ประสบการณ์การใช้เพนดูลั่มของ Diane Stein

บท 1 ทำไมต้องเพนดูลั่ม ?
(หน้า 1/2)

 

เป็นเวลาหลายปีทีเดียวที่ผู้คนมากมายขอให้ Diane Stein
ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเพนดูลั่มออกมาสักเล่มหนึ่ง...

Pendulum and the Light

...ซึ่งเธอก็มักจะตอบว่า เพนดูลั่มไม่ต้องมีหนังสืออธิบายหรอก
มันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่คนเราสามารถหัดใช้ได้ภายในเวลาไม่กี่นาที

ทว่ายิ่งมา คำร้องขอในทำนองนี้ยิ่งมีมากขึ้น

Lord of Karmaแม้แต่นักศึกษาของเธอเองที่เรียนวิชาสมดุลพลังงานชีวิต (Essential Energy Balancing) ก็เรียกร้อง เหตุเพราะพวกนักศึกษาเหล่านี้มักพบว่า การติดต่อกับเทพผู้ควบคุมดูแลกฎแห่งกรรม (Lords of Karma) และ เหล่าเทพธิดาบริวาร สามารถกระทำได้ง่ายที่สุดโดยการใช้เพนดูลั่ม

เธอจึงพบว่าตัวเธอเองต้องสอนวิธีการใช้เพนดูลั่มบ่อยขึ้น ๆ ด้วย

บางที นี่แหละเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะเขียนหนังสือสักเล่มเกี่ยวกับเพนดูลั่ม การใช้เพนดูลั่มเพื่อปลดปล่อยกรรม (Karmic Release) และ การทำงานของเหล่าเทพธิดา

เมื่อกลับมาคิดถึงวันที่เธอเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคต่าง ๆ ทางจิตวิญญาณ เธอเองก็พบว่าการใช้เพนดูลั่มเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่ยากธรรมดาด้วยซ้ำ ยากมาก ๆ เลย

Amethyst Pendulumเริ่มแรกเธอมีเพื่อนคนหนึ่งที่สอนเธอถึงวิธีการใช้ และเธอก็ได้ซื้อเพนดูลั่มสั้นๆ อันหนึ่งทำจากอเมธีสต์จากงาน วูแมนมิวสิคเฟสติวัล ในมิชิแกน โดยมีคู่มือเล่มเล็ก ๆ ติดมาด้วย แต่ไม่ว่าเธอจะอ่านคู่มือเล่มเล็กนั้น หรือหนังสือเล่มอื่น ๆ ด้วยก็ตาม เธอก็ยังไม่สามารถใช้งานเพนดูลั่มได้ เธอไปหาเพื่อนคนเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเพื่อนเริ่มเบื่อหน่าย และ สงสัยเหลือเกินว่าทำไมเธอไม่สามารถเรียนรู้เทคนิคง่าย ๆ ในการหาคำตอบจากเพนดูลั่ม

เธอไม่ประสบความสำเร็จกับเพนดูลั่มในช่วงแรกนี้ด้วยเหตุผลหลายประการคือ เธอไม่สามารถตีความคำตอบว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" จากการเคลื่อนไหวของเพนดูลั่ม ซึ่งหมุนเป็นวงกลมสำหรับทั้งคำตอบ "ใช่" และ "ไม่ใช่"

แตกต่างกันแต่ในทิศทางการหมุนเท่านั้น

เธอขาดความเข้าใจในเรื่องนี้ จึงทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นความแตกต่างในทิศทางการหมุนได้

นอกจากนี้ สายดิ่งที่หินอเมธีสต์แขวนอยู่ก็สั้นเกินไป แข็ง แล้วก็หนา จนไม่เกิดความสบายในการใช้งานสำหรับเธอ ถ้าหากว่าสายดิ่งยาวกว่านี้ เส้นเล็กกว่านี้ แล้วปล่อยให้มีการหมุนได้อย่างอิสระกว่านี้ เธอคงจะอ่านคำตอบจากเพนดูลั่มได้ไปแล้ว

สายดิ่ง เป็นโซ่ที่ทำมาจากโลหะผสมราคาถูก ซึ่งไม่สามารถส่งผ่านพลังงานได้ดีนัก การเคลื่อนไหวจึงดูฝืด ๆ ไม่เป็นธรรมชาติ อีกอย่างหนึ่งก็คือ ตอนนั้นเธอไม่มีความรู้ความเข้าใจในการเคลียร์เพนดูลั่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทำมาจากหิน หรือ อัญมณี

เพนดูลั่ม

เธอไม่รู้หรอกว่าเพนดูลั่มที่ไม่เคลียร์จะให้คำตอบที่ไม่แม่น ข้อผิดพลาดอีกประการก็คือ เธอยังไม่รู้ว่าจะต้องอธิษฐานด้วย อธิษฐานเพนดูลั่มนี้ให้กับชาวโลกทิพย์ (Light) หรือ ขอให้เทพธิดาประจำตัว หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ มาให้คำตอบผ่านเพนดูลั่มนั่นเอง และ ที่สำคัญที่สุด เธอยังไม่ได้เรียนรู้ทักษะในการตั้งคำถามเพื่อให้ได้คำตอบที่เหมาะสมที่สุด


เพนดูลั่มไม่เวิร์คสำหรับเธอ จนกระทั่งเธอได้เรียนรู้สิ่งที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และ สิ่งอื่น ๆ ที่ตามมาอีก เธอค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะเลือกหรือสร้างเพนดูลั่มที่เวิร์คสำหรับตัวเธอเอง

เทวดาวัสดุที่ใช้ในการทำเพนดูลั่ม ความยาวของสายดิ่ง น้ำหนักที่เหมาะสมของตัวดิ่ง การอธิษฐานจิต การทำความสะอาด และ เคลียร์เพนดูลั่ม และ การทำให้แน่ใจว่าชาวโลกทิพย์ชั้นสูงสุด (Be-ings of the Highest Light) เท่านั้นที่ได้รับเชิญให้มาสื่อสารผ่านเพนดูลั่ม

เธอได้เรียนรู้ว่าชาวโลกทิพย์บางตนเป็นใคร และ ทำไมถึงมา

เธอเรียนรู้การตั้งคำถามที่จะให้คำตอบที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ทุกๆครั้ง

Foucault Pendulumในขณะที่เธอเรียนรู้ทักษะเหล่านี้โดยการลองผิดลองถูก เพนดูลั่มได้ทวีความสำคัญ ในฐานะอุปกรณ์อันทรงประโยชน์ต่องานด้านการบำบัดรักษา และ การใช้พลังบำบัดของเธอ

เธอเริ่มขยายรูปแบบการใช้งานของเพนดูลั่ม เช่น การอ่านจิตใจ งานเกี่ยวกับกรรม จนเพื่อนฝูงเริ่มหัวเราะเยาะเธอว่า เธอไม่มีทางแม่นในเรื่องพวกนี้หรอก เพราะเพนดูลั่มจะตอบไปในทิศทางที่เราอยากให้เป็น แต่เธอทำได้ดีกว่านั้น

เพื่อนที่เคยเยาะเย้ยจึงหยุดเยาะเย้ย แล้วเปลี่ยนมาอยากรู้ว่าเธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร

เป็นครั้งคราวที่ Diane โดนปิดสวิตช์

Diane Steinกล่าวคือปกติเธอจะเป็นผู้มีพลังจิตที่สามารถได้ยินเสียงทางจิตที่คนทั่วไปไม่สามารถได้ยินได้ แต่เมื่อบางทีที่งานของเธอชักจะก้าวลึกมากไป จนอาจจะอันตรายต่อตัวเธอเองได้ เธอก็โดน "ปิดสวิตช์" นั่นก็ทำให้เธอไม่ได้ยินอะไรพิเศษ อย่างน้อยก็ช่วงหนึ่ง

แต่งานของเธอที่จำเป็นต้องติดต่อกับชาวโลกทิพย์ยังต้องดำเนินต่อไป เธอจึงต้องหาหนทางอื่นในการติดต่อ

เพนดูลั่มกลายมาเป็นหนทางที่ว่านั้น คราวนี้แม้ยามที่ความสามารถในการ "ได้ยิน" ของเธอกลับคืนมาแล้ว เธอก็ยังนิยมใช้ ้เพนดูลั่มอยู่บ่อย ๆ อยู่นั่นเอง

ทำไมเหรอ

เพนดูลั่มเพนดูลั่มใช้พลังจิต (Psychic Concentration) น้อยกว่าเมื่อเทียบกับการใช้หูทิพย์ (Clairaudience) หรือการใช้จิตฟัง (Psychic Hearing) นั่นเอง

เพนดูลั่มจึงกลายมาเป็นหนทางที่เธอเลือกใช้ในหลาย ๆโอกาส

Diane มีเพนดูลั่มอยู่ใกล้มือตลอดเวลา ยามที่ไม่ใช้ (ซึ่งไม่ค่อยจะมีโอกาสเช่นนั้นหรอก) เธอจะเก็บไว้ในถุงใบเล็ก ๆ แล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกง

ยามพักผ่อนนอนหลับเธอก็ยังวางเพนดูลั่มไว้ที่โต๊ะข้างหัวนอน และอยู่ข้างตัวในกิจกรรมอื่นๆ เช่น การบำบัดรักษาผู้ป่วย ทำสวน คุยโทรศัพท์ อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ สอนหนังสือแม้กระทั่งไปช็อปปิ้ง

เธอเก็บเพ็นดูลั่มที่เธอมีมากกว่าหนึ่งโหลไว้บนแท่นบูชา (Goddess Altar) ภายในปิรามิดในห้องนอนของเธอ 

วันหนึ่ง ๆ เธอใช้เพนดูลั่มหลายอัน เธอเรียนรู้ที่จะสร้างเพนดูลั่มของเธอเอง ตามรูปแบบที่เธอกำหนดเอง โดยใช้วัสดุต่าง ๆ ที่หลากหลาย
เพนดูลั่ม

มีอยู่พักหนึ่งที่เธอรู้สึกอายถ้ามีใครสักคนเห็นเธอใช้เพนดูลั่มในร้านหนังสือ ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านขายอาหารสุขภาพ เดี๋ยวนี้เธอไม่สนใจแล้ว

ประโยชน์ที่ได้จากการใช้เพนดูลัมในสถานการณ์ต่างๆเหล่านั้นมันเกินกว่าความรู้สึกขายหน้าเล็ก ๆ น้อย ๆ แถมบางครั้งยังมีคนแปลกหน้าอยากรู้ซะอีกว่าสิ่งนั้นคืออะไร ซึ่งบางทีเธอก็แสดงการใช้งานให้ดู แต่บางทีก็แค่ตอบว่ามันเป็นหินที่ใช้ลดความกังวล (Worry Stone)

แต่ถ้าคนขายเข้ามายุ่มย่ามมากนัก เธอก็จะเลิกซื้อของร้านนั้นมากกว่าที่จะเลิกใช้เพนดูลั่ม ครั้งหนึ่งเธอบอกเจ้าของร้านที่หยาบคายคนหนึ่งว่า

"สนใจธุระของคุณเถิด ถ้ายังอยากให้ฉันทำธุระของฉันที่ร้านของคุณ" (Mind your own business if you want mine!)

ซึ่งได้ผลชะงัดดีซะด้วย

สรุปแล้ว มันมีเหตุผลที่ดีมากมายที่เธอจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับเพนดูลั่มและเทพธิดาพยากรณ์
เทพธิดาพยากรณ์

เพนดูลั่มเป็นอุปกรณ์ง่ายๆ ที่ให้คำตอบแค่ "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" แต่ดูเหมือนจะมีประโยชน์ไม่รู้จบในงานด้านจิต และ ชีวิตประจำวัน

ความแม่นยำของมันขึ้นอยู่กับความสามารถในการติดต่อกับชาวโลกทิพย์ และ นำมาช่วยในการตอบคำถามให้ได้ หลังจากนั้นก็เสมือนว่าข้อจำกัดที่เหลืออยู่ก็คือจินตนาการ และ ความสามารถในการตั้งคำถามของคุณเองเท่านั้น

เมื่อคุณเรียนรู้ศาสตร์นี้แล้ว คุณก็จะมีอุปกรณ์ที่ทรงพลังอยู่ในมือแบบเดียวกับที่ Diane มี และ คุณก็จะสงสัยว่าเมื่อก่อนนี้คุณอยู่มาได้อย่างไรโดยไม่มีสิ่งนี้

เพนดูลั่ม เพนดูลั่ม เพนดูลั่ม

เราสามารถใช้เพนดูลั่มตรวจหาความผิดปกติในสิ่งต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่รถยนต์จนไปถึงร่างกายของมนุษย์

ใช้ในการสอบถามค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมของในบ้าน หรือ ต้นเหตุของโรค

ก็แค่ถามว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" กับชาวโลกทิพย์ที่อำนวยการคำตอบของเพนดูลั่ม

ถ้าเธอไม่รู้คำตอบ เธอก็จะไปหาผู้ที่รู้คำตอบมาให้จนได้ล่ะ

คำถามของคุณจะต้องไม่กำกวม เช่น ถ้าถามเกี่ยวกับรถเสีย

รถเสีย"สาเหตุมาจากแบตเตอรี่ใช่ไหม ?" ถ้าคำตอบ คือ "ไม่ใช่"

ก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น "สาเหตุมาจากตัวกำเนิดไฟฟ้าใช่ไหม ? " ถ้าคำตอบคือ "ใช่"

คุณอาจจะอยากทราบค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ซึ่งถามว่า "ค่าใช้จ่ายในการซ่อมต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ใช่ไหม ? " ถ้าคำตอบคือ "ไม่ใช่"

ก็ถามต่อว่า "ค่าใช้จ่ายในการซ่อมต่ำกว่า 150 ดอลลาร์ใช่ไหม ? " และ ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้คำตอบว่า "ใช่"


ดูเหมือนว่าเราสามารถนำเพนดูลั่มมาใช้งานได้ในทุก ๆ ด้าน

สมมติว่ากำลังสัมภาษณ์เพื่อเข้าทำงานอยู่สองบริษัท อยากรู้ว่างานไหนที่น่าพึงพอใจกว่า ก็อาจจะตั้งคำถามว่า

"งานที่บริษัท ก จะดีต่อตัวฉันมากกว่าใช่ไหม ? " 

สัมภาษณ์งาน"รึว่างานที่บริษัท ข ? "

"รึว่าทั้งสองบริษัทดีทั้งคู่ (แย่ทั้งคู่) ? "

"งานที่บริษัท ก ให้ผลตอบแทนดีกว่าใช่ไหม ? "

"ฉันจะได้งานหนึ่งในสองบริษัทนี้ไหม ? "

"จะได้งานทั้งสองบริษัทไหม ?"

"ทั้งสองบริษัทจะปฏิเสธไหม ? "

"จะเข้ากับเจ้านายที่บริษัท ก ได้ดีไหม ? "

"ควรจะสมัครวันนี้ไหม ?"

"รึว่ารอจนถึงพรุ่งนี้ ?" และ อื่นๆ อีกมากมาย

ในเรื่องความสัมพันธ์ การตั้งคำถามกับเพนดูลัมก็คล้ายๆกัน

เนื้อคู่ ?"ฉันควรจะขอนัดเธอไหม ? "

"มีโอกาสที่จะมีความสัมพันธ์อย่างคนรักกับเธอไหม ? "

"คนที่ฉันจะย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันจะเป็นเพื่อนที่เข้ากันได้ดีไหม ? "

"ความสัมพันธ์ของเราจะยืนยาวกว่า 1 ปีไหม ? "

"ยาวกว่า 10 ปีไหม ? "

"ตลอดชีวิตไหม ? "

"จะมีความสุขไหมถ้าแต่งงานกับเขา/หล่อน ? "

นางฟ้าขอให้แน่ใจเสียก่อนว่าคุณมีนางฟ้า หรือ ชาวโลกทิพย์อยู่กับเพนดูลั่มของคุณ ก่อนที่จะถามคำถามที่มีความสำคัญกับชีวิตเหล่านี้ และ คุณต้องมั่นใจในความแม่นของเพนดูลั่มเสียก่อนที่จะเชื่อถือคำตอบเหล่านี้

ถ้าสิ่งที่คุณรู้ (หรือแม้แต่รู้สึก) ขัดแย้งกับคำตอบของเพนดูลั่ม และ คุณก็ยังไม่มั่นใจว่าใครกำลังสื่อสารอยู่กับคุณผ่านเพนดูลั่มล่ะก็ ขอให้เชื่อตัวคุณเองก่อน

แต่ถ้าคุณมั่นใจในเทพธิดา (นางฟ้า เทวดา ชาวโลกทิพย์) ของคุณแล้วล่ะก็ ถามคำถามเพิ่มเติมเข้าไปอีกเพื่อทำความเข้าใจกับความแตกต่างระหว่าง ความรู้สึกของคุณ กับ คำตอบของเพนดูลั่ม โดยมากแล้วความแตกต่างจะคลี่คลายผ่านคำถามของคุณนั่นเอง


ในการหาที่อยู่ คำถามอาจจะเป็นดังนี้ :

"อพาร์ทเมนท์ตามโฆษณานี้ควรค่าแก่การพิจารณาหรือไม่ ? "

"ฉันจะอยู่ในที่นี้อย่างมีความสุขไหม ? "

วิญญาณเร่ร่อน"มีพวกวิญญาณเร่ร่อน (Discarnate Spirits) ที่จำเป็นต้องได้รับการปลดปล่อย (passed over) ในสถานที่นี้ไหม ?"

ถ้ามี "เขาอยู่ในบ้านหรือในอพาร์ทเมนท์นี้ไหม ? "

"เขาอยู่ในอพาร์ทเมนท์ห้องอื่นของตึกนี้ใช่ไหม ? "

"เขาอยู่ในสนามหรือที่ใดที่หนึ่งตรงพื้นดินใช่ไหม ? "

"มีพลังงานที่ไม่ใช่ของชาวโลกทิพย์ฝ่ายกุศลอยู่ในอพาร์ทเมนท์นี้ไหม ? "

"ชาวโลกทิพย์ที่เป็นผู้ตอบคำถามผ่านเพนดูลั่มสามารถเคลียร์พลังงานนั้น และ ส่งวิญญาณเร่ร่อนนั้นไปในที่ที่อันควรได้ไหม ?"

"ท่านจะทำตอนนี้เลยได้ไหม ? "

"มีอะไรอีกไหมที่ฉันควรจะต้องรู้ ? "

"เมื่อเคลียร์เรียบร้อยแล้ว ฉันสามารถเซ็นสัญญาเช่าได้เลยไหม ? "

อย่าลืมที่จะกล่าวคำสุภาพ (Please) แล ะคำขอบคุณทุกครั้งต่อ ผู้ชี้ทาง เทพธิดา นางฟ้า หรือชาวโลกทิพย์ใด ๆ ที่เป็นผู้ให้คำตอบผ่านเพนดูลั่มของคุณ ทำทุกครั้งโดยไม่มีข้อยกเว้น

เพนดูลั่ม Jasper เพนดูลั่มสามารถใช้ในการหาของหายได้ เช่น "กุญแจของฉันยังอยู่ในบ้านใช่ไหม ? "

ถ้าใช่ ก็ทำรายการห้องต่าง ๆ และถามว่าเป็นห้องไหน พอได้คำตอบแล้วก็ไปที่ห้องนั้น

ถ้ายังไม่พบกุญแจในห้องนั้นอีก "อยู่ภายใต้สิ่งอื่นใช่ไหม ? " ถ้าไม่ใช่ "อยู่ในลิ้นชักใช่ไหม ? " หรือ "ที่ว่าอยู่ที่นี่น่ะ ในตอนนี้ยังอยู่ไหม ? "

เทพธิดา นางฟ้า มักจะไม่ค่อยมีเซนส์เรื่องเวลา ทุกเวลาดูเหมือนจะเป็นเวลาปัจจุบันสำหรับเธอ ถ้าเผื่อว่ากุญแจอยู่ในห้องนั้นเมื่อวานนี้ แต่ไม่อยู่แล้วในวันนี้ คุณอาจจะได้รับคำตอบว่า "ใช่" ก็ได้ ยกเว้นคุณชี้เฉพาะเจาะจงคำถามลงไปตรง ๆ

ลูกแมวเพื่อน ของ Diane โทรมาหาเธอวันหนึ่ง กำลังคลั่งเพราะหาลูกแมวไม่เจอ

เธอคิดว่ามันคงไม่ออกไปนอกบ้านเพราะประตูปิดอยู่ และ มันเป็นแมวเด็ก แถมเป็นแมวในบ้าน ซึ่งตื่นกลัวกับโลกภายนอก

เพื่อนของ Diane ไม่เห็นมันอย่างน้อยก็ชั่วโมงหนึ่งแล้วล่ะ และ ดูเหมือนว่าไม่มีที่ใดในที่พักเล็ก ๆ ของเจ้าหล่อนที่ลูกแมวน่าจะหลบซ่อน ได้

Diane หยิบเพนดูลั่มออกมา และ ไล่ถามไปทีละห้องว่าห้องไหนมีลูกแมวตัวสีขาวอยู่บ้าง

หลังจากยิงคำถามออกไปเป็นชุด ข้อมูลที่ได้รับคือลูกแมวอยู่ในห้องครัว และอยู่ "ภายในบางสิ่ง" แต่เพื่อนเธอก็ไม่เห็นมันอยู่ดี

ในที่สุดเพื่อนเธอไล่เปิดประตูตู้ติดพื้นซึ่งมีอยู่หลายบาน และ พบลูกแมวน้อยในตู้ใบหนึ่ง หลับอยู่บนชั้นวางของในตู้นั้น ล้อมรอบด้วยหม้อไหจานชาม และ ทำหน้าสงสัยว่า นี่มันอะไรกันนักกันหนา !


Diane เคยได้รับการขอให้ช่วยหาเงินจำนวนหนึ่ง ของชายที่เพิ่งตายด้วยอุบัติเหตุทาง รถยนต์ ภรรยาหม้ายของเขาต้องการเงินจำนวนนี้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ

เพนดูลั่มของ Diane บอกว่าเงินต้องอยู่ในตู้ที่มีสี่ลิ้นชัก ในโรงรถด้านติดกำแพง หญิงคนนั้นก็ไปหาที่นั่น แต่ไม่เจอ

ในที่สุดเงินจำนวนนั้นก็ถูกพบในซองอยู่ในกระเป๋าเสื้อที่ใส่ในวันเกิดอุบัติเหตุนั่นเอง ไม่มีใครรู้ว่ามันไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร

ในภายหลังภรรยาหม้ายบอกกับ Diane ผู้ไม่เคยเข้าไปในบ้านหลังนั้นเลยว่า ตู้ที่มีสี่ลิ้นชักใบนั้นแหละ ที่ปกติแล้วชายผู้ตายจะเก็บเงินก้อนนั้นเอาไว้
(นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของความไม่แน่นอนในเซนส์เกี่ยวกับเวลาของนางฟ้า : ผู้แปล)


เราสามารถถามว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือสำเร็จลงในอนาคตได้เหมือนกัน เช่น

"ฉันจะได้รับเช็คสั่งจ่ายในวันพรุ่งนี้ไหม"

"คนที่เฝ้ารอจะมาในวันนี้ไหม"

ในการถามคำถามเหล่านี้ โปรดตระหนักไว้ว่าชาวโลกทิพย์ซึ่งไม่มีร่างกาย ทุก ๆ เวลาจะดูเหมือนเป็นเวลาปัจจุบันของเธอเหล่านั้น และ การระบุเวลาที่แน่นอนของโลกมนุษย์อาจจะเป็นสิ่งที่ยากสำหรับพวกเธอ

เธอบางตนทำได้ดีกว่าตนอื่น ๆ คุณจะได้รับคำตอบตามที่มันเป็นในขณะนั้น

ถ้าเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง 5 นาทีหลังจากนั้น คำตอบที่ได้รับไปแล้วก็จะไม่แม่น

ตัวอย่างเช่น คนที่คุณรอคอยกำลังมุ่งหน้ามาหาคุณ แต่เกิดได้รับโทรศัพท์ด่วนที่ทำให้เขา ต้องเสียเวลาไปทำอย่างอื่น คำตอบที่ถูกต้องก่อนที่เขาจะได้รับโทรศัพท์นั้น ก็จะไม่ถูกต้องอีกต่อไปเมื่อเขาโดนเบี่ยงเบนความสนใจ

เราสามารถถามได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ณ ช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงลงไปแต่ก็ควรจะต้องระบุวันลงไปด้วย แทนที่จะเป็น BloodStone Pendulum

"เขาจะมาก่อนบ่ายสามไหม ? "

ก็ควรจะเป็น

"เขาจะมาวันนี้ก่อนบ่ายสามไหม ? "

ในการใช้เพนดูลั่มเกี่ยวกับคำถามด้านเวลา มันมีตัวแปรมากหลาย และ คำถามประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะมีความแม่นยำต่ำที่สุด แล ะดูจะเป็นข้อด้อยที่ควรจะระลึกไว้ในการใช้งานเพนดูลั่ม


เพนดูลั่มเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าเวลาเป็นจุดอ่อนของเพนดูลั่มแล้วล่ะก็ การบำบัดรักษาโรคเป็นจุดแข็งที่เพนดูลั่มทำได้ดีที่สุดเลยล่ะ

จักระทั้ง 7หินตามจักระเราสามารถใช้เพนดูลั่มในการค้นหาจุดจักระที่ผิดปกติ ไม่ว่าจักระนั้นจะปิดมากไป หรือเปิดมากไป และ เพนดูลั่มก็สามารถชี้จุดที่มีโรคได้ดี ใช้ในการเลือกวิธีบำบัด (เรกิ กวาดออร่าหินบำบัด สมุนไพร ฯลฯ)  เลือกหินหรืออัญมณีชิ้นไหนที่จะช่วยบำบัดได้ดีกว่า เลือกสมุนไพร ระบุวิตะมินที่ต้องการ หรือสารอาหารที่ขาดไป การแพ้ต่อสิ่งต่างๆเช่น อาหาร สบู่ สารเคมี


ถ้าเรามีขวดบรรจุยา หรืออาหารเสริมในมือในขณะที่ถาม คำตอบจะแม่นยำกว่า

Brede (ชื่อของนางฟ้าของ Diane) บอก Diane ว่าเธอรู้จักสสารต่าง ๆ มากมายในโลกนี้จากความสั่นสะเทือนของมัน มากกว่าที่จะรู้จักมันโดยชื่อ และ เธอจะให้ข้อมูลได้มากกว่าถ้า Diane ยื่นมือไปจับสิ่งที่อยู่ในประเด็นคำถาม

ทำอย่างนั้นในการดูว่าจะต้องทานมากเท่าไร (โดสการใช้งาน) ถือขวดของสิ่งที่จะต้องทานในมือข้างที่ไม่ได้ถือเพนดูลั่ม แล้วถามเลยว่าต้องกินกี่หยด หรือกี่แคปซูล ต่อวัน นับไล่หนึ่ง สอง สาม จนลูกดิ่งตอบว่า "ใช่" เมื่อนับไปถึงตัวเลขที่เหมาะสม ถามด้วยก็ได้ว่าควรจะกินกี่ครั้งต่อวัน และ ต้องกินต่อไปอีกกี่วัน


การใช้เพนดูลั่มที่สำคัญอย่างยิ่งยวดอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งจะกล่าวถึงในรายละเอียดในบทที่ 11 ก็คือการติดต่อกับเทพผู้ควบคุมดูแลกฎแห่งกรรม (Lords of Karma) เพื่อปลดปล่อยกรรม (Karmic Release) อันเป็นไปเพื่อการบำบัดรักษาที่ได้ผล

Lord of Karma Lord of Karma Lord of Karma

แม้ว่าคุณจะไม่ได้มีความสามารถด้านพลังจิตนัก แต่คุณจะแปลกใจในสิ่งที่คุณจะได้รับจากการติดต่อสื่อสารกับเพนดูลั่มของคุณ

การเวิร์ค(ขออนุญาตทับศัพท์) กับเทพท่านนี้เป็นเรื่องของการเปลี่ยนชีวิต และ การยืนยันความเชื่อในเรื่องของชีวิตมาโดยตลอด

ผู้เขียนมีหนังสืออีกหลายเล่มเกี่ยวกับกรรมและการปลดปล่อยกรรม : We Are the Angels, Essential Energy Balancing, Reliance on the Light, Essential Energy Balancing II, Essential Energy Balancing III (กำลังจะมา) ใครติดใจในความรู้และวิธีการถ่ายทอดของผู้เขียนท่านนี้ โปรดช่วยกันอุดหนุนด้วยนะครับ


ผู้เขียนพบว่าการแก้กรรม (Karmic Healing) ส่วนใหญ่จะสามารถเคลียร์ได้เร็ว ง่าย และทันที (ในช่วงชีวิตนี้เอง) ซึ่งถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่จากเทพผู้ควบคุมกฎแห่งกรรม และ แม่ใหญ่นาดาของพวกเรา (Our Great Mother Nada) เป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่พวกเราทุกคนบนโลกนี้ได้รับมา มันควรจะเป็นสิ่งที่พวกเรานำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด ในทุกวิถีทางที่เราจะทำได้

อ่านหน้าต่อไป >