปอด หลอดลม คอหอย หลอดอาหาร แล้วกลับลงมาสู่ลำไส้เล็กมาเจริญเป็นตัวแก่ต่อไป
นับตั้งแต่ได้รับไข่พยาธิเข้าไปจนเติบโตเป็นตัวแก่ที่พร้อมออกไข่ได้กินระยะเวลาเพียง 2 เดือน
อาการและลักษณะทางคลีนิค
- อาการช่วงที่ตัวอ่อนพยาธิกำลังเดินทาง
ในขณะที่พยาธืตัวอ่อนเดินทางผ่านผนังลำไส้ไปยังปอดนั้น ถ้ามีจำนวนมากจะทำให้ผู้ป่วยมีไข้ ไอ หายใจแน่นหน้าอก หอบเหนื่อย ไออาจมีเสมหะปนเลือด บางครั้งอาจมีตัวพยาธิออกมาด้วย นอกจากนี้ยังเกิดอาการลมพิษ จำนวนเม็ดเลือดขาวอีโอซิโนฟิลขึ้นสูง อาจทำให้เกิดปอดอักเสบได้ เรียกว่า Loeffer's syndrome ( Ascaris pneumonia)
- อาการเกิดจากพยาธิตัวแก่
พยาธิตัวแก่จะคอยแย่งอาหารในลำไส้เล็กกิน ดังนั้นในเด็กที่มีพยาธิเป็นจำนวนมากจะเกิดการขาดอาหารได้ โดยเฉพาะพวกโปรตีน บางรายอาจมีอาการคัน ลมพิษ หน้าบวมในกรณีที่มีพยาธิมากอาจไปจับตัวเป็นก้อน ทำให้เกิดอาการลำไส้อุดตันได้ จะมีอาการปวดท้องแบบโคลิค อาเจียน ท้องอืด ถ่ายลำบาก เป็นต้น ในบางครั้งพยาธิอาจเดินทางเข้าไปในกระเพาะอาหาร ผู้ป่วยอาจอาเจียนเอาตัวแก่พยาธิออกมาได้ บางรายพยาธิอาจไชเข้าไปในรูไส้ติ่งทำให้เกิด ใส้ติ่งอักเสบได้
พยาธิ ติดได้ทั้งทางปาก จมูก ผิวหนัง จากอาหารที่สุก ๆ ดิบ ๆ, จากผักสด, จากการหายใจ, จากสัตว์เลี้ยง หมา แมว (ถ้าอยากรู้ search จาก web ทั่วไปได้)
พยาธิจะถ่ายเป็นเชื้อรา ถ้ามีพยาธิเป็นเดือน ๆ เป็นปี ๆ เชื้อราจากพยาธิจะสร้างพังผืดรอบอวัยวะต่าง ๆ ทำให้เกิดเนื้องอก ซี๊ด และ เป็นต้นตอของมะเร็ง
พยาธิทำให้หมอแผนปัจจุบันวินิจฉัยโรคผิด รักษาโรคนั้นเท่าไหร่ก็ไม่หาย เพราะลืมเรื่องพยาธิไป ฉะนั้น เมื่อพบอาการอ่อนเพลีย แนะนำว่า ควรกินยาถ่ายพยาธิก่อนหลังจากนั้น 3-4 วัน แล้วถ้ายังมีอาการนั้นอยู่ จึงไปรพ. หมอจะวินิจฉัยได้ถูกต้องมากขึ้น (ยกเว้นมีอาการอื่นรุนแรง มีไข้ ควรไปรพ.ทันที)
ปกติ ทุกท่านควรกินยาถ่ายพยาธิทุก ๆ 3 เดือน สมัยนี้มียาถ่ายพยาธิที่ครอบคลุมพยาธิทุกชนิด และ ย่อยสลายออกมาเป็นอุจจาระไม่ใช่ออกมาเป็นตัว หาซื้อได้ตามร้านขายยาเป็นยาสามัญ ฯ ไม่อันตราย ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย ์ถามเภสัชกรในร้านได้
ถ้าท่านมีปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ถามตัวเองว่า ตั้งแต่มีอาการนั้น ได้ถ่ายพยาธิแล้วหรือยัง ?
พยาธิ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง 100% ไม่ได้ แต่ลดโอกาสเสี่ยงได้
ไข่พยาธิสามารถอยู่ได้ในอากาศ การสูดลมหายใจ 1 ครั้ง สามารถพาไข่พยาธิเข้าไปได้ไม่ต่ำกว่า 100 ฟอง
พยาธิมาจากไหนได้บ้าง
สัตว์เลี้ยง
ในอุจจาระของสัตว์เลี้ยงที่มีพยาธิ หมา แมว เวลาถ่ายอุจจาระ ก็มีพยาธิอยู่ในนั้น ถ้าเราสัมผัสกับอุจจาระสัตว์ พยาธิก็เข้าตัวได้ทันที เมื่ออุจจาระแห้ง เป็นฝุ่น ปลิวตามลม ไข่พยาธิก็ปลิวไปด้วย แล้วเราก็สูดเข้าไป
![pic_cat](images/pic_cat.jpg) ![pic_dog3](images/pic_dog3.jpg)
สัตว์เลี้ยง หรือ ไม่เลี้ยง พยาธิก็อยู่ได้ทั้งนั้น แมวจรจัด หมาจรจัด มีพยาธิทั้งนั้น
แถวบ้าน หรือ ไม่ใช่แถวบ้าน แต่บังเอิญเราจำเป็นต้องไปแถวนั้น แค่หายใจครั้งเดียว ก็เต็มไปด้วยพยาธิได้แล้ว
วิธีลดโอกาสเสี่ยง ก็คือ หากในบ้านมีสัตว์เลี้ยง ต้องให้สัตว์เลี้ยงถ่ายพยาธิเป็นประจำ และ คนในบ้าน ก็ควรถ่ายพยาธิเป็นประจำด้วย แต่หากในบ้านไม่มีสัตว์เลี้ยง แต่ข้างบ้าน หรือ แถวบ้านมีสัตว์เลี้ยง เราก็ควรถ่ายพยาธิเป็นประจำอยู่ดี
ผักสด
![pic_veget](images/pic_veget.jpg)
อาหารที่เกิดจากดิน สามารถติดไข่พยาธิได้ทั้งนั้น ผักที่สะอาด วางปนกับผักที่มีไข่พยาธิ มันก็เรียบร้อยหมด พยาธิคงไม่มีจริยธรรมพอที่จะรู้ว่า ผักกองไหนเขาล้างแล้ว เราอย่าไปทำให้เขาเสียเวลาซ้ำสอง
วิธีลดโอกาสเสี่ยง คือ การล้างผักสดให้สะอาดทุกครั้ง โดยให้ผ่านน้ำไหลจากก๊อก ไม่ใช่แค่แช่ไว้ในน้ำ ซึ่งพยาธิก็ยังอยู่ในน้ำอยู่ดี น้ำกระชายปั่นสามารถล้างไข่พยาธิจากผักได้ หากไปทานอาหารนอกบ้านที่มีผักสด ต้องทำใจ ไม่มีเจ้าของร้านที่ไหน อยากให้ลูกค้าติดพยาธิ แต่การจะให้เขารับประกันว่าปลอดพยาธิ เขาจะรับประกันได้ยังไง ?
ฉะนั้น ยังไงก็ควรถ่ายพยาธิเป็นประจำ
เนื้อสัตว์ที่ไม่สุก 100%
เราคิดเพียงว่า ปลาดิบ กับ เนื้อดิบเท่านั้นที่มีพยาธิ แต่เราลืมนึกไปว่า อาหารหลายอย่าง ไม่ได้สุก 100% แต่เขาไม่เรียกมันว่าดิบ เช่น ผัดไทกุ้งสด ถ้าร้านที่ผัดอร่อย จะไม่ผัดกุ้งให้สุก เพราะเนื้อจะไม่อร่อย และไม่แกะเปลือกที่หาง เนื้อกุ้งที่กิน คือสุกประมาณ 75% ส่วนหางที่มีเปลือกหุ้ม ก็สุก 50%
ไข่พยาธิทนความร้อนได้มากกว่า 200 องศาเซลเซียส !
ถ้าพอเข้าใจแล้ว คราวนี้คงนึกออกว่าอาหารประเภทอะไรบ้าง ที่มีโอกาสเสี่ยงกับพยาธิ ไล่เรียงตามนี้
1. เนื้อดิบ หลู้ ลาบดิบ แหนม ข้อนี้เห็นชัด
2. หมูกะทะ หมูเกาหลี BBQ ประเภทนี้ สุก ๆ ดิบ ๆ ของเราสุก แต่เพื่อนเราใช้กะทะรวมกัน เขาดิบ แล้วน้ำในกะทะก็เดือดบ้างไม่เดือดบ้าง ก็รีบใส่เข้าปาก ชิ้นของเราสุกแล้ว แต่อีกชิ้นดิบเพิ่งแปะลงไป สัมผัสโดนกัน เราก็หยิบชิ้นที่สุกมากิน ลืมนึกไปว่า ชิ้นเมื่อกี๊ที่ดิบ สัมผัสโดนแล้ว อาหารประเภทนี้ เสี่ยงกับพยาธิมาก
3. อาหารย่าง และ เผาทั่วไป หมูย่างที่อร่อยคือ สุก 80% มีสีแดงนิด ๆ ไม้นี้สุกยังไม่ทันเอาขึ้น ไม้ต่อไปที่ดิบวางลงมาโดน ไก่ย่างที่อบด้วยตู้ควบคุมอุณหภูมิก็จะมีคุณภาพ ทำให้สุกได้ทั่วถึงกว่า อาหารย่างมีความเสี่ยงรองมาจากพวกข้อ 2.
4. อาหารลวก ความเสี่ยงก็เท่ากับอาหารย่าง ขึ้นอยู่กับว่าเขาลวกนานแค่ไหน
5. อาหารผัด มีโอกาสเสี่ยงน้อยที่สุด แต่ก็ไม่ 100% ขึ้นอยู่กับว่าผัดนานแค่ไหน เช่นผัดไทที่ได้ยกตัวอย่างไป
อาหารที่ไม่มีความเสี่ยง คือ อาหารต้ม และ อาหารทอด (Deep Fried) การทอดปลาเป็นชิ้น ก็สุกทั่วถึงกว่า เสี่ยงน้อยกว่าการทอดปลาทั้งตัว
![](images/pic_loo.jpg) ![](images/pic_bbq.jpg) ![](images/pic_plaluag.jpg)
การสัมผัสกับดิน หรือ สิ่งปกปรก เข้าห้องน้ำสาธารณะ
วิธีลดความเสี่ยง คือ ควรล้างมือเป็นประจำ ล้างมือบ่อยขึ้นเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ใส่รองเท้าหุ้มส้นเสี่ยงน้องกว่าใส่รองเท้าแตะ การเข้าห้องน้ำสาธารณะควรล้างขอบรองนั่งก่อนนั่ง
การที่มีความรู้ละเอียดนี้ ไม่ใช่เพื่อทำให้ประสาทจนไม่ต้องใช้ชีวิตปกติ แต่เพื่อให้สบายใจว่า ถ้าจะทานอาหารเหล่านี้ ก็ควรจะทานยาถ่ายพยาธิเป็นประจำด้วย แค่นี้ก็จะมีความสุขเป็นปกติ
เมื่อรู้แล้วก็จะเห็นว่า พยาธินั้น เราสามารถติดกันได้ทุกวัน เป็นแล้วเป็นอีก ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย และ การกินของเรา
รับการพยากรณ์สุขภาพเกี่ยวกับพยาธิได้ ที่นี่
*การ พยากรณ์เป็นความเชื่อส่วนบุคคล และ เป็นเพียงทางเลือกในการประเมินสุขภาพเท่านั้น ท่านควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
*ชนิดของพยาธิ วงจรชีวิต วิธีรักษา
อ่านกระทู้เกี่ยวกับ พยาธิ จากบทวิจัยของ ดร.ฮัลด้า คลาร์ค ได้ที่นี่
อ่านกระทู้อื่น ๆ เกี่ยวกับพยาธิที่นี่
|