| |||||||
| |||||||
หัวหน้าแพทย์เดินออกมาจากห้องผ่าตัด พร้อมสีหน้าที่เรียบเฉย ทันทีที่ญาติพี่น้อง และ เพื่อน ๆ ของผู้ป่วยซึ่งกำลังรออยู่ที่บริเวณนอกห้องผ่าตัด เห็นสีหน้าของหมอผ่าตัด หัวใจก็แทบจะหล่นไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม สมชายลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก แล้วเดินตรงไปหาคุณหมอ ใบหน้าแพทย์ผ่าตัดผู้นี้ มีสีหน้าที่สลด สายตามองลงต่ำ เพียงแค่การแสดงออกด้วยสายตาของแพทย์ผ่าตัดที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขา มันก็เหมือนคำตัดสินประหารชีวิตที่ถูกประกาศออกมาอย่างชัดเจน สมชายตัดสินใจถาม "ผลผ่าตัด เป็นยังไงครับ ?" สายตาของคุณหมอ จ้องประสานกับดวงตาของเขา นัยน์ตาของหมอเอง ก็ยังคลอไปด้วยน้ำตา "ผมเสียใจด้วยครับ ! เราได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว ผลการผ่าตัดล้มเหลว เราไม่สามารถช่วยชีวิตคุณกชมนไว้ได้" ใบหน้าของเพื่อนสาวผุดขึ้นมาในจิตทันที "ผมต้องเห็นหน้าเค้า" เขารีบผละจากหมอ แล้วเดินอย่างเร็ว ตรงไปที่ประตูห้องผ่าตัด 'ถ้าไม่มีเธอ ฉันก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่' เสียงนี้ตะโกนก้องในจิตของเขาเอง 'พาฉันไปด้วย !' เสียงตะโกนดังลั่นห้อง "พาฉันไปด้วย !" ทำให้หมวยเล็กสะดุ้ง "ทามาดะซัง !" หมวยเล็กเดินตรงไปที่เตียงพยาบาล แล้วก้มลงแตะไหล่ของผู้ป่วย "พี่สมชาย ! พี่ฟื้นแล้ว !" ภาพใบหน้าที่สดใสของหมวยเล็กปรากฏต่อหน้าเขา ความรู้สึกที่ตามมาอย่างฉับพลัน คือ ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านจากซี่โครงทั้งสองด้าน จนถึงแผ่นหลัง เขาเหลือบสายตามองที่แขนข้างขวาของตัวเอง ซึ่งมีเฝือกหุ้มปิดอยู่ ข้อมือซ้ายถูกเจาะด้วยสายน้ำเกลือ เขาไม่สามารถจะขยับคอได้ หมวยเล็กพูดขึ้น "เดี๋ยวหมวยเล็กไปบอกพยาบาลก่อนว่าพี่สมชายฟื้นแล้ว รอหมวยเล็กแป๊ปนึง !" ภาพที่เห็นอยู่เต็มสองดวงตานี้ ไม่คุ้นเคยในความทรงจำของเขามาก่อน นี่ไม่ใช่ในห้องพักของเขาแน่ ๆ หมวยเล็กก้าวเท้าออกจากห้องพร้อมปิดประตู กลิ่นยาที่โชยจากภายนอกมาเข้าจมูก ทำให้เขาแน่ใจว่า ที่นี่คือ โรงพยาบาล แต่เขาไม่ได้กำลังยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด หรือ กำลังวิ่งเข้าไปหาเธอในห้องผ่าตัดนั้น.... นั่นเป็นเพียงความฝันที่โหดร้าย ! หมวยเล็กเปิดประตูห้องกลับเข้ามาอีกครั้ง สมชายมองเห็นเธออยู่ในชุดเสื้อลำลองกางเกงขาสี่ส่วน "อีกซักพัก พยาบาลคงเข้ามาค่ะ" เธอเข้ามายืนที่ขอบเตียงด้านขวา ดวงตาเธอที่จ้องมองเขาพลันมีน้ำตาออกมาคลอ สมชายพูดขึ้นเบา ๆ "ผมเป็นอะไรครับ ? รถชน ?" สาวเฝ้าไข้สั่นหัว "เปล่าค่ะ ! พี่สมชายถูกคนซ้อม" ประโยคของเธอจบลงด้วยหยดน้ำตาที่รินไหลลงมาที่แก้ม หมวยเล็กรีบผละออกจากเตียง เดินไปที่โต๊ะเล็กรับแขก ดึงกระดาษทิชชู่จากกล่องออกมาซับน้ำตา "ใครซ้อมผม ?" เธอเดินกลับเข้ามาหา "ไม่รู้ค่ะ ! มีคนเห็นพี่สมชายโดนรุมทำร้าย แล้วพามาส่งที่โรงพยาบาล ป๊าไปถามคนแถวนั้น เค้าเห็นผู้ชายสามคนลงจากรถปิ๊คอัพที่หน้าโรงงานทำสบู่ ถือกระบอง แล้วเข้ามาซ้อมพี่สมชายที่หน้าหอพัก แล้วก็หนีขึ้นรถไป ตอนนี้ป๊ากำลังติดต่อขอภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงงาน" สมชายได้แต่กระพริบตา เขายกมือซ้ายขึ้น ชี้นิ้วมาที่คอ "คอผม ทำไมต้องดาม ?" "พี่สมชายถูกฟาดที่ท้ายทอยแล้วหมดสติ หมอจำเป็นต้องใส่ปลอกคอดามไว้ ไม่ให้พี่ขยับเขยื้อนชั่วคราว" หมวยเล็กมองสภาพคนป่วยที่นอนบนเตียง แขนขวาถูกเข้าเฝือก ลำคอมีปลอกคอหุ้ม น้ำตาเธอเริ่มไหลออกมาอีกระลอก สมชายยกมือซ้ายขึ้น "นี่ นี่ !" หมวยเล็กก้มตัวลงมา "หือ ! อะไรเหรอคะ ?" "ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ผมยังไม่ตาย" คำพูดของคนป่วยทำให้สาวรุ่นยิ้มทั้งน้ำตา "ป๊ามาเห็นพี่สมชายเมื่อคืน ป๊ายังร้องเลย" "เถ้าแก่น่ะเหรอ ?" เธอพยักหน้า "อือ ! เมื่อคืนหมวยเล็กก็มาด้วย สภาพพี่สมชายแย่กว่าตอนนี้อีก แต่หมวยเล็กไม่ได้ร้องนะ แต่ป๊าเห็นแล้วน้ำตาไหลเลย" สมชายหัวเราะในลำคอ "หึ ๆ แล้วทำไมเพิ่งมาร้องตอนนี้ ?" เธอสั่นหัว "ไม่รู้เหมือนกัน กู๋วรัญมาเยี่ยมเมื่อเช้า กู๋พูดอยู่ประโยคเดียว ใครทำอย่าให้กูรู้" "ทุกคนเลยลำบากเพราะผม" เธอสูดหายใจเรียกน้ำมูกกลับขึ้นจมูก "พี่สมชายไปมีเรื่องกับใครมาก่อนเหรอ ? คนพวกนี้เป็นใครกัน ?" เขาพยายามสั่นหัวเบา ๆ แต่ปลอกคอที่ดามอยู่ทำให้การขยับคอเป็นไปได้อย่างลำบาก "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมจำอะไรไม่ได้ เค้าหามผมมาจากที่ไหนเหรอ ?" "หน้าหอพักเลยค่ะ ตอนทุ่มกว่า" น้ำตาชุดใหม่เริ่มจะรินออกมาอีกระลอก สมชายยกมือซ้ายขึ้น เอื้อมมาด้านขวา สายน้ำเกลือที่เจาะอยู่บนข้อมือซ้ายเริ่มตึงพอดี หมวยเล็กเอื้อมมือไปจับมือซ้ายของเขา "จะเอาอะไรเหรอคะ ?" สมชายกุมมือเธอ แล้วเขย่าเบา ๆ "หยุดร้องไห้ได้แล้ว ! ตอนนี้ ผมอยู่ในสภาพที่ดีกว่าตอนก่อนหน้านี้ เยอะ" เธอเอียงคอ ไม่เข้าใจในความหมายที่คนป่วยพูด "สภาพนี้เหรอ ดียังไง ?" คนป่วยมีรอยยิ้มจาง ๆ ออกมาจากใบหน้า "ผมดีใจ ที่ผมอยู่ในสภาพนี้ ดีกว่าสภาพที่ผมเพิ่งผ่านมาหยก ๆ" คำพูดของเขา ทำให้เธอหยุดร้องไห้ได้ "พี่สมชายไปเห็นนรกมาเหรอ ?" สมชายยิ้มกว้าง "มันเลวร้ายกว่านรกอีกมั้ง ? ผมไม่รู้จักนรกหรอก แต่ถ้าผมต้องอยู่ในสภาพนั้น ผมเลือกมานอนเจ็บแบบนี้ดีกว่า" "พี่สมชายฝันร้ายเหรอ ? หมวยเล็กได้ยินพี่ตะโกนออกมาว่า พาฉันไปด้วย มีนางฟ้าไปช่วยพี่สมชายในฝันเหรอ ?" คำพูดของเธอทำให้คนป่วยหัวเราะ ตัวกระเพื่อม "โอ๊ย ! หัวเราะแล้วเจ็บ" เขาครางออกมาเบา ๆ พร้อมปล่อยมือที่กุมมือเธอออก ลูกสาวเถ้าแก่เริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้น "พี่สมชายต้องบอกที่บ้านหรือเปล่าคะ เรื่องเข้าโรงพยาบาลนี่ ?" "ไม่ต้องครับ ไม่มีใครต้องบอก" "แล้วพี่วรรณาล่ะ ?" สมชายพูดสวนกลับมา "โดยเฉพาะวรรณา อย่าบอกเด็ดขาด !" หมวยเล็กรู้สึกประหลาดใจ "ทำไมล่ะ ? เรื่องใหญ่แบบนี้ พี่สมชายไม่บอกเค้า เค้ารู้ทีหลังจะไม่เสียใจเหรอ ?" คนป่วยไม่ตอบ แต่กลับเปลี่ยนเรื่อง "แว่นของผมยังอยู่มั้ย ?" เธอหันไปมองที่โต๊ะวางของข้างหัวเตียง "ค่ะ ! อยู่บนโต๊ะ ไม่แตกไม่หักใด ๆ โทรศัพท์ก็อยู่ค่ะ ในกระเป๋าเงินก็ยังมีเงินอยู่ เดี๋ยวค่อยให้พี่สมชายสำรวจของในกระเป๋าอีกทีว่ามีอะไรหายไปหรือเปล่า ? แต่คนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า พวกมันไม่ได้เอาข้าวของอะไรไปเลย ซ้อมแล้วก็รีบวิ่งไปขึ้นรถ" สมชายรับฟัง "พี่สมชายจำคุณพีรศิลป์ที่ภูเก็ตได้มั้ย ? คุณพีรศิลป์เป็นคนโทรมาที่โรงงานเพื่อแจ้งเรื่องที่พี่สมชายถูกหามมาโรงพยาบาล เพราะเจ้าหน้าที่ที่นี่ ใช้โทรศัพท์มือถือ โทรออกไปหาคนชื่อเปี๊ยก ปรากฏว่าอยู่ที่ภูเก็ต ซึ่งรู้จักพี่สมชายจากคุณพีรศักดิ์อีกที โชคดีมากนะคะที่คนชื่อเปี๊ยก เค้าติดต่อกลับมาจนถึงที่นี่ได้" "เปี๊ยกเหรอ ?" สมชายรำพึงออกมา อาการปวดที่ชายโครงเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น "หมวยเล็กครับ ช่วยตามพยาบาลที บอกว่าผมเจ็บที่ซี่โครงมาก" สาวรุ่นพยักหน้าทันที "ได้ค่ะ !" แล้วหันตัวกลับ เดินไปทางประตู เขาลองขยับแขนขวาแล้วรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างสุดจะทนจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ แล้วภาพแห่งความฝันอันแสนโหดร้ายก็กลับเข้ามาในความนึกคิด รอยยิ้มกลับปรากฏบนใบหน้าเขา 'ความเป็นจริงในขณะนี้ คือ การรับรู้อาการเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของร่างกาย ซึ่งเป็นโชคดีมหาศาลที่ความเจ็บปวดดุจดั่งนรกในความฝันนั้น ยังไม่ได้เกิดขึ้น' หมวยเล็กเปิดประตูห้องกลับเข้ามาอีกครั้ง พร้อมพยาบาลสาว สีหน้าของคนป่วยที่มีนัยน์ตาแดงก่ำ แต่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้สาวรุ่นประหลาดใจ "ทามาดะซัง ! ยิ้มอะไรเหรอ ?" พยาบาลเดินมาถึงริมเตียง "ปวดแผลมากใช่มั้ยคะ ?" "ครับ" สมชายตอบ "เดี๋ยวจะจัดยาฉีดมาให้นะคะ รอไม่เกินห้านาที" พยาบาลสาวส่งยิ้มให้แล้วหันหลังเดินกลับออกไป สาวเฝ้าไข้พูดขึ้น "อีกชั่วโมงนึง ป๊ากับกู๋วรัญจะมาเยี่ยมนะ" เธอมองหน้าสมชาย แล้วส่งยิ้มให้ "หมวยเล็กไม่บอกพี่วรรณา แต่หมวยเล็กจะบอกพี่กชมนแทน ได้มั้ยคะ ? " สาวเฝ้าไข้เดินไปที่โต๊ะวางของติดกับหัวเตียง หยิบแว่นกรอบทองขึ้นมาดู "ถ้าพี่สมชายเป็นอะไรไป ก็คงจะเหลือแต่แว่นอันนี้เก็บไว้ให้พี่วรรณาดูต่างหน้า ถ้าไม่รู้ว่าพี่วรรณามีแฟนแล้ว หมวยเล็กคงคิดว่าพี่สมชายเป็นแฟนพี่วรรณา" เธอหยิบแว่นขึ้นมา เปิดขาแว่น แล้วลองส่องดู "สายตาพี่สมชายคงสั้นน้อยมากเลย นี่มันเหมือนกับไม่ใช่แว่นสายตาเลย" "คนที่โทรไปที่โรงงานคือ คุณพีรศิลป์เหรอ หมวยเล็ก ? ไม่ใช่เปี๊ยกใช่มั้ย ?" เธอพยักหน้า "ค่ะ ! คุณพีรศิลป์เป็นคนโทรมาที่โรงงาน คุยกับป๊า แต่เค้าบอกว่า คนที่โทรหาเค้า คือ พ่อของเปี๊ยก" เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ประตูห้องถูกเปิดออก พยาบาลสาวสองคนเดินเข้ามาในห้อง คนหนึ่งถือชุดล่วมยาอยู่ในมือ "ขอฉีดยาระงับอาการปวดนะคะ ฉีดแล้วจะมีอาการง่วงนอน อาการปวดจะคลายลงนะคะ" พยาบาลที่ถือล่วมยาพูดขึ้น ***************************************************************************************** เปี๊ยกอยู่ในชุดนักเรียนนั่งอยู่บนเก้าอี้โต๊ะกินข้าว ประจันหน้ากับพ่อ และ แม่บังเกิดเกล้า ชูศักดิ์เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน "วันนี้ มีคนใส่เสื้อแจ็คเก็ตสองคน เดินเข้ามาถามหาเปี๊ยก" ลูกชายมองหน้าบิดาด้วยสายตาที่ตื่น "เหรอครับ ? ใครครับ ?" "ใครเหรอ ? เอ็งไปเขียนจดหมายให้ใครไว้ ? เอ็งจะเล่ามา หรือว่าจะต้องถูกหวดก้นถึงจะเล่าได้ ?" ดวงตาของเปี๊ยกเบิกโต เขายืดหลังขึ้น แล้วปรบมือ "จริงเหรอพ่อ ? เค้ามาหาเปี๊ยกจริง ๆ เหรอ ? แสดงว่าที่เปี๊ยกจำได้นั้น ถูกหมดเลยสิ !" น้ำเสียงของลูกชายแสดงถึงความดีใจ ชูศักดิ์หันไปมองหน้าภรรยา "นี่มันอะไรวะ ?" เขาหันหน้ากลับมาหาลูกชาย "ไอ้เปี๊ยก ! นี่แปลว่า แกส่งจดหมายไปหาเค้าที่กรุงเทพ ฯ หรือไง ?" ลูกชายหยุดดีใจชั่วขณะ วินาทีมรณะกำลังมาถึงตัวแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เขาคงต้องสารภาพความจริง เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น แต่ถ้า ผู้ชายคนนั้น อ่านข้อความของเขา แล้วลงทุนมาถึงภูเก็ตเพื่อตามหาเขา แสดงว่า ความทรงจำที่ระลึกได้ของเขา ไม่ใช่เรื่องไร้สาระแต่อย่างใด "พ่อ ! แม่ ! เปี๊ยกกะว่าจะเล่าให้ฟังแล้ว แต่รอให้เค้าติดต่อมาก่อน" ชูศักดิ์ถลึงตาใส่ลูกชาย เขาเปลี่ยนสรรพนามทันที "มึงจะเล่าอะไร ? ทำไมต้องรอให้มีคนถือปืน เดินเข้ามาในร้านเราก่อน แล้วมึงค่อยเล่า ? มึงปิดบังอะไรพ่อกับแม่อยู่ ?" ฉวีวรรณเอื้อมมือไปจับข้อศอกของสามี "ใจเย็น ๆ ก่อนพี่ ! ก็มันกำลังจะเล่าแล้ว ฟังมันก่อน !" บิดาส่งสายตาที่ร้อนประดุจลูกไฟดวงใหญ่ให้ลูกชาย "มึงเล่า เดี๋ยวนี้ !" ลูกชายสูดหายใจลึก ๆ แล้วเริ่มเล่า "วันที่อยู่ที่บ้านป้าเนาว์ พี่ปุ้มพาเปี๊ยกไปนั่งรถน้าเพชร" บิดาถามกลับ "น้าเพชรคือใคร ?" "น้าเพชรเป็นแม่พี่แพรครับ ?" "แล้วกูจะไปรู้มั้ยว่า พี่แพรคือใคร ?" บิดาถามซ้ำด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น เปี๊ยกพยักหน้า รับรู้ว่าควรขยายความ "พี่แพร เป็นเพื่อนของพี่ปุ้ม อยู่ที่ตลาด น้าเพชรขับรถพาไปเที่ยว แล้วเปี๊ยกก็หลับในรถ พอตื่นมา เปี๊ยกก็พึ่งรู้ว่า น้าเพชรขับรถเข้าไปในกรุงเทพ ฯ" ฉวีวรรณทวนคำเสียงดัง "เข้าไปกรุงเทพ ฯ !" ชูศักดิ์ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง "ตายห่า ! แม่งเอ๊ย !" เขามองหน้าภรรยา "พลาดจนได้ !" สีหน้าของลูกชายซีดเหมือนศพ ฉวีวรรณมองหน้าลูกชาย เปี๊ยกค่อย ๆ ก้มหน้าลง คอตกจนคางชิดกับหน้าอก เธอลุกขึ้นยืน แล้วฉุดมือสามี "พี่ ! มาคุยกันข้างนอกก่อน ออกมาก่อน !" ภรรยาพยักเพยิด ชูศักดิ์ยอมลุกขึ้นยืน แล้วเดินตามภรรยาออกไปบริเวณนอกบ้าน สองสามีภรรยา ยืนอยู่นอกเรือนบ้าน ฉวีวรรณพูดขึ้น "เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว ชั้นเคยคิดมาตั้งนานแล้วว่า ซักวันหนึ่ง หากเหตุการณ์ที่เราพยายามป้องกันดีแล้ว มันพลาดขึ้นมา ชั้นจะไม่โทษใครทั้งสิ้น ชั้นคิดมานานมาก ชั้นไม่โทษตัวชั้นเอง ไม่โทษตัวพี่ แล้วก็ไม่โทษลูก ถ้าเราป้องกันดีแล้ว แสดงว่า เรื่องแบบนี้ ยังไงมันก็ต้องเกิด พี่ไม่ได้ยินไอ้เปี๊ยกมันเล่าเหรอ ว่ามันหลับในรถ ตื่นแล้วค่อยรู้ว่า รถพามันเข้ากรุงเทพ ฯ ? ใช่ความผิดของมันที่ไหน ?" ชูศักดิ์พูดขึ้น "มันเป็นความผิดของพี่เอง ความจริงนครปฐมกับกรุงเทพ ฯ มันจังหวัดติดกัน ขับรถไม่กี่นาทีมันก็กรุงเทพ ฯ แล้ว พี่ไม่น่าคิดอะไรตื้น ๆ แบบนั้น" ฉวีวรรณจับแขนสามี "ช่างมันเถอะน่า ! ไม่ใช่ความผิดของพี่ เรื่องแบบนี้ ยังไงมันก็ต้องเกิด ถึงเราจะมัดไอ้เปี๊ยกติดอยู่กับบ้านที่ภูเก็ตนี่ ถ้าเรื่องนี้มันจะเกิด มันก็ต้องเกิด ค่อย ๆ ฟังลูกมันเล่าก่อน ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง แล้วยังไงเราก็มีหลวงปู่ท่านเป็นที่ปรึกษา ถ้างานนี้หลวงปู่จะตำหนิพวกเรา ชั้นก็ขอออกรับเอง" ชูศักดิ์จับไหล่ภรรยา "ไม่หรอก ! หลวงปู่ท่านคงไม่ตำหนิเราหรอก ท่านเพียงอยากช่วยเราป้องกันเรื่องยุ่ง ๆ ให้ดีที่สุด" ภรรยาพยักหน้า "ก็นั่นน่ะสิ ! งั้นกลับเข้าไปฟังลูกเราเล่าก่อนเถอะ แล้วมีอะไรก็มาช่วยกันคิดอีกที" ชูศักดิ์ถอนหายใจ "ยังไงมันก็ลูกเรา พี่คงไม่ไปตราหน้าว่ามันเป็นคนผิดไปตลอดหรอก แต่ถ้าได้กระทืบมันซักทีนึงก็ดีเหมือนกัน" เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม ฉวีวรรณยกมือขึ้นตีแขน "พี่นี่ก็ ได้ที ทำเป็นเก๊กหน้าใส่อารมณ์เชียว ! รู้นะ ใจจริงน่ะ ไม่กล้าหรอก รักจะตาย ลูกชายคนเดียวคนนี้เนี่ย" สองสามีภรรยา เดินกลับเข้ามาที่โต๊ะอาหาร ชูศักดิ์หายใจช้า ๆ เบา ๆ มีสีหน้าที่ผ่อนคลาย ค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบลง "เอ้า ! เจ้าเปี๊ยก ! ค่อย ๆ เล่ามาให้พ่อแม่ฟัง เรื่องมันเป็นยังไงต่อ อ้อ ! แล้วไอ้ที่พ่ออารมณ์เสียเมื่อกี๊น่ะ ต้นเหตุคือ คนที่มาถามหาแกน่ะ เค้าพกปืนมาด้วย นี่แหละ ที่ทำให้พ่อตกใจ แล้วก็ขวัญเสีย พ่อกลัวว่าเค้าจะมาทำอะไรแก" เปี๊ยกพยักหน้า "พ่อไม่ต้องกลัวครับ เค้าไม่ใช่คนร้าย เค้าเป็นตำรวจครับ ถ้าพวกเค้ารู้ว่าผมเป็นใคร เค้าจะไม่ทำร้ายพวกเราแน่ ๆ เพราะผมสำคัญกับพวกเค้ามากครับ" ชูศักดิ์ชะโงกหน้าเข้ามาหาลูกชาย "เค้าเป็นตำรวจ ! ไม่ใช่คนร้าย ! เฮ้อ ! โล่งอกไปเรื่องนึง แกไปรู้จักพวกเค้าได้ยังไง ?" ลูกชายเริ่มเล่าเหตุการณ์ในวันนั้น "พอผมจำได้ว่าผมอยู่ที่เมืองทองธานี ผมก็จำได้ว่าผมเคยไปที่นั่นหลายครั้ง ไปกับใครบ้าง ผมเริ่มจำได้ครับ ผมจำได้ว่ามีบ้านของตำรวจคนนึงที่อยู่แถวนั้นที่ผมไปบ่อย ๆ ผมก็ลองบอกให้น้าเพชรขับรถออกไปตามถนนที่ผมจำได้ แล้วก็ไปถึงบ้านนั้น แต่ไม่มีใครอยู่บ้าน ผมก็เลยเขียนใส่กระดาษแล้วหย่อนไว้ในตู้จดหมายครับ" ชูศักดิ์พยักหน้าเข้าใจ "แล้วข้อความในกระดาษนั่น เรื่องสมุดบันทึก กับ ทายาท มันคืออะไร ?" "เท่าที่ผมจำได้นะครับ ชาติที่แล้ว...." ลูกชายเริ่มเล่าถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เขาระลึกได้ จากการที่ได้สัมผัสกรุงเทพ ฯ เพียงครั้งแรก ให้พ่อ และ แม่ฟัง และ คงเป็นครั้งแรก ที่ชูศักดิ์ และ ภรรยา ตั้งใจฟังเรื่องราวการระลึกชาติของลูกชายอย่างเป็นกิจลักษณะ มากกว่าทุกครั้งในอดีต ______________________________________________________________________________________ โดย วีรยาติ 1 <อ่านหน้า
สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ เชิญเยี่ยม Facebook หมอเถื่อน (ให้กำลังใจโดยเข้าไป แล้วกด Like หรือ เขียนคำวิจารณ์)
|
|||||||