| |||||||
| |||||||
สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ชูศักดิ์เดินมาโต๊ะอาหาร แล้วตะโกนเรียกลูกชาย "เปี๊ยก ! โทรศัพท์ดังน่ะ ! สงสัยพี่ปุ้มโทรมาหรือเปล่า ? เปี๊ยกจะรับเอง หรือ จะให้พ่อรับให้ ?" เสียงปิดประตู ปัง ดังมาจากห้องนอน ลูกชายรีบวิ่งลงบันไดมาที่โต๊ะอาหาร "ไม่ต้องพ่อ ! เปี๊ยกรับเอง" ชูศักดิ์ยกมือชี้หน้าลูกชาย "เอ็งไปให้เบอร์สาวที่ไหนไว้ ?" ลูกชายวิ่งถึงโต๊ะอาหารแล้ว รีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นดูหน้าจอ คุณพ่อยังพูดต่อ "ซื้อให้ไว้เผื่อพ่อแม่จะโทรเข้าเวลาจำเป็น ไม่ใช่ให้ไปเที่ยวแจกสาว" เลขหมายโทรศัพท์ของสมชายปรากฏขึ้น เปี๊ยกหยิบโทรศัพท์แนบหู "ฮัลโหล !" "ฮัลโหล ! นี่โทรจากโรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมานะคะ เจ้าของเบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้ ถูกทำร้าย มีคนส่งเข้ามาที่โรงพยาบาล ไม่ทราบว่ารู้จักกับเจ้าของเบอร์นี้หรือเปล่าคะ ?" เด็กชายเปี๊ยกยังจับใจความไม่ได้ "อะไรนะครับ ?" เสียงปลายทางถามกลับมา "หนูรู้จักเบอร์นี้ใช่มั้ยคะ ? เบอร์นี้เป็นโทรศัพท์ของใคร ? เจ้าของเบอร์นี้ถูกส่งมาที่โรงพยาบาล เค้าหมดสติ เค้าชื่อสมชายใช่มั้ยคะ ? ตามบัตรประชาชนบอกยังงั้น หนูเป็นญาติเค้าหรือเปล่าคะ ?" ชูศักดิ์ถามขึ้น "ใครโทรมาน่ะ เปี๊ยก ?" "รอเดี๋ยวนะครับ" เปี๊ยกบอกกับปลายทาง แล้วยื่นโทรศัพท์ให้พ่อ "พ่อช่วยพูดกับพี่เค้าหน่อย พี่เค้าไปเจอบัตรประชาชนของน้าสมชาย แล้วจะทำไมก็ไม่รู้" ชูศักดิ์รับมือถือจากลูกชาย แล้วสนทนากับปลายทางต่อ เปี๊ยกยืนมองหน้าพ่อของตัวเองที่กำลังคุยโทรศัพท์ สีหน้าของผู้เป็นบิดาบ่งบอกถึงสถานการณ์ที่ตึงเครียด ชูศักดิ์กดวางสาย ชี้มือไปที่บันได "เปี๊ยก ! แกรีบไปหยิบกระเป๋าเงินพ่อบนหัวเตียงให้หน่อย เร็ว ! พ่อจะหาเบอร์ของคุณพีรศิลป์" ลูกชายรีบวิ่งไปที่บันได ตรงขึ้นห้องนอนใหญ่ของคุณพ่อ หยิบสิ่งของที่คุณพ่อต้องการ แล้ววิ่งลงบันไดมายื่นให้ ชูศักดิ์ค้นในกระเป๋าหาเศษกระดาษที่ต้องการจนเจอ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้น กดหมายเลขปลายทาง เปี๊ยกยืนดูคุณพ่อสนทนากับสายปลายทางด้วยความระทึก หัวใจเต้นแรง เขาพอจะคาดเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้จากเสียงการสนทนา ชูศักดิ์วางสายโทรศัพท์แล้ว กวักมือเรียกลูกชาย เขาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้โต๊ะอาหาร แล้วชี้มือไปที่เก้าอี้ "มานั่งนี่ ! แกเล่าให้พ่อฟังซิว่า แกเคยโทรไปหาน้าสมชายเค้าหรือไง ทางโน้นถึงได้มีเบอร์แกอยู่ ?" ลูกชายนั่งลงที่เก้าอี้ แล้วพยักหน้า "ครับ !" "แกมีเรื่องอะไรต้องไปติดต่อคุณน้าเค้า ? หา ?" ลูกชายกระพริบตาปริบ ๆ ชูศักดิ์จ้องหน้า "ศีลห้านะโว้ย ! ไอ้เปี๊ยก ! เอ็งโกหกไม่ได้ ! ไม่งั้น ข้าให้หลวงปู่สาปเอ็งเป็นหมูเลย" คำว่า 'ศีลห้า' เหมือนกับมีดที่มาจ่อคอหอยของเปี๊ยก เขาได้รับปากหลวงปู่เป็นจำนวนครั้งที่นับไม่ถ้วนแล้วว่า จะรักษาศีลห้าให้ได้ตลอดเวลา "เปี๊ยก คิดถึงคุณน้า ตอนนั้นเปี๊ยกคิดว่าคุณน้าไม่สบายใจ" บิดาเบิกตาโต "เอ็งโทรหาเค้า เพราะรู้ว่าเค้าไม่สบายใจ ? เอ็งเป็นเมียเค้าหรือไง ? มีใครบ้างที่สบายใจกันได้ทุกวัน ?" เปี๊ยกถามกลับบ้าง "มีอะไรกับคุณน้าเหรอพ่อ ? คุณน้าเข้าโรงพยาบาลเหรอ ?" ชูศักดิ์พยักหน้า "อือ ! คนที่โทรมาเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลในโคราช เค้าบอกว่ามีคนหามน้าสมชายไปที่โรงพยาบาล เพราะถูกทำร้ายร่างกายจนสลบ คนที่โรงพยาบาลก็หาบัตรประชาชน แล้วก็ลองใช้โทรศัพท์มือถือของน้าสมชายโทรออกไปหาเบอร์ที่บันทึกไว้ ก็มีเบอร์ของแกนี่แหละ ที่มีคนรับเบอร์แรก" สีหน้าเปี๊ยกแสดงถึงความวิตกกังวล ชูศักดิ์เล่าต่อ "ทางโรงพยาบาลเค้าต้องแจ้งให้ญาติ หรือ ครอบครัวรับรู้ พ่อเลยนึกถึงคุณพีรศิลป์ที่เราไปทักเค้าผิดวันนั้นน่ะ คุณพีรศิลป์คงต้องรู้จักวิธิติดต่อไปหาคนที่โรงงานของน้าสมชาย เมื่อกี๊พ่อเล่าให้คุณพีรศิลป์ฟัง เค้าบอกว่ารู้จักกับเจ้าของร้านที่เป็นเจ้านายของน้าสมชายที่โคราช เดี๋ยวค้าจะรีบติดต่อส่งข่าวไปทางนั้น " เขากดที่แป้นโทรศัพท์ของลูกชาย ค้นดูในหน่วยความจำ "แกโทรออกไปหาเบอร์อื่นเยอะแยะเลยนี่ !" เขาสังเกตวันที่ที่โทรออก "เอ๊ะ ! ไอ้วันนี้นี่ แกอยู่ที่บ้านป้าเนาว์ไม่ใช่เหรอ ? แกโทรออกไปหาใคร ?" ชูศักดิ์ยื่นโทรศัพท์มือถือกลับไปให้ลูกชายดูหน้าจอ ลูกชายตัวดีรู้ว่าอะไรที่ไม่ควรพูด เขาทำหน้าขมวดคิ้ว แล้วเงียบ "วันก่อนมีคนโทรเข้ามาเครื่องแกนี่ พ่อเป็นคนรับ เค้าถามทางมาที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ พ่อก็บอกเค้าไป แล้วก็มานึกได้ว่า เค้าโทรเข้ามาเครื่องแกได้ยังไง ? หรือว่า แม่แกเป็นคนใช้เครื่องแกโทรออกไป ? ไม่น่าจะใช่ หรือ แกไปนัดใครให้มาหาที่ร้าน ?" ชูศักดิ์วางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะ "แกมีอะไรกันกับน้าสมชายเค้านะ ? นี่ถ้าคุณพีรศิลป์ติดต่อกลับไปหาครอบครัวเค้าทางโน้นได้ ก็นับว่าแกได้ช่วยเค้าเหมือนกันนะ" เปี๊ยกพยักหน้าหงึก ๆ ดีใจที่คุณพ่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "น้าสมชายเป็นอะไรมากหรือเปล่าอะ พ่อ ?" "น่าจะหนักอยู่เหมือนกัน ถ้าถึงกับสลบ ไม่รู้ไปเจออะไรมา โดนทำร้าย หรือ ประสบอุบัติเหตุกันแน่" สีหน้าของเด็กเปี๊ยกสลดได้ในทันทีที่ได้ยินคุณพ่อพูดจบ ชูศักดิ์ยื่นมือไปจับหัวลูกชาย "อย่าพึ่งตกใจไป เดี๋ยวรอวันพรุ่งนี้ แล้วเราค่อยตามเรื่องอีกที พ่อจะหาเบอร์โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมาไว้ พรุ่งนี้ค่อยโทรไปถาม" เปี๊ยกจับข้อมือชูศักดิ์เขย่า "พ่อ เราไปเยี่ยมน้าสมชายได้หรือเปล่า ?" ชูศักดิ์หัวเราะ "แกจะบ้าเหรอไง ? โรงเรียนไม่ต้องไปใช่มั้ย ? พูดยังกับโคราชกับภูเก็ตอยู่จังหวัดติดกัน รีบไปทำการบ้านให้เสร็จ พรุ่งนี้พ่อจะโทรไปถามที่โรงพยาบาลให้" ลูกชายพยักหน้า ***************************************************************************** ชูศักดิ์กำลังลากเก้าอี้ยาวที่ทำด้วยไม้ เลื่อนให้ชิดขอบกำแพง เพื่อจะทำให้เกิดที่ว่างพอที่จะเป็นทางเดิน สะดวกสำหรับลูกค้าที่จะเดินไปรอบบริเวณร้าน อากาศที่ร้อนอบอ้าวตามปกติของจังหวัดภูเก็ต ทำให้เหงื่อซึมออกทางผิวกายทั่วร่างของเจ้าของร้าน "ร้อนโว้ย !" ชูศักดิ์ตะโกนออกมา ฉวีวรรณนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานด้านในของร้าน หันไปมองสามีแล้วหัวเราะ "แล้วพี่จะไปย้ายเองทำไม ? ก็เดี๋ยวรอให้เจ้าแขกมาช่วย มันไปกินข้าวแถวนี้เดี๋ยวก็กลับมา" ชูศักดิ์เดินกลับมาหาภรรยา "พี่บ่นว่าร้อน ไม่ได้บ่นว่าเก้าอี้หนัก" เขาพูดแล้วหัวเราะเบา ๆ ภรรยามองสามีด้วยหางตา "ย้ายไปอยู่ที่อื่นเหอะ ถ้าทนร้อนไม่ได้ อยู่ในประเทศไทย อากาศมันก็เป็นแบบนี้" ชูศักดิ์นั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน ใบหน้าเปื้อนยิ้ม หยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะทำงานขึ้นมากางอ่าน ภรรยาถามขึ้น "ตกลงจะไปดูรถหกล้อเมื่อไหร่ ?" เสียงชูศักดิ์ตอบลอดหน้าหนังสือพิมพ์ "ไม่ต้องดูอีกแล้ว ซื้อเลย ! อีซูซุ สรุปตามนี้" ภรรยาบ่นพึมพำ "สรุปอะไรไม่เห็นเคยบอกบ้างเลย ไปสรุปกับเสี่ยลิ้มมาแล้วล่ะสิ ถ้าเราไม่ถาม ก็คงไม่บอกเรา" สามีเลื่อนหนังสือพิมพ์ลง โผล่หน้ามาพูด "เอาน่า ! เดี๋ยวพอบอกให้จ่ายเงิน เธอก็จ่ายแล้วกัน" "แน๊ะ ! มียังงี้อีก ตอนจะตัดสินใจไม่เห็นถาม พอถึงเวลามาบอกให้เราจ่ายเงิน" ชูศักดิ์หัวเราะในลำคอ ชายใส่เสื้อคลุมสองคนเดินเข้ามาทางหน้าร้านด้านขวา ชูศักดิ์เหลือบตามอง แล้วหันมาพูดกับภรรยาเบา ๆ "ร้อนจะตายห่า จะใส่เสื้อแจ็คเก็ตทำไม ?" ฉวีวรรณมองตามไปที่เป้าหมาย สามีพับหนังสือพิมพ์วางไว้บนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นยืน "เชิญชมตามสบายครับ สนใจตัวไหนถามได้ครับ" เขาส่งคำทักทายพร้อมรอยยิ้ม ชายคนที่อาวุโสกว่า วัยประมาณห้าสิบปี หัวเถิก รูปร่างผอมสูง ใส่เสื้อคลุมสีดำ กางเกงแสล็ค ส่งยิ้มมาให้ เขาเดินนำอีกคนตรงเข้ามาในร้าน ชูศักดิ์มองไปที่บานกระจกหน้าตู้เสื้อผ้า เงาที่บานกระจกสะท้อนให้เห็นวัตถุบางอย่างที่แขกรายนี้เหน็บอยู่ที่บั้นเอว ชายหัวเถิกพูดกับชูศักดิ์ "คุณเปี๊ยกอยู่มั้ยครับ ?" เจ้าของร้านขมวดคิ้ว "คุณเปี๊ยกเหรอ ?" เขาหันหน้าไปทางภรรยา "เธอเข้าไปข้างในก่อน ขอพี่คุยกับแขก" สีหน้าสามีบ่งบอกอารมณ์จริงจัง ฉวีวรรณพยักหน้า แล้วลุกจากโต๊ะทำงาน เดินเข้าไปในห้องกระจกที่ติดฟิล์ม ชูศักดิ์ใช้สายตาสำรวจบุคลิกของชายทั้งสอง ชายอีกคนอายุประมาณสามสิบกว่าปี รูปร่างท้วม ใส่เสื้อคลุมสีครีม กางเกงยีนส์ ด้วยสัมผัสทางตา ณ ปัจจุบัน ไม่มีลางใด ๆ ที่บอกถึงท่าทีประสงค์ร้ายให้ชูศักดิ์ได้รู้สึก แต่เหตุใดจึงต้องพกอาวุธเดินเข้ามาในร้าน ? "มีธุระอะไรกับเปี๊ยกเหรอครับ ? ตอนนี้เค้าไม่อยู่" ชายหัวเถิก หันไปมองหน้าชายอีกคน แล้วหันกลับมาพูด "คุณเปี๊ยกจะกลับมากี่โมงล่ะครับ ? ผมจะได้มาพบตอนที่เค้ากลับมา ไม่ทราบว่า คุณเป็นอะไรกับคุณเปี๊ยกครับ ?" คำว่า 'คุณเปี๊ยก' ทำให้ชูศักดิ์รู้ทันทีว่า ชายทั้งสองคนนี้ คงไม่เคยได้เจอ หรือ ไม่เคยได้สนทนากับลูกชายอย่างแน่นอน ความมีสติ ทำให้เขาไม่เอ่ยปากตอบคำถามใด ๆ แต่กลับส่งยิ้มให้ "งั้น รอซักครู่นะครับ ! เชิญนั่งรอที่เก้าอี้นี้ก่อนครับ" เขาผายมือให้ชายแปลกหน้าทั้งสอง แล้วหันหลัง เดินตรงไปยังห้องทำงาน เปิดประตูกระจกฟิล์ม เข้าไปในห้อง "ใครน่ะพี่ มาถามหาเจ้าเปี๊ยกทำไม ?" สีหน้าสามีเคร่งเครียด เขากำลังใช้ความคิด "ทำไมต้องพกปืนด้วยวะ ?" ฉวีวรรณทำตาโตเท่าไข่ห่าน "ที่ไหน ? ใครพกปืน ? เค้าพกปืนเหรอพี่ ?" ชูศักดิ์ยกนิ้วชี้แตะปาก "จุ๊ ๆ ! เงียบ ๆ ! อย่าเอะอะ คนใส่เสื้อดำน่ะ มีปืนพกเหน็บอยู่เอวด้านหลัง อีกคนไม่รู้พกหรือเปล่า มองไม่เห็น" เขาเดินวนไปวนมาในห้องสักพัก คิดถึงสิ่งที่ควรจะทำในสถานการณ์เช่นนี้ แล้วพูดกับภรรยา "ออกไปซักถามเรื่องราวก่อนดีกว่า แล้วเชิญเค้ากลับไปก่อน เราจะได้มีเวลาคิด" ฉวีวรรณพยักหน้า "ก็ดีค่ะ ! แต่ดูท่าทางก็ไม่น่าจะเป็นโจรผู้ร้าย ร้านเรามีกล้องวงจรปิด แล้วเค้าก็ไม่ได้ใส่แว่นดำ ไม่น่าจะมาร้ายนะพี่" ชูศักดิ์หัวเราะหึ ๆ "อือ ! จะออกไปลองเสี่ยงตายดู นี่ลงทุนตายเพื่อไอ้เปี๊ยกเชียวนะ" เขายังพูดติดตลก แล้วเปิดบานประตูกระจกเดินออกไป เจ้าของร้านเดินกลับมาที่ชายแปลกหน้าทั้งสอง "ขอโทษด้วยครับ ! คงต้องฝากเรื่องไว้นะครับ อยากทราบว่า มีเรื่องอะไรจะติดต่อเปี๊ยก ฝากผมไว้ได้ครับ" ชายทั้งสองลุกขึ้นยืน ชายที่อาวุโสกว่า เป็นฝ่ายตอบคำถาม "ผมชื่ออนุชิตครับ มาจากกรุงเทพ ฯ คุณเปี๊ยกเค้าฝากข้อความไว้กับที่บ้านผมว่า จะคุยเรื่องเกี่ยวกับเอกสารสำคัญที่อยู่ในห้องสมุด แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ กับชื่อร้านเฟอร์นิเจอร์นี้ไว้ ให้ผมติดต่อกลับ" ชูศักดิ์เอียงคอ "ฝากข้อความ ? เค้าฝากข้อความไว้ทางโทรศัพท์เหรอครับ ?" อนุชิตสั่นหัว "เปล่าครับ ! เค้าฝากข้อความเป็นกระดาษหย่อนไว้ในกล่องรับจดหมายที่รั้วบ้านผม เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว" "บ้านที่กรุงเทพ ฯ เหรอครับ ?" อนุชิตล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต แล้วหยิบกระดาษยื่นมาให้ชูศักดิ์ดู "นี่ครับ" ลายมือบนกระดาษ เป็นลายมือของลูกชายจริง ๆ 'อนุชิต ฉันกลับมาแล้ว ฉันอยากได้สมุดบันทึกของฉันที่เคยให้เธอเก็บไว้กลับมาอ่าน ฉันได้เจอทายาทของฉันแล้ว ติดต่อกลับ เปี๊ยก ชูศักดิ์เฟอร์นิเจอร์ ภูเก็ต' ท้ายข้อความเป็นเบอร์โทรศัพท์มือถือของลูกชาย ที่เขาเป็นคนซื้อให้ กระดาษที่มีลายมือของลูกชาย จะไปอยู่ในกล่องจดหมายหน้าบ้านของชายแปลกหน้าที่กรุงเทพ ฯ ได้อย่างไร ? ข้อความในกระดาษ เป็นสิ่งที่อยู่นอกกรอบความทรงจำใด ๆ ของชูศักดิ์ ตั้งแต่ลูกชายคนนี้ถือกำเนิดมาเมื่อแปดปีที่แล้ว เขาไม่เคยได้ยินลูกชายพูดถึงหนังสืออื่นใดนอกจากหนังสือเรียน ชูศักดิ์ถามอนุชิต "สมุดบันทึก กับ ทายาทของฉัน หมายถึงอะไรเหรอครับ ? มันสำคัญสำหรับคุณอนุชิตยังไงครับ ?" ชายหัวเถิกพยักหน้า "สำคัญสำหรับพวกเราครับ สำคัญสำหรับคนหมู่มากที่กำลังรอคำตอบ แต่ควรหรือไม่ควรจะเล่า ให้คุณเปี๊ยกเป็นคนตัดสินใจดีกว่า แต่ผมคงไม่เป็นฝ่ายที่เล่าเรื่องนี้ออกมาให้คนนอกฟัง" พ่อเจ้าเปี๊ยกนึกขำปนโมโหในใจ 'ไอ้คุณเปี๊ยก ! ไว้เอ็งกลับมาบ้านก่อน ถ้าเอ็งไม่เล่าให้พ่อฟังว่าเรื่องพวกนี้คืออะไร พ่อจะกระทืบเอ็งให้คนหมู่มากดูกับตา' เขายื่นกระดาษคืนกลับไปให้อนุชิต "ขอโทษด้วยนะครับ ที่เปี๊ยกไม่อยู่ในตอนนี้ ผมจะขอเบอร์ติดต่อกลับของคุณอนุชิต ถ้าเค้ากลับมาแล้ว ได้ความยังไง ผมจะติดต่อกลับไป" ชูศักดิ์ยื่นเศษกระดาษเปล่าบนโต๊ะให้ อนุชิตพยักหน้า แล้วหยิบปากกาในกระเป๋าเสื้อออกมาเขียนเบอร์โทรศัพท์ลงในเศษกระดาษ "ได้ครับ ! ผมพักอยู่ในเมือง ขับรถตรงมาจากกรุงเทพ ฯ ก็เพื่อพบคุณเปี๊ยกนี่แหละ ผมจะรอโทรศัพท์นะครับ" เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์รับกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์คืนมา แล้วพยักหน้า อนุชิต และ ผู้ติดตาม เดินกลับออกไปจากร้าน ชูศักดิ์เดินตามไปที่หน้าร้าน เห็นชายทั้งสองเดินกลับไปยังรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีดำที่จอดไว้ห่างจากร้านประมาณสามสิบเมตร ***************************************************************************************** อ่านหน้า > 2
|
|||||||