เลอหงส์เดินลงมาจากบันได

ชลลดาลุกขึ้นยืน

"พี่แอนดี้เป็นไงบ้าง ?"

หงส์น้อยส่งยิ้มให้แขกสาว

"โอเคค่ะ พี่แอนดี้นอนทำสมาธิอยู่"

เธอยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา

"อีกยี่สิบกว่านาทีก็คงหายแล้วค่ะ"

สีหน้าของชลลดา บ่งบอกถึงความเป็นกังวล

"น้องหงส์ เล่าให้พี่ฟังหน่อยได้มั้ย ? ไปยังไงมายังไง พี่แอนดี้ถึงมาหาพี่วันนี้ ? แล้วพี่แอนดี้เป็นโรคอะไร ? ตอนที่นั่งคุยกันที่ที่ทำงานพี่ พี่แอนดี้ยังดูปกติอยู่เลย"

หงส์เดินไปที่ตู้เย็น จัดแจงนำน้ำเย็นเทใส่แก้ว แล้วเดินมาเสิร์ฟ

"พี่ชล ทานน้ำเย็นก่อน"

แขกสาวรับน้ำเย็นจากเจ้าบ้าน

สองสาวยืนคุยกัน

หงส์เริ่มด้วยคำถาม

"พี่ชลไม่ได้เจอพี่แอนดี้นานเท่าไหร่แล้วคะ ?"

"สามปีได้แล้วมั้ง ครั้งสุดท้ายที่เจอ พี่แอนดี้ยังทำที่บริษัททัวร์อยู่ หลังจากนั้นพี่รู้จากพี่เอนกว่า พี่แอนดี้ลาออก แล้วพี่แอนดี้ไปทำอะไรล่ะ ?"

หงส์พยักหน้า

"ค่ะ ! หลังจากนั้นก็ไปบวชค่ะ ตอนนั้นพี่แอนดี้ป่วยหนัก พอเริ่มดีขึ้นก็ไปบวชที่เชียงใหม่ แล้วก็เพิ่งสึกมาได้เกือบเดือน แต่เพิ่งจะลงมาอยู่ที่กรุงเทพ ฯ ได้สองอาทิตย์"

ชลลดาคิดคำนวณเวลาคร่าว ๆ จากคราครั้งที่แล้วที่ได้พบเจอ

"พี่แอนดี้บวชเป็นปีเลยเหรอ ?"

"ค่ะ ! สองปีค่ะ"

ความประหลาดใจอีกมากมายยังค้างคาในสมองของชลลดา

"วันนี้พี่แอนดี้ไปหาแม่พี่ที่บ้าน ที่อยุธยาน่ะ แม่พี่ป่วยมานานแล้ว พี่พาไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่สอง วันนี้พี่แอนดี้ให้แม่ทำพิธีขอขมา แล้วพี่แอนดี้ก็วางมือบนตัวแม่ อาการของแม่ก็ดีขึ้น พี่แอนดี้ไปเรียนวิชารักษาโรคมาจากไหนเหรอ น้องหงส์ ? แล้วพี่แอนดี้รู้ได้ยังไงว่าแม่พี่ป่วย ?"

หงส์พยักหน้ารับรู้

"อันนี้หงส์ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เดี๋ยวพี่ชลถามพี่แอนดี้เองดีกว่า ถ้าพี่ชลไม่ได้รีบไปไหน ประมาณสองทุ่มครึ่ง พี่แอนดี้ก็คงลงมาได้แล้วค่ะ"

สิ่งที่ได้ฟังจากน้องสาวคนนี้ ยิ่งทำให้เธอแปลกใจมากขึ้นไปอีก

"สองทุ่มครึ่ง ? อาการอย่างนี้ สองทุ่มครึ่งจะหายได้เหรอ น้องหงส์ ?"

หงส์พยักหน้า

"ค่ะ ! ทุกวัน ก็หายประมาณเวลานี้ล่ะค่ะ เดี๋ยวหงส์เปิดทีวีให้ พี่ชลนั่งดูทีวีไปก่อนนะคะ"

"ขอบใจจ้ะ !"

***************************************************************************

จิตของแอนดี้ยังอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของสมเด็จองค์ปฐมในปางวิสุทธิเทพ

ความสดใสดั่งแก้วเจียระไนของเครื่องทรงสมเด็จ ฯ ทำให้จิตของเขารู้สึกอิ่มเอิบ

ความปลาบปลื้มปีติแม้แต่เพียงชั่วครู่ก็มีค่ามากมายสำหรับเขา ในเวลาที่ต้องอดทนกับสภาพสังขารที่ถูกรุมล้อมด้วยวิบากเก่า

ภาพของสมเด็จองค์ปฐมเริ่มจางไป

ภาพใหม่ที่ปรากฏ คือ ฤาษีห่มผ้าสีน้ำตาลไหม้ มีหนวดเคราสีขาว มือถือไม้เท้า

ต่อมา ดอกบัวพร้อมก้านผุดขึ้นที่โคนขาของฤาษีตนนั้น

ฤาษีเฒ่าก้มลง ใช้สองมือดึงที่ก้านบัว จนก้านบัวหลุด มีรากรกรุงรังติดออกมา แล้วพลันชูก้านบัวนั้นให้ดู

แอนดี้ตั้งจิตถามคำถาม

"ท่านฤาษี ! ท่านต้องการสื่อสารสิ่งใดกับผม ?"

ภาพของฤาษีพลันหายไป

ภาพของพรหมหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์สีขาวปรากฏขึ้น ที่คอมีอุปกรณ์สเตโทสโคป (หูฟังเพื่อตรวจการเต้นของหัวใจ) คล้องอยู่

แอนดี้หัวเราะหึ ๆ

"คนป่วยจะตายอยู่แล้ว ยังมีหน้ามาทำฮา"

"ชั้นมาสื่อสารกับแกเรื่องหมอ ๆ ชั้นก็ต้องแต่งตัวให้มันน่าเชื่อถือหน่อย ไอ้แกนี่ก่อนบวชก็โง่ บวชแล้วแกก็โง่ ฤาษีท่านมาบอกสูตรยา แกก็เสือกไม่ฟัง"

"ผมไม่ได้ยินท่านฤาษีพูดอะไรเลย เห็นแต่ท่านทำท่าทาง ผมแปลไม่ออก"

ท่านลุงพยักหน้า

"ก็วันนี้สมาธิแกไม่แจ่มใส เลยเห็นได้แต่ภาพ ฤาษีท่านมาตามคำขอของแกน่ะแหละ"

แอนดี้สั่นหัว

"ผมไม่เคยขออะไรจากฤาษีเลย ผมระลึกไม่ได้ว่าท่านเป็นใคร"

"ก่อนหน้าที่แกจะไปเฝ้าสมเด็จองค์ปฐม แกไปหาใครล่ะ ?"

แอนดี้นึกย้อน

"ผมไปกราบท่านปู่ชีวก ฯ"

"เออ ! นั่นแหละ ! แกไปขอให้ท่านช่วย ท่านก็ช่วยแล้วไง"

"ฤาษีท่านนั้น คือ ท่านปู่ชีวก ฯ เหรอครับ ?"

"เปล่า ! ฤาษีท่านนั้น มีนามว่า พระสิทธาฤาษี เป็นศิษย์ของท่านปู่ฤาษีชีวก ฯ ท่านมาบอกแกว่า ให้เอารากบัวมาทำยา จะเอามาต้มกับอะไรกินก็ได้ รากบัวจะบำรุงหัวใจแก บรรเทาอาการของแกได้บ้าง"

แอนดี้พยักหน้ารับรู้ ความรู้สึกปลาบปลื้มบังเกิดขึ้นในทันที

เขาก้มลงกราบ

"ข้าพเจ้า นายเอก จงมีทรัพย์ ขอกราบ สำนึกในบุญคุญของท่านปู่ชีวก ฯ และ ท่านสิทธาฤาษี"

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา เครื่องแต่งกายของท่านลุง ก็กลายเป็นชุดพรหมประดับแก้วระยิบระยับ

"เปลี่ยนชุดอีกละ ! ความพอเพียง ไม่มีเลยนะท่าน"

พรหมในชุดเต็มยศ เชิดใบหน้าขึ้น

"งั้นมึงไม่ต้องรู้ตารางคืนนี้ มึงไปถามเจ้าที่ละกัน ดูว่าเจ้าที่จะตอบได้มั้ย เก่งนักนี่ ! เที่ยวไปต่อรองกับเจ้าที่ที่โน่นที่นี่ได้เอง"

แอนดี้หัวเราะ

"ฮ่า ๆๆๆๆ ขึ้นมึงกูเลย ! นี่... ท่านลุงไปแอบฟังผมคุยกับเจ้าที่ที่คลับมาเหรอ ?"

"เปล่า ! ไม่ได้แอบ แต่เทวดาที่โน่นเค้ามาฟ้อง"

แอนดี้รู้สึกประหลาดใจ

"ฮ่า... ! ถามจริง ! มาฟ้องเรื่องอะไรครับ ? ก็ผมขออนุญาตเจ้าที่ก่อนเข้าไปแล้วนี่"

ท่านลุงยกมือขึ้นเกาหัว

"แกฟังชั้นดี ๆ ก่อน ชั้นไม่ได้จะว่าว่าแกผิดหรอก แกทำถูกแล้ว ที่ขออนุญาตเจ้าที่ก่อนที่จะเข้าไปในที่แบบนั้น แต่แกยังไม่รู้ว่าที่นั่นมีเทวดาที่ช่วยคุ้มครองโอบอุ้มธุรกิจพวกนั้นอยู่ด้วย"

"หือ ! เหรอครับ ? แล้วมันเกี่ยวกันยังไง ?"

"เกี่ยวสิ ! ไอ้สถานที่นั้นมันเป็นที่อโคจรก็จริง แต่ที่อโคจรมันก็มีเทวดาประจำอยู่ได้ ถ้าคนเค้าศรัทธากราบไหว้ ก็มีเทวดามาอยู่ มาช่วยดึงแขก ดึงลูกค้าให้มาอุดหนุนกิจการมากขึ้น คราวนี้ พอวันนี้แกเข้าไป เทวดาต่าง ๆ ที่ติดตามคุ้มครองแก ก็ต้องเข้าไปด้วย แล้วเทวดาที่คุ้มครองแกแต่ละองค์ ก็ถือว่ามีบารมีไม่เบา แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นเทวดาสัมมาทิฎฐิ

โน่น ! ล่อเข้าไปเต็มหลังคาคลับ จนไม่มีทียืนเลย คราวนี้พวกเทวดาเดิมที่ประจำที่นั่น ก็ต้องถอยออกมา เพราะบารมีต่ำกว่า ต้องหลีกให้เทวดาที่มีบารมีมากกว่า

เมื่อเทวดาที่ช่วยเหลือธุรกิจพวกนั้นต้องหลบออกมา ก็ทำให้ วันนี้ ที่คลับนั้น จะไม่มีแขกเข้าไปเที่ยว เพราะบารมีของเทวดาสัมมาทิฎฐิ จะไปดลใจให้พวกนักเที่ยวกลางคืนทั้งหลาย เปลี่ยนใจไม่ไปที่นั่น"

แอนดี้พยักหน้ารับฟัง

ท่านลุงพูดต่อ

"แกคิดดูสิ ว่าใครจะตกงาน ? ถ้าแขกไม่มี เจ้าของคลับเค้าก็เจ๊ง พอเจ๊งแล้วก็ไม่มีใครมาเซ่นไหว้เทวดากันอีก เทวดาก็อดตายกันสิ พวกนั้นเค้าเลยมาฟ้องชั้น บอกกับชั้นว่า ให้ขอร้อง แกอย่าไปที่นั่นอีก เพราะแกทำให้พวกเค้าเดือดร้อน"

แอนดี้พยักหน้าเข้าใจ

"กระจ่างแจ้งแล้วครับ ผมก็เพิ่งรู้ว่าเรื่องยังงี้ก็มีด้วย"

"มีสิ ! เนื่องจากภารกิจที่แกต้องทำนั้นเป็นมหากุศล จึงมีเทวดาอาสามาคุ้มครองแกกันมากมาย แกก็อย่าเสือกไปในสถานที่อโคจรบ่อยนัก จะพาลทำให้พวกเค้าเจ๊งกัน ก่อเวรเปล่า ๆ"

แอนดี้พยักหน้าอีกครั้ง

"ครับ ทราบแล้วครับ แล้วตารางคืนนี้ล่ะครับ ?"

สมุดบันทึกเล่มใหญ่ พลันปรากฏขึ้นในมือของพรหมหนุ่ม

"ชั้นขอเปิดโน้ตดูก่อน"

แอนดี้หัวเราะหึ ๆ

"คืนนี้ เริ่มต้นที่ห้าทุ่ม แกเริ่มเข้ากสิณสิบ สลับไปมา หลังทำได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ทำจิตให้ว่าง คืนนี้พระนางจันทิมาจะมาสอนวิธีบรรเทาภัยพิบัติ ชั้นขอแว่บไปก่อน หลวงพ่อสอนมีเรื่องจะคุยกับแก"

หลวงพ่อสอนปรากฏขึ้นในมโนภาพ

แอนดี้ก้มลงกราบ

เสียงของหลวงพ่อสอนดังขึ้น

"ทิดเอก ! อย่าลืมความสำคัญของความเป็นฆราวาส

เธอไม่ต้องอยู่ในกฏเกณฑ์ของวินัยสงฆ์ เธอไม่ต้องอยู่ในกฏเกณฑ์ของมหาเถรสมาคม ไม่มีใครเป็นเจ้านายของเธอ เธอนั้น เปรียบเสมือนขึ้นตรงต่อพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

ความอิสระของเธอนั้นมีมากกว่า คล่องตัวกว่า ขอเพียงทำทุกอย่างให้ถูกกฏหมาย เธอครองแค่ศีลห้าศีลแปด ก็จะสามารถเผยแพร่ธรรมะของพระบรมครู ฯ ได้โดยปราศจากมลทินใด ๆ

จากนี้ไปฉันจะแบ่งงานของเธอเป็นสองหมวดใหญ่ ๆ

หนึ่งคือ เรื่องการเผยแพร่ธรรมะเพื่อคนหมู่มาก ซึ่งจะแบ่งย่อยอีกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือ การปฏิบัติธรรมเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ ส่วนที่สองคือ การปฏิบัติธรรมเพื่อบรรเทาภัยที่มีต่อสถาบัน

หมวดที่สอง คือ การชำระล้างหนี้เก่าที่เคยผูกพัน หากเธอไม่ชำระสะสางเรื่องที่เคยก่อไว้ เจ้ากรรมนายเวร และ คนที่เคยผูกอาฆาตก็จะกลับมาเป็นศัตรูขัดขวางการทำงานของเธอได้อีก

คืนนี้ เธอตั้งใจเรียนกับพระนางจันทิมา พระนางท่านจะมาสอนเธอติดต่อกันสี่ห้าวัน

อาทิตย์หน้าเธอจะมีภาระที่ต้องจัดการกับคนสำคัญที่จะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของเธอในอนาคต เค้าเป็นคนที่มีอัตตาสูงซักหน่อย แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเธอที่จะปราบได้"

"เค้าคือคนที่ผมเคยรู้จักมาก่อนหรือเปล่าครับ ?"

"ไม่ใช่ ! ไม่ใช่ในชาตินี้ ! เค้าชื่อยาใจ ใครก็ปราบเค้าไม่ได้ ยกเว้นเธอ"

*********************************************************************************

สองทุ่มสี่สิบนาที

แอนดี้แต่งกายในชุด เสื้อยืดคอกลมแขนสั้น กางเกงลำลองขายาว เดินลงมาจากบันได แต่เวลานี้ไม่มีหมวกแก๊ปปิดบังเส้นผมที่สั้นเต่อดังเช่นศรีษะของคนที่เพิ่งสึกทั่วไป

ทิดเอกมีสีหน้าสดชื่น ท่าทางกระฉับกระเฉงคล่องแคล่ว ไม่มีวี่แววของอาการเจ็บป่วยใด ๆ หลงเหลืออยู่แม้สักนิด

ชลลดาเอื้อมมือไปหยิบรีโมทควบคุมโทรทัศน์ แล้วกดปุ่มปิด

เธอมองแอนดี้ด้วยสายตาแห่งความฉงน

"พี่แอนดี้ ดีขึ้นแล้วเหรอคะ ?"

เจ้าของบ้านเดินมาที่โซฟาห้องรับแขก แล้วทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้

"ดีขึ้นแล้วครับ วันนี้ชลไม่ต้องทำงานเหรอ ?"

โฮสเตสสาวสั่นหัว

"ไม่ต้องค่ะ ชลโทรไปลางานแล้ว บอกตรง ๆ ว่า ชลเป็นห่วงพี่แอนดี้ แล้วก็อยากรู้ความเป็นมาว่าเรื่องเป็นมายังไง พี่แอนดี้ถึงได้มาช่วยแม่ชล"

แอนดี้ยิ้ม

"ตอนนี้พี่คงมีสติพอที่จะเล่าได้ พี่ไม่ถนัดเล่าอะไรยาว ๆ แต่ก่อนจะเล่า พี่จะถามสั้น ๆ ตรงเป้าเลยนะ"

ชลลดาพยักหน้า ตั้งใจฟัง

"ค่ะ"

"ชลยังรักเอนกอยู่หรือเปล่า ? ตอบแค่คำตอบนะ รัก หรือ ไม่รัก"

คำถามนี้แล่นไปจุกที่หน้าอกของชลลดา ถ้าเป็นคนอื่นถาม เธอคงหาคำตอบหลีกเลี่ยงได้สารพัดสารพัน

เพราะความสัมพันธ์ที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของเขาและเธอ ที่ดูท่าทีจะไม่มีทางพัฒนาไปมากกว่านี้ ทำให้เธอตอบใคร ๆ ได้ลำบากว่า สถานะของเธอ และ เขา คือ สถานะใด และ จะพัฒนาไปทางไหน

ดีที่สุด คือ การตัดปัญหาโดยการไม่กล่าวถึง ไม่คิดถึง จนกว่าวันหนึ่ง ที่เธอจะสามารถตื่นขึ้นมาแล้วลืมไปแล้วว่า เคยรักเขา

แต่ คงไม่ใช่ต่อหน้า พี่แอนดี้ เธอคงไม่สามารถพูดโกหกต่อหน้าชายผู้นี้ได้

"ค่ะ ชลยังรักพี่เอนก"

คนถามพยักหน้ารับรู้

"งั้นพี่จะเล่าให้ฟัง พี่ไปบวชที่เชียงใหม่มาสองปี เมื่อสึกแล้ว พี่ยังมีภารกิจสำคัญที่ต้องทำอีกมาก พี่ต้องการให้เอนกมาช่วย อาทิตย์ที่แล้ว พี่ติดต่อเอนกได้ ได้รับรู้เรื่องของเราสองคน"

แอนดี้เปลี่ยนจากนั่งหลังพิงเบาะ โน้มตัวมาเท้าเข่าตัวเอง แล้วจ้องหน้าคู่สนทนา เพื่อต้องการเน้นความสำคัญของเนื้อหา

"พี่ต้องการให้เอนกมาช่วยงานพี่มาก แต่พี่จะต้องทำให้เอนกมีความสบายใจ มั่นใจในตัวเองอีกครั้ง เพื่อที่เค้าจะมีแรงกายแรงใจ มาทำงานให้พี่ เมื่อสามปีที่แล้ว เอนกเคยบอกพี่ว่า ความหวังที่เขาต้องทำให้ได้ภายในสองปีนับจากนั้น คือ การได้แต่งงานกับชล"

คำพูดของแอนดี้ เขย่าสติของชลลดาอย่างแรง

"พี่เอนกไม่เคยเล่าให้ชลฟังเลย"

"ใช่ ! แล้วก็ไม่มีโอกาสเล่า เพราะธุรกิจที่เอนกทำนั้นกลับพังไม่เป็นท่า เพราะโดนผลกระทบของการจลาจลในปีห้าสาม แล้วพอเริ่มธุรกิจใหม่ในปีต่อมา ก็โดนอุทกภัยซ้ำเข้าอีกครั้ง ความหวังเรื่องแต่งงานก็เป็นอันต้องพับไป เงินที่เอนกต้องการจากการลงทุนนั้น นอกจากเพื่อแต่งงานกับชลแล้ว ยังต้องการจะให้เป็นค่ารักษาพยาบาลแม่ของชล ทั้งสองเรื่อง ก็เป็นอันต้องพับไปหมด"

โฮสเตสสาวรู้สึกอึ้งในสิ่งที่ได้ยิน เพราะ เธอไม่เคยได้ยินสิ่งเหล่านี้หลุดมาจากปากของเอนกแม้แต่เพียงสักประโยค

"เอนกยินดีทำทุกอย่างเพื่อชล แล้วพี่ก็รู้วิธีที่จะทำให้มันเป็นจริง เพียงแต่ที่พี่ขอคือ ความศรัทธาในตัวพี่ ถ้าศรัทธาพี่ ต้องเชื่อพี่โดยไม่ตั้งคำถาม พี่จะรักษาแม่ของชลให้หายได้ ถ้าเอนก ยินดีที่จะไปปฏิบัติธรรมหนึ่งเดือน แล้วอุทิศบุญกุศลในการปฏิบัติธรรมให้แก่เจ้ากรรมนายเวรของแม่ชลโดยเฉพาะ เอนกยินดีทำตามในทันที พี่ส่งเอนกไปปฏิบัติธรรมที่เชียงใหม่ทันที เค้าจึงมาหาชลตามนัดไม่ได้

เมื่อเช้านี้ พี่ให้แม่ชลทำพิธีรับเอนกไว้เป็นลูกบุญธรรม ผลบุญจากการปฎิบัติธรรมของลูกบุญธรรม จะเป็นเชื้อให้พี่รักษาแม่ชลหายได้เร็วยิ่งขึ้น

หลังจากปฏิบัติธรรมเสร็จแล้ว เอนกจะต้องทำพิธีบังสกุลตาย เปลี่ยนชื่อ และ นามสกุลตัวเอง ตัดขาดความเป็นแม่ลูกบุญธรรมจากแม่ชล เพราะหากไม่ทำตามนี้ เอนกจะไม่สามารถแต่งงานกับชลได้ เพราะถือว่าเราสองคน กลายเป็นพี่น้องกัน"

น้ำตาเริ่มเอ่อรอบดวงตาของชลลดา

แอนดี้ตัดบท

"แต่พี่ก็ได้ยินแล้วเมื่อกี๊ ชลบอกว่ายังรักเอนกอยู่ เรื่องก็จบแค่นี้ ง่ายจะตายไป"

จู่ ๆ ชลลดาก็เลื่อนตัวลงจากโซฟาเก้าอี้ ทรุดลงนั่งกับพื้น แล้วก้มลงกราบที่เท้าของแอนดี้

เจ้าตัวตกใจ ชักขาขึ้นมาบนโซฟา ร้องเสียงหลง

"ชล อย่า ! ไม่ต้อง ! ไม่ได้ ไม่ได้ !"

ชลลดาเงยหน้าขึ้น

"ขอโทษที่ตะโกน พี่ไม่ได้รังเกียจน้ำใจของชลหรอกนะ ชลอยากจะตอบแทนอะไรพี่ พี่รับได้หมด จะพาพี่ไปเลี้ยงข้าว หรือ จะซื้อข้าวของอะไรให้พี่ ได้ทั้งนั้น แต่อย่ากราบพี่ เพราะพี่ติดคำสัญญากับหลวงพ่อท่านไว้ ถ้าพี่ผิดคำสัญญา คราวนี้ชลอาจจะได้เห็นพี่อาเจียนเป็นเลือดแน่"

เธอเอียงคอ ไม่เข้าใจในคำอธิบาย

"ทำไมถึงให้คนกราบไม่ได้ล่ะคะ ? พี่แอนดี้มีพระคุณต่อเราสองคน เรากราบพี่ พี่จะผิดตรงไหนคะ ?"

"ไม่ได้ ! ภารกิจของพี่ที่จะต้องทำ มันจะง่ายที่ทำให้พี่หลงตัวเองว่าเป็นผู้วิเศษ เมื่อเริ่มมีผู้คนกราบไหว้ พี่ก็จะลืมตัว วิชาทั้งหมดที่มี ก็จะเสื่อม คำมั่นสัญญาที่พี่ให้ไว้กับหลวงพ่อที่บวชให้พี่ คือ ห้ามพี่รับการกราบไหว้บูชาเป็นอันขาด

ถ้าชลอยากตอบแทนพี่นะ เดี๋ยวชลพาพี่กับน้องหงส์ ไปเลี้ยงสุกี้ เป็นอันรับได้ โอเคมั้ย ?"

ชลลดามีรอยยิ้มออกมาจากใบหน้า

"โอเคค่ะ !"

__________________________________________________________________________________________

โดย วีรยาติ

<อ่านหน้าแรก

กลับขึ้นด้านบน

พ็อคเก็ตบุคนิยายหมอเถื่อน เล่ม 2 - 4 เปิดให้จองล่วงหน้าแล้ว อ่านรายละเอียดได้ที่นี่

อ่านตอนต่อไป

อ่านตอนอื่น

สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ

อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นที่นี่




Free counters