|
|
|
|
ตะลุ่งตุ้งแช่ ตอน 4
หมอไม่ใช่กระทง ทำไมจึงหลงทาง?!
|
ว่าจะเขียนต่อจากตอนที่แล้วซะหน่อย...
...เพราะบรรดาแฟนขับ (ไม่ต้องขับเอง) ให้ความสนใจกันท่วมท้น ปลื้มฮ่ะ...
แต่มันมีข่าวฮอตสุดฮิปต้องรีบมาตะลุ่งตุ้งแช่ ร้องเตือนชาวเว็บกันก่อน
(คลิกดูข่าว สธ. http://bit.ly/9bvJVE)
เมื่อเจ้ากระทรวงใหญ่ สาธารณสุข ลุกออกโรงแจงเรื่องโรคใหม่ภัยร้ายคร่าชีวิตคนไทย ตายไปแล้ว ๖ ศพ ป่วยอีกกว่าพันราย
เค้าตั้งชื่อโรคนี้ว่า ... โรคนักเลียนแบบ หรือ เมลิโอไอโดซีส Melioidosis (ชื่อเพราะจัง)
ศิษย์สาย ๒ เองก็มัวแต่มะงุมมะงาหรา หาได้ระแคะระคายโรคร้ายนี้ไม่โชคดีที่ได้อาจารย์ดีคอยอบรมสั่งสอน อัพเดทข่าว ไม่ปล่อยพวกเราบื้อกื้อ
อ.สุทธิวัสส์ :
“มีใครได้ข่าวเรื่องโรคตัวใหม่หรือเปล่า ที่เค้าตั้งชื่อว่าโรคนักลอกเลียน แบบ (บรรดาศิษย์นั่งอ้าปาก-เหวอ!) มันจะออกอาการหลอกหมอ เป็นเหมือนวัณโรค หมอก็ให้ยาวัณโรค แล้วก็จะตาย เพราะมันเป็นอย่างอื่น
มันออกอาการหลายตัว บางทีก็นึกว่าโรคฉี่หนู หมอก็ให้ยาแบบฉี่หนู แล้วก็ตาย เพราะมันเป็นโรคอย่างอื่น
โรคนี้มันเหมือนมาสอนหมอ เพราะที่ผ่านมาหมอทั่วโลกดูจากอาการของคนไข้ว่าเป็นอย่างนี้ ๆ วินิจฉัยโรค แล้วก็ให้ยา ซึ่งก็มีไม่กี่ตัว ก็แค่ยาปฏิชีวนะเป็นหลัก
มันมาสอนให้หมอต้องหันมาดูต้นเหตุของการเจ็บป่วย
ซึ่งที่จริงมันก็แค่เกิดจากไวรัสในไขกระดูกสันหลัง อยู่ที่ว่ามันไปเกาะที่ไขสันหลังข้อไหน ซึ่งเราก็แก้ที่ตรงนั้นก่อน แล้วถึงให้ยาไปตามอาการ อย่างนี้คนไข้ก็ไม่ตาย ที่ผ่านมาตายกันระเนนระนาดเลยนะ แล้วก็ยังป่วยอีกเป็นพัน ๆ คน
อย่างสมมุติว่าไวรัสมันไปเกาะที่ไขสันหลังข้อที่ ๓ เค้าก็จะโทษไวรัส ๒๐๑๐ (พัฒนามาจาก ๒๐๐๙ เรียกให้มันทันสมัยขึ้นน่ะ)
ถ้ามันไปเกาะข้อที่ ๔-๕ อาการมันจะไปเหมือนวัณโรค ถ้าให้ยาวัณโรคมันก็ไม่ตรงประเด็น บางทีก็ปวดหัวไปจนตายเลย เพราะข้อที่ ๔-๕ บางทีมันก็ขึ้นสมอง ไปปอด ถุงน้ำดี ทรวงอก
ข้อ ๖-๗ มันก็เข้าไปตับ ... เข้าไปข้อ ๘-๙ มันก็จะเหมือนท้องผูกท้องถ่าย พอให้ยาหยุดถ่าย ก็ท้องอืด ตายอีก เพราะลมขึ้นมาตีหัวใจ
ที่จริงอาการที่ไวรัสเกาะตามกระดูกสันหลังนี่ ผมก็เตือนมาตั้งแต่ปีก่อน ๆ แล้ว
ตอนนี้ถ้าใช้เพนดูลัมไปตรวจใครก็ให้ถามเรื่องสะเก็ดเลือดก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยถามเรื่องไวรัสในไขกระดูก เพราะช่วงนี้อากาศร้อนชื้น ... ”
แล้ววิธีแก้ต้องทำยังไงคะ? จะจับหมอทั้งประเทศมาเรียนเพนดูลัม ก็คงทำใจยาก เพราะหมอก็มีศักดิ์ศรีของหมอ กว่าจะร่ำจะเรียนจบหลักสูตรมาก็ไม่ใช่อุจจาระ-อุจจาระ นะคะ
หรือ เราจะปล่อยให้หมอหลงทางกันต่อไป
ปั้ดโธ่! ชื่อเรื่องก็บอกอยู่แล้วว่า หมอไม่ใช่กระทงนะ อย่าปล่อยให้เค้าหลงทางเลย ช่วยส่งคอลัมน์นี้ไปให้หมออ่านกันดีกว่า (เหอ ๆๆ)
เพราะวิธีแก้ที่ดีที่สุด ก็คือ อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ ... ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ในเว็บนี้ก็มีวิธีแก้ค่ะ http://bit.ly/cGF53X นั่นก็คือการใช้ฝ่ามือทาบไปที่แผ่นหลัง มันอาจจะดูเป็นอภินิหารกำลังภายในประเภทบู๊ตึ๊งเส้าหลิน (ที่สมัยนี้เค้าเลิกฮิตกันไปแล้ว) มันอาจจะไม่ดูเป็นเกาหลี (เหมือนที่ตอนนี้เค้าฮิต ๆ กัน)
แต่วิธีนี้แหละที่ อ.สุทธิวัสส์ คำภา ท่านบอกว่าได้ผลที่ซู้ด จะไปกินเม็ดมะรงเม็ดมะรุม ก็อาจไม่ทันการ ไวรัสมันเป็นวายร้ายนะท่าน—อย่าปล่อยให้มันเหิมเกริม
และ อาจารย์ท่านก็อธิบายด้วยเหตุผลเชิงวิทยาศาสตร์ ดังนี้ การที่ฝ่ามือของเราไปทาบที่แผ่นหลัง ตรงกระดูกสันหลังข้อที่ติดไวรัสของคนอื่น
(ถ้าไม่แน่ใจว่าข้อไหน หรือตรวจเช็คไม่เป็น ก็ทาบมันเรื่อยไปทุกข้อ ๆ ละ ๕ นาที แค่เนี้ยก็ช่วยคนให้รอดตายแล้วจ้า) มันจะเกิดมีคลื่นพลังความร้อนประมาณ ๔๐ องศาเซลเซียส - - ส่งตรงไปเผาทำลายเจ้าไวรัสร้ายให้มอดไหม้ด่าวดิ้น (แด่ว ๆ ด้วยดิ)
แล้วก็มีผู้สงสัยตามประสาศิษย์อยากรู้อยากเห็น ว่าทำไมเราไม่ใช้ของร้อน (กว่า) อย่างอื่นล่ะ เช่น เตารีด ถุงน้ำร้อน ลูกประคบ หรือ ดรายเป่าผม
อะฮ่า-ตัวช่วยพวกนี้ มันร้อนจังดังจริง แต่มันมิใช่ความร้อนจากร่างกายคนเรา เพราะฉะนั้น ร่างกายจะมีแรงต้าน ส่งกระแสเลือดวิ่งพล่านมาจุกดักไว้เพื่อมิให้ผิวเนื้อไหม้หรืออวัยวะสุก สังเกตุว่าพอผิวเราโดนความร้อนพวกนี้ มันจะแดงก่ำขึ้นมาเลยเชียว
ดังนั้น ความร้อนก็เลยไม่สามารถตรงไปเข่นฆ่าเจ้าวายร้ายได้น่ะซี (เข้าใจกันแล้วนะฮ้า)
แล้วที่สำคัญมาก ห้ามลืมเด็ดขาด สำหรับศิษย์รักดีทุกท่าน ระหว่างจัดการเจ้าไวรัส เราต้องอุทิศบุญและให้เค้าไปเกิดในภพภูมิที่สูงขึ้นด้วยนะ ไม่งั้นเค้าไม่มีที่จะไป ก็จะย้ายไปอยู่ข้ออื่น หรือไม่ก็มาเข้าตัวเราผู้รักษานี่แหละ
ระวังให้ดีเน้อ ...
*ล่าสุดก็มีนักแสดงหนุ่มรุ่นใหม่ “โอ-อนุชิต” ที่ป่วยเพราะไวรัสลงปลายประสาทมีอาการปากเบี้ยว หน้าชาไปครึ่งซีก ข่าวว่าไปนวด ไปฝังเข็มด้วย ต้องระวังหน่อยนะคะ เพราะแก้ไม่ตรงจุด
สาเหตุสำคัญ อ.สุทธิวัสส์ ว่าเกิดจากไวรัสที่ไขกระดูกคอข้อที่ ๔-๕ ถ้าใช้พลังฝ่ามือทาบไปที่กระดูกคอข้อดังกล่าว (ตามวิธีการ) ก็จะหายรอดปลอดภัยแล้วค่ะ
ใครที่รู้จัก หรือ รักใคร่ใกล้ชิดกับหนุ่มโอ ก็ฝากวานไปบอกกล่าวเขาด้วยนะคะ ส่วนตัวก็เป็นแฟนหนังแฟนละครคุณโออยู่เหมือนกัน ตั้งแต่ “โหมโรง” มาแล้ว
ด้วยรักและปรารถนาดี
(โดย ศิษย์สาย ๒)
อ่านตอนอื่น
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
|