|
|
|
|
ตะลุ่งตุ้งแช่ ตอน 3
เสียดายคนรุ่นใหม่
จากไปก่อนวัยอันควร
|
วันนี้เพิ่งได้รับข่าวร้าย!
ญาติข้างหลานชายหัวใจวายตาย ด้วยวัยเพียง ๓๐ เศษ ๆ
เด็กหนุ่มคนนี้เป็นลูกชายคนเดียวของพ่อแม่ เห็นหน้ากันมาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก กำลังอยู่ในวัยทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว และเตรียมตัวจะแต่งงานกับสาวคนรักในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ขณะกำลังทำงานอยู่ดี ๆ ก็มีอาการวูบ หน้ามืด หมดสติ เพื่อน ๆ ในที่ทำงานช่วยกันหามส่งโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ทัน...ซะแล้ว
...........................................................................................................................
ขณะที่การแพทย์แผนปัจจุบันก้าวหน้าไปไกล มีทั้งเครื่องสแกนสมองสแกนตัวแบบสามมิติ MRI เครื่องสแกนไวรัสไขกระดูก ปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ เปลี่ยนถ่ายอวัยวะ เอ็กซเรย์ ฉีดสี ทำบอลลูน ทำบายพาสเส้นเลือดหัวใจ ฯลฯ
แต่เรากลับสูญเสียคนไข้ไปด้วยโรคง่าย ๆ เพราะเข้าใจกันว่าเป็นโรคร้ายแรง !!
...........................................................................................................................
ลองดูอีกรายหนึ่ง เป็นผู้หญิงอายุ ๔๐ ปี ทำงานในวงการสื่อสารมวลชนเหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ
ไปหาหมอฟันเพราะปวดโพรงประสาทรากฟันอย่างรุนแรง ตรวจไปตรวจมากลายเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และ เสียชีวิตหลังจากตรวจพบได้ไม่นาน
(น่าเสียดายที่หมอสมัยนี้ไม่ตรวจเรื่องพยาธิกันแล้ว ที่จริงรายนี้อาจจะเป็นเพียงแค่มีพยาธิตัวจี๊ดมาเจาะทะลวงรากฟันก็เป็นได้-ผู้เขียน)
...........................................................................................................................
อีกรายละกัน รายนี้ดังขนาดออกข่าวทีวีหลายช่อง
เด็กหนุ่มสองพี่น้อง คนพี่อายุ ๑๔ เพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคที่หมอระบุชื่อ “พันธุกรรมเมตาบอลิก” (ชื่อเพราะมาก)
จะมีอาการเกร็ง ชัก พัฒนาการช้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง หายใจติดขัดจนถึงขั้นหยุดหายใจในที่สุด
แม่เด็กเล่าว่าลูกชายทั้งสองคนมีอาการนี้ตั้งแต่คนพี่อายุ ๓ ขวบ ส่วนคนน้องเริ่มเป็นตั้งแต่ ๗ เดือน แม้จะเข้ารับการผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง ก็ยังไม่ดีขึ้น
คนพี่ขอลาก่อน คนน้องกำลังจะตามไป
เรียกได้ว่าจากไปก่อนวัยอันควร..โดยแท้
(นี่ก็อาจจะเป็นแค่มีพยาธิหลายสายพันธ์มารุมกันอาศัยอยู่ พอพยาธิขับถ่ายหมักหมมกันมาก ๆ ก็กลายเป็นเชื้อราในลำไส้ ทำให้มีอาการดังว่า-ผู้เขียน)
...........................................................................................................................
ทีนี้มาดูตัวเองบ้าง เมื่อสิบปีก่อนหมอตรวจพบว่าเป็นโรคนาร์โคเล็ปซี (ชื่อเพราะมากอีกเช่นกัน) เรียกเล่น ๆ ว่าโรคสมองหลับ อาการก็คือ จะหลับตลอดศก นอนได้นอนดี ต้องกินยาช่วยตื่นตลอดวัน ไม่งั้นก็หลับไปจนตาย (ไม่ต้องกิน ต้องถ่ายกันละ)
ฟังดูเหมือนจะสบาย แต่ถ้าใครลองเป็นดู แล้วจะรู้ว่าทรมานมาก เป็นโรคที่ทำลายบุคลิกภาพอย่างแรง(ถ้าอยากรู้อาการของโรคก็ลองพิมพ์ในกูเกิ้ลว่า narcolepsy เดี๋ยวข้อมูลหลั่งไหลมาเพียบ)
หมอตรวจพบแล้วหมอก็บอกว่าไม่รู้สาเหตุ อาจเกิดจากพันธุกรรม (อีกแล้ว) และยังให้กำลังใจอีกว่ายังไม่มีวิธีรักษา ต้องกินยาช่วยตื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ
SEVEN YEARS SLEEPS เจ็ดปีที่เป็นเหมือนเจ้าหญิงนิทรา และกินยาที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด
ผลก็คือ ผอมซีด ไม่มีแรง สมองเบลอ มีนงง ความจำลดลง หงุดหงิดง่าย ไม่ใส่ใจตัวเอง จัดระบบชีวิตไม่ได้เลย
เพราะยาที่หมอให้กินมีอนุพันธ์แบบเดียวกับยาบ้า หรือ แอมเฟตามีน ยิ่งกินยิ่งติด กินเท่าไรก็ไม่หายค่ะ
...........................................................................................................................
หมอฝรั่งนี้เก่งมากในการตั้งชื่อโรคให้ไพเราะเพราะพริ้ง มีอาการป่วยอะไรมาบอกหมอเถอะ เดี๋ยวได้โรคเก๋ ๆ กลับไป นอนกลุ้มใจก่ายหน้าผาก แล้วก็ตกเป็นทาสต้องกินยาไปตลอดชีวิต
ไม่ใช่ว่าผู้เขียนจะแอนตี้หรือต่อต้านหมอฝรั่งนะคะ แต่ที่บ้านน่ะเลิกกินยาฝรั่งกันมากว่า ๓ ปีแล้ว ตอนนี้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงดีค่ะ
ตัวผู้เขียนเองก็หายขาดจากโรคสมองหลับด้วยแนวทางชีวจิต ของ ดร.สาธิส อินทรกำแหง และ วิถีธรรมชาติบำบัดของ อ.สุทธิวัสส์ คำภา เลยยึดเป็นแนวทางปฏิบัติต่อมา และ ขออุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์เรื่องสุขภาพ ด้วยวิชาเพนดูลั่มที่ได้ร่ำเรียนมาจากท่านอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา
(ฟังเสียงสัมภาษณ์ ศิษย์สาย 2 เล่าชีวิตการป่วยได้ โดยดาวน์โหลด
http://www.thwebspace.com/penth/radiofile75.zip
http://www.thwebspace.com/penth/radiofile76.zip )
ถึงจะไม่ใช่ MK แต่ก็อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพแข็งแรงค่ะ ...
ปรารถนาดีจาก...ศิษย์สาย ๒
(โดย ศิษย์สาย ๒)
อ่านตอนอื่น
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
|