| |||||||
| |||||||
รุ่งเดินอย่างเร็วฝ่าสายฝนพรำ มุ่งหน้าไปยังหอพัก ที่พักรอรถชัตเทิ่ลหน้าหอพัก... ชายหนุ่มรูปร่างใหญ่กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ใต้ชายคา "พี่สกล !" รุ่งวิ่งหลบฝนเข้ามาใต้ชายคา "พี่มานั่งทำไมคนเดียวที่นี่ ? ติดฝนเหรอครับ ?" สกลยังอยู่ในชุดเสื้อชุดทำงานลำลองของฟันปาร์ค เขาพยักหน้า "อือ ! ติดฝนด้วย แล้วก็ ไม่อยากไปไหน อยากนั่งอยู่ตรงนี้แหละ" รุ่งก้มตัวลงมามองหน้า "พี่เป็นอะไร ? มีอะไรหรือเปล่า ?" สกลเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนร่วมงานรุ่นน้อง "รุ่งจะรีบไปไหนหรือเปล่า ? นั่งก่อนสิ !" คำพูดเชิญชวนแบบนี้ ทำให้เขารู้ทันทีว่า รุ่นพี่คนนี้มีเรื่องที่อยากจะคุยด้วย เขาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวติดกัน "พี่นี่มันบ้าไปแล้วแน่ ๆ ไม่น่าจะไปอินอะไรมากมายขนาดนั้น แล้วถึงเวลา ก็ต้องมาเป็นแบบนี้ รู้ทั้งรู้" รุ่งพยักหน้าช้า ๆ "เรื่องอะไรเหรอพี่ ? ถ้าเล่าได้ พี่เล่ามาเถอะ" สกลมองหน้ารุ่ง "ก็ถ้าไม่ใช่รุ่ง ก็คงไม่เหลือใครให้เล่าแล้วมั้ง วันนี้พี่เพิ่งรู้ข่าวว่า ซูจะหมดหน้าที่ที่นี่ แล้วกลับไปอเมริกา วันพุธหน้า" รุ่งผงะหัว "อ้าว ! หมดเทอมแล้วเหรอ ? ซูเค้ามากับตัวไหนน่ะ ?" เจ้าหน้าที่ซีดาร์ฟันปาร์ค จากสหรัฐ ฯ ปกติจะได้รับมอบหมายให้มาดูแลผลิตภัณฑ์แต่ละส่วนต่างกัน มีเทอมการทำงานในแต่ละประเทศต่างวาระกัน "จริง ๆ ซูรับผิดชอบฟันเฮาส์" รุ่งพยักหน้าเข้าใจ "อือ...! ถ้าเป็นฟันเฮาส์ ก็พ้นระยะส่งมอบมาตั้งนานแล้ว ถึงเวลากลับประเทศแล้วสินะ" สกลพยักหน้า "พอถึงตอนนี้แล้ว พี่ไม่อยากให้ซูกลับเลย แต่มันจะทำอะไรได้ ได้เห็นกันบ่อย ๆ พอคิดว่า ต่อไปนี้จะไม่เจอเค้าอีกแล้ว หัวใจมันก็เหี่ยวไปเลย เค้าจะต้องไปอยู่อีกที่นึง ที่ห่างจากที่นี่หนึ่งหมื่นห้าพันกิโลเมตร" รุ่งหัวเราะเบา ๆ "อเมริกาเหรอ ห่างจากเมืองไทยหนึ่งหมื่นห้าพันกิโลเมตร ? ผมเพิ่งรู้" "อือ ! พี่ไปถามกูเกิ้ล ประมาณแปดพันไมล์น่ะ" "นี่ขนาดสื่อสารภาษากันยังไม่ค่อยได้ พี่ยังอินขนาดนี้เลย แล้วซูเค้าว่ายังไงล่ะพี่ ? เค้ามาลาพี่ด้วยตัวเองหรือเปล่า ?" สกลสั่นหัว "พี่มองไม่ออกหรอก ว่าฝรั่งเค้าคิดยังไง ภาษาพี่ก็ไม่ค่อยดี พี่รู้อย่างเดียวว่าพี่รู้สึกยังไง ถึงพี่อยากรู้ว่าซูเค้ารู้สึกยังไง เค้าจะคิดถึงที่นี่หรือเปล่า แต่พี่ก็ไม่รู้จะถามยังไง เพราะคิดภาษาอังกฤษไม่ออก ภาษาพี่มันไม่ลึกซึ้งน่ะ ถามได้แต่งู ๆ ปลา ๆ มันไม่ได้สื่ออะไรกันมากมายเหมือนพูดภาษาไทย" รุ่งผงกหัว "ก็นั่นน่ะดิ ! ในเมื่อภาษามันสื่อสิ่งที่อยู่ในใจพี่ไม่ได้ ทำไมพี่ไม่ไปชอบผู้หญิงที่สื่อภาษาเดียวกับพี่ล่ะ ?" คำตอบตรง ๆ ของรุ่ง ทำให้อีกฝ่ายหันมามองหน้า รุ่งผงกหัวซ้ำ "ผมหมายถึงยังงั้นจริง ๆ นะ ถ้ามันสื่อสารกันไม่เข้าใจ มันจะกลายเป็นว่า ในโลกของพี่ มีแต่ซู แต่ในโลกของซู มีอะไร พี่ไม่มีทางรู้ ถึงอยู่ใกล้กันขนาดไหน ถ้าสื่อสารกันไม่ได้ มันคือคนละจักรวาลกันเลยนะ" สกลยกมือตบลงที่เข่าของรุ่ง "เฮ่ย ! ไอ้นี่พูดตรงดีว่ะ ! ขอบใจที่พูดตรง ๆ มันก็ตรงกับใจที่พี่คิดเหมือนกัน เรามันก็บ้า เห็นเค้าน่ารักก็ยกใจให้เค้าไปหมด ทั้ง ๆ ที่คุยกับเค้าก็ไม่รู้เรื่อง เรานี่มันบ้าจริง ๆ ถ้าซูยังอยู่ต่อ พี่อาจจะแย่กว่านี้ก็ได้" รุ่งพยักหน้า "ใช่ ! พี่พูดถูกต้อง ถ้ามันผ่านไปเป็นปี พี่ยิ่งถลำลึก แล้ววันนึง ซูก็ต้องกลับอยู่ดี ป่านนั้นพี่อาจจะต้องโดดฟลอร์เลสลงมาตาย สู้ให้วันนี้เค้ากลับไปเลยดีกว่า มีสาวไทยน่ารัก ๆ รอพี่อยู่เพียบ จะได้ไม่เสียเวลา" สกลเริ่มมีรอยยิ้ม เขาค่อย ๆ นึกถึงสิ่งที่รุ่งพูด มันย้ำความจริงที่เขาเคยนึกถึงอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ใกล้กับสาวผมบลอนด์คนนั้น ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาไม่มีวันที่จะสื่อสารกับเธอได้ "อือ... ! นั่นน่ะสิ ! พี่ไม่ใช่รุ่ง ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง เวลาเห็นรุ่งพูดกับแคลร์แล้ว เหมือนกับรุ่งกำลังพูดภาษาไทย" รุ่งพยักหน้า "ถ้าพี่สามารถสื่อสารกับซูได้ ผมจะยุให้พี่ทำตรงกันข้าม" "ทำตรงกันข้าม ?" "ถ้าพี่เข้าใจภาษาของซู ซูเข้าใจภาษาพี่ ผมจะยุให้พี่บอกซูไปเลยว่าพี่ชอบเค้าขนาดไหน รู้สึกยังไงก็บอกไปให้หมด แต่ก่อนนี้ผมคิดว่า ถ้าเค้าไม่ชอบเรา เราก็ไม่ควรไปสารภาพความในใจกับเค้า เพราะเค้าจะไม่เห็นค่าของเราหรอก แล้วเราก็จะหน้าแตก เสียเวลาเปล่า ๆ แต่วันนี้ ผมรู้แล้วว่า เวลาได้ยินคนมาบอกเราว่าชอบเรา มันทำให้เรารู้สึกดี ถึงแม้เราจะไม่ได้ชอบเค้าแบบนั้นก็ตาม แล้วไอ้ความรู้สึกดี ๆ นี่ มันทำให้โลกนี้มันเปลี่ยนได้.... อือ ! ผมคิดงั้นนะ" สกลพยักหน้าเห็นด้วย "อือ ! ถ้าซูฟังภาษาไทยเป็น พี่คงทำตามที่รุ่งว่าไปแล้ว" รุ่งมองลงไปยังพื้นถนนที่นองไปด้วยน้ำ สายฝนยังพรมลงมาจากเบื้องบนไม่ขาดสาย "แปลกจัง ! ทำไมวันนี้มีแต่เรื่องการลาจากกัน ? แปลกมาก ๆ เลย !" "รุ่ง ! พี่ถามอะไรบ้าง ?" รุ่งหันหน้ามามองรุ่นพี่ "ครับ ! ถามอะไรครับ ?" "แล้วรุ่งคิดจะบอกแคลร์บ้างหรือเปล่า ว่าเราคิดยังไงกับเค้า ? อีกไม่นาน แคลร์ก็ต้องกลับไปเหมือนกันนะ" รุ่งผุดลุกขึ้นยืน "โอ้ย ! ผมลืมไปเลยว่า มีคนรอผมอยู่ เดี๋ยวผมต้องไปก่อนนะพี่" สกลยกมือขึ้นโบก "ไปเถอะ ! ขอบใจมากนะรุ่ง" รุ่งผงกหัว แล้วเดินผละออกมา ยกซองพัสดุขึ้นกันฝน แนะนำคนอื่นอย่างกับเป็นผู้เชี่ยวชาญ เรื่องของตัวเองกลับไม่ชำนาญอะไรซักอย่าง ภาพใบหน้าของแคลร์ปรากฏขึ้นในใจเขา ซูถึงเวลากลับประเทศแล้ว ! อีกไม่นาน ก็คงต้องถึงเวลาที่แคลร์ต้องกลับประเทศเหมือนกัน เขาค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดหอพัก รอยยิ้มของแคลร์เริ่มปรากฏเป็นภาพชัดเจนขึ้นในใจของเขา 'ผู้หญิงอะไรวะ ยิ้มทีเดียว ทำเอาเสียวสันหลังวาบ !' แต่ คนที่อยู่กันคนละซีกโลก มันไม่ควรที่จะเริ่มต้นก่อวงจรที่จบไม่ได้ สุดท้าย มันก็จะกลายเป็นวงจรอุบาทว์เหมือนที่ตัวเองเคยเกลียด แล้วคำพูดที่เพิ่งแนะนำเพื่อนร่วมงานไปล่ะ !... เขาก็กลายเป็นเพียงแค่ ดีแต่ใช้คำพูดแนะนำชาวบ้าน แต่ไม่มีความกล้าที่จะทำเอง ความกล้าน่ะเหรอ ?... รุ่งโรจน์... ตั้งแต่เกิดมาเคยกลัวใครเหรอ ? ถึงหน้าห้องพักแล้ว เขารีบไขกุญแจเข้าห้องพัก เปิดไฟในห้อง แล้วกลับยืนนิ่ง... นี่เขาขึ้นมาห้องพักทำไม ? เขาขึ้นมาเพื่อเอาอะไรนะ... ? ทำไมนึกไม่ออก ? ทำไมมีแต่ภาพใบหน้าของแคลร์ที่โผล่เข้ามาในความทรงจำ ? ดวงตาที่กลมโตของแคลร์ เป็นส่วนที่จดจำง่ายมาเป็นอันดับสองรองจากรอยยิ้ม สิ่งดี ๆ ที่พบเจอได้ยาก เมื่อผ่านเข้ามาในชีวิตแล้ว ไม่นานก็ต้องจากไป มันก็เป็นธรรมชาติเช่นนี้เอง ก็แค่ปล่อยให้มันเลยผ่านไป ! ความรู้สึกดี ๆ จากคำพูดของนิลกาญจน์ จะยังคงอยู่อีกนานมั้ยนะ ?.... รุ่งคิดทบทวนในใจ เสียงฟ้าคำรามครืนใหญ่ดังมาจากเบื้องบน ถ้าแคลร์มายืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ เขาก็อาจจะบอกเธอไปง่าย ๆ ก็แค่เขาชอบรอยยิ้มของเธอ ชอบดวงตาของเธอ แต่ป่านนี้... ฝนตก แคลร์คงอยู่ในห้องพักที่หอพักหญิง ซึ่งห่างจากตึกนี้ไปประมาณห้าสิบเมตร แต่หากเป็นเดือนหน้า หรือ สองเดือนหน้า แคลร์อาจจะอยู่ห่างกับเขา 15,000 กิโลเมตร คำพูดของเขา มันจะต้องอยู่ในใจแคลร์ไปตราบนานเท่านาน ! เขาเปิดประตูห้องพักออกมา พร้อมซองใส่พัสดุ วิ่งลงบันไดหอพักมาจนถึงข้างล่าง ยกซองพัสดุขึ้นบนหัวกันฝน แล้วเริ่มเดินออกพ้นชายคาหอพัก มันก็แค่เรื่องง่าย ๆ เจอหน้าเธอ แล้วก็บอกเธอไป มันง่ายเหมือนกับที่นิลกาญจน์กระซิบข้างหูเขา มันง่ายขนาดนั้นจริง ๆ นะ รุ่งเอ๋ย ! มันก็แค่เดินตากฝน ข้ามตึกนี้ไป จะไกลสักแค่ไหนเชียว แค่ห้าสิบเมตร มันไม่ใช่หนึ่งหมื่นห้าพันกิโลเมตร เขาพาร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน มาถึงหอพักพนักงานหญิง 'หอพักพนักงานหญิง' ... ห้ามผู้ชายขึ้น.... นึกว่าเขากลัวหรือยังไง ? ก็แค่ก้าวเท้าขึ้นไป เรามันก็คนคนเดิม นายรุ่งโรจน์ที่ไม่เคยกลัวใคร รุ่งพาสังขารตัวเองที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝน มายืนอยู่ที่หน้าห้องของแคลร์ ใจเขาเต้นตึ๊กตั๊กเหมือนกระเดื่องของกลองชุด เขาเคาะประตูห้อง เสียงแคลร์ตะโกนออกมาเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน "ค่ะ ! ใครคะ ? " ถ้าเธอเปิดประตูออกมา แค่พูดว่า 'I like you very much !' สั้น ๆ ง่าย ๆ.... รุ่งบอกกับตัวเอง เขาตะโกน "นี่ฉันเอง รุ่ง ! " เสียงแคร์ดังลอดออกมาจากห้อง "โอว พระเจ้า ! เธอขึ้นมาได้ไง ? นี่มันหอพักหญิงนะ !" ประตูถูกกระชากเปิดออก แคลร์อยู่ในชุดเสื้อแขนกุดลำลองสีดำ กางเกงขาสั้น ผมถูกปล่อยยาวประบ่า แต่สิ่งที่มันทรมานใจมากที่สุด คือ รอยยิ้ม !
เธอประหลาดใจกับภาพที่เห็น รุ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดที่เปียกโชก มีสีหน้าชอบกล จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะบึ้งก็ไม่เชิง ยืนหายใจหอบอยู่หน้าห้อง "เกิดอะไรขึ้น ถึงต้องเดินตากฝนมาถึงนี่ ?" รอยยิ้มของแคลร์ทำให้รุ่งลืมสิ่งที่คิดไว้ในใจ เขาสั่นหัวแรง ๆ สองสามครั้ง "ฉันไม่เข้าใจ เธอจะยิ้มทำไม ?" เขาพูดไปหอบไป หายใจดังฟืด แคลร์ยกมือขึ้นท้าวเอว "เธอฝ่าสายฝนมาถึงที่หน้าห้องฉัน เพื่อถามแค่นี้เหรอ ?" รุ่งพยักหน้าติดกันหลาย ๆ ครั้ง "ใช่ ! ฉันไม่เข้าใจว่า ทำไมเธอชอบยิ้มบ่อย ๆ เธอจะยิ้มไปทำไม ?" แคลร์แบมือทั้งสองข้าง แล้วยักไหล่ "รุ่ง ! เธอไม่สบายหรือเปล่า ? เธอขึ้นมาที่หอพักหญิง เพื่อถามฉันว่า ฉันยิ้มทำไม เธอจะให้ฉันตอบว่าอะไร ?" รุ่งกระพริบตาปริบ ๆ ภารกิจนี้กลับไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ เขาจ้องหน้าเธอ ดวงตาของเธอก็ยังกลมโตเหมือนทุกวัน เขายกนิ้วชี้ขึ้นชี้ "ยิ้มของเธอน่ะ.... เธอรู้มั้ยว่า.... " แคลร์ถอนหายใจ ยืนกอดอก ตั้งใจฟัง สีหน้าของเธอเริ่มแสดงออกถึงอารมณ์หงุดหงิด รุ่งค่อย ๆ พูดช้าลง "... ยิ้มของเธอน่ะ.... ฉันคิดว่า...." "ไม่เอาน่า ! จะพูดอะไรก็พูดออกมาเร็ว ๆ" น้ำเสียงของแคลร์เริ่มบอกถึงความอดทนที่ใกล้จะถึงขีดจำกัด เธออาจจะปิดประตูใส่หน้าเขาได้ทันที หากคำพูดของเขา ไม่เป็นที่พอใจ ".. ยิ้มของเธอ... ฉันคิดว่า.... ฉันชอบ..." "หา ! ว่าอะไรนะ ?" แคลร์ยื่นหน้าออกมาถามด้วยความฉงน "...ยิ้มของเธอน่ะ ฉันชอบ" สาวอินเดียนได้ยินชัดเจน "ดวงตาของเธอ... ฉันคิดว่า... ฉันชอบ... แคลร์ !... ห้องเธอนี่ มันอยู่ห่างจากห้องของฉันประมาณห้าสิบเมตร ที่ฉันเดินตากฝนมาห้าสิบเมตร เพื่อทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้ ฉันต้องขอโทษด้วย แต่มันจะโง่กว่านี้ ถ้าฉันรอให้เธอกลับไปในที่ของเธอ ที่อยู่ห่างจากนี้แปดพันไมล์ โดยฉันไม่ได้มีโอกาสได้บอกเธอว่า.... ... ฉันชอบเธอ !" สีหน้าของแคลร์ยังไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีรอยยิ้ม ใบหน้ายังบึ้งตึง จิตใจของรุ่งเริ่มตกลงทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เขาพยักหน้ากับตัวเองช้า ๆ รู้ตัวทันทีว่า ทุกอย่างผิดคาดไปหมด "โอเค ! แคลร์ ! ไม่เป็นไร ขอโทษที่หยาบคายกับเธอ ฉันว่า ฉันต้องขอตัวกลับไปก่อนที่จะเป็นไข้หวัด" รุ่งหันตัวกลับ "เดี๋ยวก่อน ! รุ่ง" แคลร์รีบทักขึ้น รุ่งหมุนตัวกลับมา "เธอไม่ได้หยาบคายกับฉัน เธอไม่เคยหยาบคายกับฉันเลย ฉันไม่เคยคิดว่าเธอหยาบคาย รวมทั้งที่เธอทำนี่ด้วย" รุ่งยิ้มแหย ๆ ขาเริ่มสั่นเพราะฤทธิ์ความเจ็บปวดของก้นกบ "เหรอ ? ขอบคุณนะที่เห็นฉันเป็นคนดี จริง ๆ ฉันก็ไม่ใช่คนน่ารักนักหรอก ถ้าเธอเข้าใจภาษาไทย เธอจะรู้ว่า จริง ๆ ฉันเป็นคนทะลึ่งทีเดียว" แคลร์หัวเราะหึ ๆ "ทะลึ่งขนาดไหนกัน ? เธอเป็นคนแบบนั้นไม่ได้หรอก เป็นไปไม่ได้ ภาษาไทยที่เธอพูด อย่างเช่นอะไรล่ะ ที่ถือว่าทะลึ่ง ?" รุ่งเอียงคอ เขากำลังนึก "ก็อย่าง ถ้าฉันหยอกเธอด้วยภาษาไทย ฉันอาจจะพูดว่า เธอน่ะน่าจะมีเรื่องที่หนักใจได้อยู่เสมอ เพราะหน้าอกเธอหนัก" คำพูดนี้กลับเรียกรอยยิ้มจากมุมปากของเธอได้ แคลร์ก้มลงมองหน้าอกของเธอเอง "เธอชอบหน้าอกฉันเหรอ ?" รุ่งสะดุ้ง ยกมือขึ้นโบก "เปล่า ๆ ! ฉันบอกเธอแล้วไง ว่าฉันชอบดวงตา กับ รอยยิ้มของเธอต่างหาก" แคลร์ไม่สามารถกลั้นยิ้มไว้ได้อีกแล้ว รอยยิ้มเธอกว้างพอที่จะเห็นฟันสีขาว เป็นรอยยิ้มที่น่าประทับใจเหมือนเช่นเคย "ฉันเกลียดเธอจริง ๆ รุ่ง !" รุ่งเริ่มแอ่นหลัง แล้วคลำบั้นท้ายตัวเอง ความเจ็บปวดกับความเมื่อยล้าที่เดินมาเป็นระยะทางไกล ทำให้เขาเริ่มทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ "เธอเป็นอะไรน่ะ ?" "กลางวันฉันหกล้ม ตอนนี้มันเริ่มปวดมากขึ้น" "เข้ามาในห้องฉันก่อน นั่งอยู่หน้าห้องไม่ได้ เดี๋ยวคนอื่นเห็น" รุ่งพยักหน้า แล้วค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นเดินเข้าห้อง แคลร์เอื้อมมือไปปิดประตูห้อง ทันทีที่ประตูถูกปิด รุ่งทรุดตัวลงนั่ง เขาถอนหายใจ แล้วก็เอนตัวนอนหงายหลังลงบนพื้น แคลร์มีสีหน้าตกใจ "พระเจ้าช่วย !" "ฉันปวดหลังมาก !" ภาพของรุ่งในเสื้อยืดที่เปียกชุ่ม นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นห้อง ทำให้แคลร์เป็นกังวลมากขึ้น เธอเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เปิดตู้เพื่อค้นหาเสื้อยืดมาให้เขาเปลี่ยน แคลร์พึมพำกับตัวเองเบา ๆ หน้าตู้เสื้อผ้า "ฉันไม่เคยกลั้นหัวเราะได้เลย เมื่อฉันอยู่ต่อหน้าเธอ เธอเดินฝ่าสายฝนขึ้นมาหอพักสตรี เพื่อมาบอกว่าชอบรอยยิ้มของฉัน เธอช่างเป็นผู้ชายที่สวีทที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอเลย รุ่ง ! แปดพันไมล์จากบ้านของฉันมาที่นี่ ได้เจอเธอแค่คนเดียวก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว" เสียงรุ่งพูดขึ้นทั้ง ๆ ที่นอนหงาย "แคลร์ ! ฉันมาคิดดูใหม่แล้ว ฉันชอบหน้าอกของเธอด้วยก็ได้" เสียงหัวเราะของแคลร์ดังมาจากบริเวณตู้เสื้อผ้า "หุบปากไปเลย ! นอนเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวจะหาเสื้อให้เปลี่ยนก่อน" (ติดตามอ่าน วันลายสก็อต 3 เร็ว ๆ นี้) __________________________________________________________________________________________ โดย วีรยาติ
สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นที่นี่ เชิญเยี่ยม Facebook หมอเถื่อน (ให้กำลังใจโดยเข้าไป แล้วกด Like หรือ เขียนคำวิจารณ์)
|
|||||||