ตอน 6

มาตามนัด

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

หกโมงเย็น... ยังไม่ใช่เวลาที่นักเที่ยวราตรีจะออกมาสรรหาความสุข

แต่ ลาวาเมนส์คลับ (Lava Men's Club) ... เอ็นเตอร์เทนเมนท์คลับระดับหรูย่านสุขุมวิท ที่ให้บริการสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ก็เริ่มเปิดประตูตั้งแต่บ่ายสี่โมงเย็น เพื่อให้พนักงานเข้ามาทำงาน

คลับชั้นหรูยกระดับตัวเอง จากเพียงแค่ร้านผับ กลายมาเป็นคลับระดับไฮโซชื่อดัง เพราะเน้นเรื่องคุณภาพของการบริการที่แตกต่าง

พนักงานโฮสเตสสาวทุกคนนอกจากรูปร่างหน้าตาจะเข้าขั้นนางแบบแล้ว ยังจำเป็นต้องจบการศึกษาระดับปริญญาตรี และ สนทนาภาษาอังกฤษได้ เพื่อเตรียมไว้รองรับหนุ่ม ๆ รักสนุกชาวต่างชาติ ซึ่งนับว่าเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ของคลับแห่งนี้

สาวโฮสเตสได้เงินเดือนประจำขั้นต่ำสามหมื่นบาท แต่รายได้รวมส่วนแบ่งเครื่องดื่ม และ ค่าทิปจากลูกค้านั้น เป็นจำนวนเงินที่มากกว่าเงินเดือนประจำมากนัก

มากไปกว่านั้น ความหวังของสาวโฮสเตสส่วนใหญ่ คือ การได้รับรางวัลก้อนใหญ่จากลูกค้ากระเป๋าหนัก ที่ติดใจในฝีมือการต้อนรับของพวกเธอ รางวัลนั้นอาจจะเป็นเครื่องประดับต่าง ๆ หรือ รถยนต์ หรือ แม้กระทั่งคอนโด และ บ้าน ซึ่งไม่ใช่เรื่องความคาดหวังที่ผิดปกติของสาวที่มีอาชีพในแวดวงธุรกิจกลางคืน

ชลลดาขับรถโตโยต้าวิออสสีดำเข้าลานจอดรถ

เธอค่อย ๆ ถอยรถเข้าจอดข้าง ๆ รถฮอนด้าแอคคอร์ดสีขาวป้ายแดงของเพื่อนโฮสเตส

โฮสเตสสาวก้าวขาลงจากรถ เธออยู่ในกระโปรงชุดสีดำมีเลื่อมประดับสีทองเป็นลายคลื่นพาดเฉียงจากไหล่มาถึงสะโพก

กระโปรงตัดเข้ารูปเพื่อโชว์สัดส่วนที่จัดอยู่ในระดับน้อง ๆ นางแบบได้อย่างสบาย แต่ปิดมิดชิด ไม่เปลือยไหล่

เธอไม่ชอบแต่งกายโชว์เนื้อหนังเพื่อยั่วยวนลูกค้า แล้วเธอก็เข้าใจเป็นอันดีที่ผู้บริหารของลาวา ฯ กำชับให้โฮสเตสทุกคน เน้นเรื่องการบริการด้วยความสุภาพ และ การเอาใจด้วยการพูดคุย มากกว่าการใช้เรือนร่างเพื่อผูกมัด

นี่คงเป็นเหตุผลที่คลับนี้ เป็นที่กล่าวขานที่สุดในเรื่องคุณภาพการบริการ

ชลลดายืนมองรถฮอนด้าแอคคอร์ดของดวงนภา เธอไม่เคยมีความคิดที่จะเปลี่ยนรถยนต์เป็นคันใหม่ ทั้ง ๆ ที่ รายได้เธอเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมจนสามารถผ่อนรถระดับนี้ได้อย่างสบาย ๆ

โฮสเตสสาวเดินตรงไปที่ประตูหลังของคลับ

บริกรหนุ่มในชุดลำลอง กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ ผงกหัวให้

"หวัดดี พี่ชล วันนี้ชุดสวยจัง"

ชลลดาส่งยิ้มให้

"ยังไม่เปลี่ยนชุดเหรอพล ? เพิ่งมาเหรอไง ?"

"เปล่าครับ เพิ่งประชุมเสร็จ คลับเรารับเครดิตการ์ดใหม่ของญี่ปุ่น วันนี้ผู้จัดการเลยเรียกประชุม ต่อไปคงมีแขกยุ่นมาเยอะขึ้นอีก"

ชลลดาพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินเข้าประตูไป

ในห้องพักโฮสเตส พนักงานสาวสิบกว่าคน นั่งคุยกันอยู่เป็นกลุ่ม ๆ

ดวงนภาอยู่ในชุดกระโปรงยาวสายเดี่ยวสีเทา ตุ้มหูสีทองต้องแสงไฟเป็นประกาย เธอลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นชลลดาปรากฏกาย

"ชล !"

พลันเดินรี่ตรงมาที่ชลลดา แล้วคว้าข้อมือ

"ไป เดินออกไปคุยกับภาข้างนอกก่อน"

เธอพาชลลดาเดินเข้ามาในส่วนบริเวณโต๊ะพูล

"มีอะไรเหรอ ภา ? ทำยังกับมีความลับจะบอก"

เพื่อนสาวพยักหน้า

"ใช่ ! มันเป็นความลับสำหรับคนอื่น แต่ไม่ใช่ความลับสำหรับชล ภาจะเล่าให้ชลฟัง"

ดวงนภาจับข้อมือทั้งสองข้างของเพื่อน

"รถคันใหม่ของภาน่ะ ภาซื้อด้วยเงินของภาเอง ไม่ใช่มีผู้ชายคนไหนให้เงินมาเหมือนกับที่คนอื่นนินทากัน ไม่ใช่เสี่ยปิงซื้อให้ เพียงแต่เสี่ยปิง เป็นคนจองรถให้ เพราะแกสนิทกับเซลส์ของโชว์รูมนี้อยู่ แต่เรื่องนี้ภาไม่ได้อธิบายให้ใครฟังเลย ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ภาไม่สนใจ"

ชลลดาจับข้อมือเพื่อนแน่น

"ชลเองก็ไม่เคยมองภาในแง่นั้นนะ ชลเชื่อว่าภาทำได้ แล้วภาก็ทำได้จริง ๆ"

ดวงนภาพยักหน้า

"ภาต้องบอกชล เพราะภาแคร์ชล แล้วภาก็รู้ว่า ชลไม่เคยมองภาในแง่ไม่ดี แต่อยากให้ชลได้ยินจากภาเองมากกว่า ภาพยายามโทรเข้ามือถือชล ชลไม่เปิดมือถือเหรอ ? "

ชลลดาส่งยิ้มเศร้า ๆ ให้เพื่อน

"อือ... ชลจะหลบคนน่ะ อยากอยู่เงียบ ๆ"

ดวงนภาเขย่ามือเพื่อน

"มีปัญหาอะไรเหรอ ? เล่าให้ภาฟังได้นะ"

ชลลดาส่งยิ้มแหย ๆ ให้

"แฟนของชลน่ะ แต่ เอ่อ... ยังจะเรียกว่าแฟนได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ หลัง ๆ ก็ไม่ค่อยติดต่อกัน เพียงแต่ว่า ยังไม่มีใครเป็นคนที่บอกเลิกออกจากปากเท่านั้นเองแหละ ไม่รู้ว่าจะปล่อยให้ค่อย ๆ เงียบหายไปหรือยังไงดี อาทิตย์ที่แล้ว บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะมาหาวันอังคารที่ผ่านมา แต่วันอังคาร เค้าก็ไม่มา ไม่โทรมา ชลก็เลยเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ซะเลย พอกันทีกับการที่ต้องรอคอย ไม่มีอะไรผูกมัด มันท้อจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้"

ชลลดายกโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของเพื่อน เพื่อโทรออก

โทรศัพท์ดวงนภาดังขึ้น

"นี่เบอร์ใหม่ของชล ภาบันทึกไว้นะ"

ดวงนภายกมือขึ้นจับแก้มเพื่อน

"แค่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ก็จะกลายเป็นคนใหม่ได้ มันง่ายขนาดนั้นจริงเหรอ ?"

ชลลดาพยักหน้า

"เค้าไม่รู้จักเพื่อนของชลคนอื่น ๆ ก็มีแค่เบอร์โทรศัพท์เดิมเท่านั้นที่เค้ารู้ ถ้าเปลี่ยนเบอร์ เค้าก็จะติดต่อชลไม่ได้อีก"

ดวงนภาสั่นหัว

"ไม่ใช่ ! ที่ภาถามน่ะ ภาหมายถึง จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ มันไม่ใช่แค่เปลี่ยนเบอร์ แต่มันต้องเปลี่ยนใจ ถ้าชลยังเปลี่ยนใจไม่ได้นะ เปลี่ยนเบอร์ไปก็แค่หลบเค้าชั่วคราว"

พลชะโงกหน้าเข้ามาจากหลังกำแพง

"พี่ชลอยู่ในนี้นี่เอง มีผู้ชายมาขอพบพี่ชลครับ หล่อมาก รออยู่ที่ล็อบบี้"

ดวงนภาเบิกตาโต

"โห ! นินทากันยังไม่ทันจบ พระเอกก็ขี่ม้าขาวมาซะแล้ว"

ชลลดาพูดกับบริกรหนุ่มด้วยเสียงที่ราบเรียบ

"พล ช่วยบอกเค้าว่า พี่ไม่สะดวก ให้เค้ากลับไปก่อน ถ้าพี่มีอะไรจะติดต่อกลับไป"

เพื่อนขมวดคิ้ว

"อ้าว ชล ! ชลจะทำยังงี้ทำไมล่ะ ? ก็แค่ออกไปคุยกับเค้าให้รู้เรื่อง เค้าอุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว"

สาวผู้เริ่มเบื่อหน่ายในความรัก ยังยืนกรานเหมือนเดิม

"ไปจ้ะ พล ! ไปบอกเค้าตามนี้ วันนี้พี่ไม่สะดวก บอกให้เค้ากลับไปก่อนนะ"

พลพยักหน้า แล้วผละตัวออกไป

"ถ้าชลยังใจอ่อนต่อไป มันก็จะทรมานไม่รู้จักจบสิ้น"

ดวงนภาพยักหน้ารับรู้

"อือ... แล้วนี่เค้าก็คงผิดหวังที่ชลไม่ยอมออกไปเจอเค้า มานี่สิ !"

ดวงนภาคว้าข้อมือเพื่อน เดินออกจากบริเวณโต๊ะพูล ตรงมาที่ห้อง รปภ.

พนักงานรักษาความปลอดภัยสองนาย กำลังเฝ้าเวรอยู่ในห้องมอนิเตอร์

รปภ. คนที่อาวุโสกว่า ลุกขึ้นยืน

"มีอะไรให้ช่วยเหรอครับ ?"

ดวงนภาชี้มือไปที่จอมอนิเตอร์ทีวีวงจรปิด

"ขอภาเข้าไปดูหน้าจอนิดนึง"

รปภ.ส่งยิ้มให้

"เชิญครับ"

ดวงนภาจูงมือเพื่อนเข้ามาในห้อง เธอชี้ไปที่มอนิเตอร์ตัวที่แสดงภาพบริเวณล็อบบี้

"ผู้ชายใส่หมวกคนนั้นเหรอ ?"

ชลลดาสั่นหัว เธอมองเห็นชายหนุ่มสวมหมวกแก๊ป นั่งอยู่ที่โซฟาเพียงคนเดียว

"ไม่ใช่ !"

"อ้าว ! ไม่ใช่แล้วจะมีใครอีก ? ในล็อบบี้ก็มีคนนี้คนเดียว"

"เดี๋ยวรอดูว่า พลจะเดินไปตรงไหน"

จอภาพแสดงภาพของหนุ่มพล เดินไปที่โซฟาชุดในล็อบบี้ แล้วพูดกับชายที่ใส่หมวกแก๊ปคนนั้น

ดวงนภาชี้ไปที่หน้าจอ

"อ้าว ! นั่นไง ! พลเค้าไปคุยกับคนนี้ ตกลงใครมาหาชลกันแน่ ?"

เจ้าตัวเอียงคอ แล้วขมวดคิ้ว เธอก้มลงดูที่หน้าจอใกล้ ๆ

"ใครกันนะ ? ไม่เป็นไร เดี๋ยวชลออกไปเองดีกว่า"

ชลลดารีบเดินออกจากห้องมอนิเตอร์

ก่อนเธอจะก้าวเท้าไปถึงบริเวณห้องล็อบบี้ พลก็เดินสวนกลับเข้ามา

"พี่ชล ! เค้าไม่ยอมกลับ เค้าบอกว่าจะรอ แฟนพี่ชลเหรอครับ ? เท่ห์มากเลย หล่อยังงี้ พี่ยอม ๆ เค้าไปเถอะ"

ชลลดาหัวเราะบริกรรุ่นน้อง

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ออกไปพบเอง"

เธอก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณล็อบบี้รับแขก ชายในชุดเสื้อยืดคอปกสีดำ กางเกงยีนส์สีดำ สวมหมวกแก๊ปสีดำ กำลังนั่งก้มหน้าอยู่ที่โซฟารับแขก

เสียงฝีเท้าของเธอ ทำให้ชายในชุดดำเงยหน้าขึ้นมอง

ชลลดาเกิดความประหลาดใจในทันทีที่เห็นใบหน้าของเขาชัด ๆ

"พี่...!"

ยังไม่ทันที่เธอจะเรียกชื่อ ชายชุดดำยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปาก เป็นสัญญาณบอกให้เธอเงียบ

ชลลดาทรุดตัวลงนั่ง แล้วยกมือไหว้

เขายกมือรับไหว้ แล้วพูดขึ้น

"ยังไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นนะ ถ้าเรายังชอบพอกันอยู่ พี่ขอให้ชลอย่าเพิ่งพูดอะไร ฟังพี่พูดอย่างเดียว ทำได้มั้ย ?"

เธอมองหน้าเขา แล้วพยักหน้า

"ถ้าพี่อุตส่าห์มาหาชลถึงที่นี่ คงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ชลฟังได้ค่ะ"

เขายิ้มให้

"เมื่อเช้า พี่ไปหาแม่ชลที่บ้าน อยุธยา"

คำพูดนี้ทำให้เธอต้องเบิกตาโต

เขายกนิ้วชี้ขึ้นแตะปาก ขอความร่วมมือให้เธอเงียบเสียงอีกครั้ง

"อย่าเพิ่งถามอะไร ฟังพี่เล่าไปเรื่อย ๆ ก่อน"

เธอพยักหน้ารับรู้

"เวลาพี่มีจำกัด สำหรับวันนี้นะ พี่ต้องรีบกลับให้ถึงบ้านก่อนทุ่มนึง จะเล่าเฉพาะเรื่องที่จำเป็น เรื่องแรกที่จะเล่า พี่อยากให้ชลเชื่อพี่ ชลคงรู้อยู่แล้วว่าถ้าพี่บอกให้เชื่อ นั่นหมายความว่าพี่มั่นใจมากขนาดไหน"

ความทรงจำของเธอที่มีต่อผู้ชายคนที่นั่งอยู่ต่อหน้าเธอคนนี้ ล้วนแต่เป็นความทรงจำที่เต็มไปด้วยความศรัทธา และ ชื่นชม

"ค่ะ ชลเชื่อทุกอย่างที่พี่บอก บอกมาเถอะค่ะ"

เขาจ้องหน้าเธอ

"แม่ของชล ไม่ได้เป็นมะเร็ง !"

สายตาของชลลดาเบิกโตขึ้นกว่าเดิม

สายตาของเขายังจ้องหน้าเธอ เพื่อย้ำความมั่นใจในคำพูด

เขาพูดซ้ำ

"แม่ของชล ไม่ได้เป็นมะเร็ง ! พี่จะจัดการรักษาแม่ของชลให้หาย ภายในสามเดือน แต่ขอให้ชลเชื่อพี่ พี่ไปหาแม่ชลเมื่อเช้า รายละเอียดพี่ยังไม่พร้อมที่จะเล่าในวันนี้ แต่ ภายในสามเดือน แม่ของชลจะหายจากโรคนี้"

ชลลดากระพริบตาถี่ ๆ

"ฟังพี่อีกครั้งนะ เชื่อใจพี่ ถ้าพี่กล้าพูด นั่นหมายความว่า มันจะต้องเป็นอย่างนั้นจริง พี่ถึงพูด.... แม่ของชลไม่ได้เป็นมะเร็ง และ จะหายภายในสามเดือน !"

น้ำตาของชลลดา ไหลพรวดผ่านแก้มลงมาที่หน้าตัก เธอกำมือทั้งสองข้างจนแน่น เงยหน้าขึ้นมองเพดาน

เสียงพูดของเธอสั่นเครือ

"ชลเชื่อพี่ค่ะ คำพูดของพี่ ต้องเป็นจริง"

น้ำตาเริ่มไหลต่อเนื่องเป็นทางยาว ชลลดายกมือขึ้นปาดน้ำตา

เขาพูดต่อ

"สามเดือนเป็นเวลาที่ไม่ไกลเลย เมื่อถึงเวลานั้น ชลก็คงจะรู้ว่าสิ่งที่พี่พูดจะเป็นจริงหรือไม่ ระหว่างสามเดือนนี้ ขอให้ชลมีกำลังใจ จะตัดสินใจอะไรก็แล้วแต่ ขอให้คิดดี ๆ คิดให้รอบคอบ หากอีกสามเดือน แม่ของชลหายดีแล้ว ชลคงไม่ต้องหาเงินเป็นแสนเป็นล้านเพื่อรักษาโรคให้แม่ รวมทั้ง งานที่ทำอยู่นี่ด้วย"

เขาทิ้งท้ายไว้แค่นี้ เป็นอันเข้าใจกันดี

"ตอนนี้ พี่ขอให้ชลเริ่มสบายใจได้เลย ชลโทรกลับไปหาแม่ คุยกับแม่ว่า วันนี้อาการแม่เป็นยังไงบ้าง มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างหลังจากที่พี่ไปหา ชลโทรไปคุยก่อน พี่จะรอชลอยู่ตรงนี้"

เธอพยักหน้า แล้วลุกออกจากโซฟาห้องล็อบบี้ เดินออกไปนอกคลับ

*************************************************************************

เสียงร้องไห้ของชลลดาที่ดังมาจากบริเวณใต้ต้นไม้ ทำให้พลต้องวิ่งไปดู

"พี่ชล ! เกิดอะไรขึ้น ?"

ชลลดากดตัดสายโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งคุยกับคุณแม่ ในมืออีกข้างมีผ้าเช็ดหน้าชุ่มน้ำตาถืออยู่

"ผู้ชายคนนั้นทำอะไรพี่ชลเหรอครับ ?"

เธอส่งยิ้มให้ทั้งน้ำตา

"เปล่า ๆ ! เค้าเป็นพี่ชายที่พี่นับถือ ไม่มีอะไรหรอก พี่กำลังจะเดินกลับเข้าไป ขอบใจนะ พล"

น้ำตาแห่งความปลาบปลื้มหลั่งออกมาจากอกผ่านดวงตาได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่พี่ชายคนนี้ได้พบแม่เธอในวันแรก อาการแน่นหน้าอกของแม่ก็กลับเบาขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ อาการที่เหลืออีกมากมาย ก็คงไม่ยากเกินกว่าจะเยียวยาได้ภายในสามเดือน

เธอกำลังพบกับสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต

ชลลดาเดินกลับเข้าทางประตูหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มจาง ๆ

เมื่อเดินมาถึงโซฟาที่ล็อบบี้ เธอทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มที่อยู่ต่อหน้า

"ขอบคุณมากค่ะ แม่บอกว่า อาการแน่นหน้าอก เบาขึ้นมากเลย แม่เล่าให้ฟังถึงพิธีที่ต้องทำ ฟังเสียงแม่ดูมีความหวังมีชีวิตชีวาขึ้นมาก ขอบคุณมากค่ะ"

เขายกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา

"ดีแล้ว พี่ต้องรีบกลับก่อน ตอนนี้ขอให้ชลสบายใจ อย่าตัดสินใจอะไรที่จะไปผูกหนี้ระยะยาวกับใครทั้งนั้น พี่ไปละนะ"

เขาทำท่าจะลุกขึ้น

"ให้ชลไปส่งนะคะ พี่จะไปแถวไหนคะ ?"

"พี่ต้องรีบกลับบ้านก่อนทุ่มนึง ไม่เป็นไรหรอก พี่เรียกแท็กซี่กลับเองได้"

เขาลุกขึ้นจากโซฟา แล้วรีบเดินออกจากล็อบบี้อย่างรวดเร็ว

ชลลดารีบเดินเข้าไปที่ห้องพักโฮสเตส หยิบกระเป๋า แล้วเดินออกทางประตูหลัง

"พล ! เห็นผู้ชายคนเมื่อกี๊มั้ย ? เค้าเดินไปทางไหน ?"

พลชี้มือไปทางหน้าประตูรั้ว

"โน่น ! เดินออกประตูไปแล้วครับ ท่าทางรีบร้อนจะไปไหนไม่รู้"

ชลลดารีบย่ำเท้ามาที่รถ เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง สตาร์ทรถ แล้วรีบเคลื่อนรถออก

วีออสสีดำ วิ่งมาจนทันกับชายชุดดำ สวมหมวกแก๊ป ที่กำลังรีบจ้ำเดินมุ่งหน้าออกไปถนนใหญ่

ชลลดาเร่งความเร็วของรถไปดักหน้าไว้ แล้วเปิดประตูลงจากรถ วิ่งมาขวางหน้าเขา

"ขึ้นรถเถอะค่ะ ! ให้ชลไปส่งที่บ้านนะคะ พี่แอนดี้"

ชายหนุ่มมองไปที่รถ แล้วยิ้มให้ พยักหน้า

"โอเค !"

*************************************************************************

วีออสสีดำเคลื่อนตัวออกจากซอย เข้าสู่ถนนเอกมัย

"ไปที่บ้านพี่ที่พัฒนาการ ชลยังจำทางได้นะ ?"

โชเฟอร์สาวพยักหน้า

"ค่ะ ชลจำได้ พี่มีนัดเหรอคะ ?"

เธอหันหน้ามามองคนนั่ง เขานั่งหลับตา

"จะพูดอย่างนั้นก็ได้ หนึ่งทุ่มตรงของทุกวัน พี่มีนัด"

"นัดกับน้องหงส์เหรอคะ ?"

แอนดี้หัวเราะเบา ๆ ทั้งที่ตาทั้งสองข้างปิดสนิท

"นัดกับเจ้ากรรมนายเวรน่ะ"

ชลลดาขมวดคิ้ว

"นัดกับเจ้ากรรมนายเวร ?" เธอทวนคำ พลันเหลือบมองนาฬิกาบนหน้าปัด

"หกโมงครึ่งแล้ว น่าจะไปถึงเฉียด ๆ ทุ่มนึงนะคะ ถ้ายังไง เค้าคงคอยพี่ไม่เกินสิบนาที"

เสียงหัวเราะหึ ๆ ดังมาจากลำคอของแอนดี้

"เจ้ากรรมเค้าตรงเวลาน่ะ เค้าไม่คอยหรอก ทุ่มนึงเค้าก็มาทวงแล้ว อยู่ตรงไหนเค้าก็ทวงได้ ถ้าชลจำทางได้ ค่อย ๆ ขับไปนะ พี่ขอพักสายตา"

"ค่ะ"

เสียงโทรศัพท์มือถือของแอนดี้ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย

เสียงน้องสาวพูดภาษาจีนกลางดังมาจากลำโพงโทรศัพท์

"พี่ใหญ่ พี่อยู่ที่ไหน ? นี่ใกล้เวลาเจ็ดโมงเย็นแล้ว !"

"ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง อาฟ่ง ! ชลกำลังขับรถไปส่งฉันที่บ้าน"

การจราจรเริ่มหนาแน่นบริเวณใกล้สี่แยกถนนพัฒนาการตัดกับรามคำแหง

ไม่ต้องลืมตาเพื่อมองนาฬิกา แต่อาการที่เริ่มมาเยือน ก็ทำให้แอนดี้รู้ดีว่า อีกไม่เกินห้านาที จะเป็นเวลาหนึ่งทุ่มตรง

ความหนาวจะเริ่มต้นที่ชั้นผิวหนังด้านนอก เหมือนทุกวันที่ผ่านมา เพียงไม่กี่นาที ความเย็นนั้นจะแทรกผิวหนังชั้นในเข้ามาถึงหน้าอก และ ถัดมาอีกไม่กี่นาที ก็จะเข้ากระดูกเหมือนทุก ๆ วัน

หากความปั่นป่วนในท้องเริ่มต้นขึ้น นั่นเป็นสัญญาณบอกเวลาหนึ่งทุ่มสิบห้า อาการคลื่นไส้อยากอาเจียนจะตามมาติด ๆ พร้อมกับอาการวิงเวียน ทรงตัวไม่ได้

หนึ่งทุ่มยี่สิบห้านาที จะมีไข้ขึ้น ความร้อนจะปะทุขึ้นทั่วทั้งร่างกาย แต่ในกระดูกจะหนาวสั่นจับจิต

อาการทางปอดจะเริ่มต้นเมื่อเวลาหนึ่งทุ่มสามสิบห้านาที การหายใจจะเริ่มติดขัด ถัดมาอีกไม่กี่นาที จะเป็นอาการของหัวใจ หัวใจจะเต้นแรงจนเหมือนกับจะหลุดมานอกหน้าอก

จากนั้นความปั่นป่วนที่ไม่สามารถจะพรรณามาเป็นคำพูดได้ จะเกิดขึ้นกับทุกส่วนของร่างกาย ราวกับว่า สังขารนี้จะไม่สามารถทรงอยู่ในภพนี้ได้อีกต่อไปแล้ว

อาการทั้งหมดจะเริ่มคลายตัวเมื่อถึงเวลาหนึ่งทุ่มห้าสิบนาที แล้วหายไปอย่างหมดสิ้นเมื่อเลยเวลาสองทุ่ม

ทุกอย่างจะเกิดขึ้นตามเวลานี้ ทุกวัน เหมือนกับที่ได้ตกลงไว้ทุกประการ

แอนดี้ลืมตาขึ้น มองลอดปีกหมวก พูดกับชลลดา

"ชล ช่วยเบาแอร์ลงหน่อยนะ"

"ได้ค่ะ !"

โชเฟอร์เปลี่ยนแอร์จากเบอร์สองมาเป็นเบอร์หนึ่ง พร้อมทั้งปรับน้ำยาแอร์ลดความเย็นลงจนถึงจุดต่ำสุด

ความเย็นเริ่มแทรกผิวหนังเข้าถึงกระดูกแล้ว

ทิดเอกประสานมือทั้งสองข้างไว้ที่หน้าท้อง บีบเข้าหากันแน่น

ความหนาวเย็นจากไขกระดูก ทำให้จิตระลึกไปถึงสภาพของนรกโลกันต์ที่หลวงพ่อสอนได้พาไปท่องเที่ยว

ความเย็นจัดขนาดที่มนุษย์ไม่สามารถจะทนทานได้นั้น มีฤทธิ์กัดกร่อนเนื้อหนัง และ กระดูก ของสัตว์นรกได้ร้ายแรงมากกว่าความร้อนแห่งโลกันต์มหานรกมากนัก

เสียงของหลวงพ่อสอน ดังขึ้นในจิต

'โลกันต์ในร่างกายของเธอนี้ เป็นสิ่งที่เธอควรพิจารณาไว้
สิ่งที่เธอได้รับอยู่นี้ จะพูดว่าเป็นโทษทั้งหมดก็ไม่ถูก
คุณของมันก็มีอยู่
คุณของโรคร้ายที่เธอได้รับ ก็คือ ทำให้เธอไม่หลงตัวเอง
ไม่ลืมคำสั่งสอนของพระจอมไตร ฯ ว่า
ขึ้นชื่อว่า เกิดเป็นมนุษย์แล้ว การไม่เจ็บ ไม่ป่วย นั้น เป็นไม่มี
เกิดกี่ชาติ ก็ต้องป่วยทุกชาติ
โลกันต์ในร่างกายเธอนี้ มันมีความรุนแรงน้อยกว่า โลกันต์มหานรกนั่นหลายล้านเท่า
ถ้าเธอพิจารณาโลกันต์ในร่างกายนี้อยู่ทุกวัน เธอจะไม่มีวันตกโลกันต์มหานรกได้อีก
ตั้งจิตเสียว่า เธอจะรับกรรมอย่างนี้เป็นชาติสุดท้าย
เร่งปฏิบัติภารกิจให้เสร็จสิ้นตามที่ได้ตกลงกันไว้ แล้วเธอจะได้ลาพุทธภูมิเสีย
ขึ้นชื่อว่า เกิด จะไม่มีต่อไปสำหรับเธอ
เมื่อ เกิด ไม่มี .... แก่ เจ็บ และ ตาย ก็จะไม่มีสำหรับเธออีก'

เมื่อเสียงของหลวงพ่อสอนสิ้นสุดลง แอนดี้จับความทรมานของความเย็นจากไขกระดูก แล้วพิจารณาเห็นถึงความทุกข์ได้อย่างรวดเร็ว จิตเกิดเป็นอุเบกขาชั่วขณะ จึงเข้าฌานสี่ ตัดการรับรู้ของระบบประสาททั้งหมดในร่างกายได้ภายในชั่วเวลาไม่ถึงครึ่งนาที

วีออสสีดำ เริ่มวิ่งเข้าเขตหมู่บ้าน

จิตของทิดเอก ถูกดึงลงมาที่อุปจารสมาธิ

เสียงของพรหมที่คุ้นเคยดังขึ้น

"เอ่ก อี๊ เอ๊ก ๆ ! ตื่นเถิดชาวไทย รถจะถึงหน้าบ้านแล้ว !"

แอนดี้ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น จิตเริ่มรับรู้ถึงความปั่นป่วนที่อยู่ในท้อง

ความโคลงเคลงของรถ ทำให้แอนดี้เกิดอาการคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างฉับพลัน

เขากวักมือ โบกให้โชเฟอร์รีบจอดรถ

ชลลดาเบี่ยงรถเข้าริมถนน แล้วหยุดสนิท

แอนดี้เปิดประตู รีบก้าวลงจากรถ แล้วโน้มตัว อาเจียนเสียงดัง

ของเก่าที่อยู่ในลำไส้ ถูกขับพ่นออกมาทางปากลงที่พื้นข้างถนน

ชลลดารีบหยิบกล่องกระดาษเช็ดหน้าในรถ แล้ววิ่งไปยืนข้าง ๆ

เสียงฝีเท้าของคนวิ่ง ดังมาแต่ไกล

เลอหงส์อยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลม กางเกงขาสั้น วิ่งเข้ามาถึงตัวพี่ชาย

เธอยกมือขึ้นไหว้ชลลดา

"สวัสดีค่ะ พี่ชล !"

แล้วถามพี่ชายเป็นภาษาจีนกลาง

"เป็นอย่างไรบ้าง พี่ใหญ่ ?"

แอนดี้ผงกหัว

"ไม่เท่าไหร่ ไม่เท่าไหร่"

ชลลดายื่นกล่องกระดาษให้หงส์

"น้องหงส์ถือนี่ไว้ เดี๋ยวพี่ไปหยิบขวดน้ำในรถ"

หงส์ทักขึ้น

"ไม่เป็นไรค่ะ พี่ชล บ้านหงส์อยู่ตรงนี้เอง ถัดหลังนี้ไปค่ะ"

คนป่วยหันมาพูดกับเจ้าของรถ

"ชล พี่นั่งรถอีกไม่ได้แล้ว ให้พี่เดินไปดีกว่า เดี๋ยวไปเจอกันในบ้านแล้วกัน"

***************************************************************************************************************

อ่านหน้าต่อไป >
สั่งซื้อ นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก กดที่นี่