แม้ประวัติของเพนดูลั่มจะหาอ่านได้จากหนังสือทั่วไป แต่ที่ Diane รวบรวมจากหนังสือหลายเล่มมานั้น ได้ผ่านการกลั่นกรองจากมุมมองของเธอมาแล้ว จึงมีสีสันชวนอ่านในแบบของเธอซึ่งเป็นแนวที่อาจจะเป็นเฟมินิสต์หน่อยๆ (มองในมุมของความเสมอภาคในโอกาส และ การแสดงออกของเพศหญิง)

ถ้าจะย้อนรอยดูประวัติศาสตร์ของเพนดูลั่ม ก็ต้องย้อนไปดูประวัติของการพยากรณ์ที่ใช้การเคลื่อนไหวของวัตถุเป็นตัวบ่งชี้คำตอบ ซึ่งในภาษาอังกฤษมีคำศัพท์เฉพาะในรูปคำกริยาว่าดาวส์ (Dowse) แทนคำนามด้วยดาวส์ซิ่ง (Dowsing) และ ผู้พยากรณ์ด้วยวิธีนี้เรียกว่า ดาวส์เซอร์ (Dowser)

เบาะแสของการพยากรณ์ด้วยศาสตร์นี้พบได้ในภาพศิลปะ และวรรณกรรมในยุคหลายพันปีก่อน โดยพบทั่วไปแทบจะทั้งโลก

เช่น เมื่อ 6000 ปีก่อนคริสตกาล ในถ้ำทาสสิลีทางตอนใต้ของประเทศอัลจีเรียซึ่งถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1949  มีภาพร่างของมนุษย์ 4 คน หนึ่งในนั้นถือไม้ 3 ง่าม (Y-rod) 

ส่วนในประเทศจีน ราว 2200 ปีก่อนคริสตกาล เป็นที่ทราบกันว่าจักรพรรดิหยู (Emperor Yu) เป็นนักพยากรณ์ และ นักสำรวจ พระองค์นำพาขบวนเรือไปจนถึงชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา และ เม็กซิโก และ ได้ตราข้อห้ามการสร้างบ้านเรือนในบริเวณที่เรียกว่า Geopathic Zone หรือ เขตอันตรายทางธรณี ซึ่งมาจากการพยากรณ์ของพระองค์เอง

เป็นเวลาอีกนานหลังจากนั้น มาร์โคโปโล นักเดินทางที่มีชื่อเสียงได้เดินทางไปประเทศจีนในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1271-1295 และ ได้รู้จักเพนดูลั่ม ไม้ร็อด และเข็มทิศ จากที่นั่น

นอกจากนี้ก็ยังพบเบาะแสในถิ่นต่าง ๆ อีกมากมายเช่น ตอนกลางของทวีปอัฟริกา อินเดีย สวีเดน เดนมาร์ก มาเลเซีย โพลีนีเซีย เปรู อเมริกายุคก่อนถูกค้นพบ

ในข้อความที่เขียนด้วยอักษรเฮียโรกลิฟฟิคของอียิปต์ ได้กล่าวถึงไม้คฑาวิเศษชื่อว่า เออ-ฮี-กา ซึ่งแปลว่าอำนาจวิเศษที่นำน้ำมาได้  ในพระคริสตธรรมเก่า โมเสส และ แอรอน ใช้ไม้ร็อดในการหาแหล่งน้ำในทะเลทราย

มีบันทึกว่าไม้ร็อดของโมเสสกลายเป็นงูแล้วกั้นขวางน้ำในแม่น้ำไนล์ให้ชาวฮิบรูข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง

พระคริสตธรรมเก่ากล่าวถึงดาวส์ซิ่งอยู่บ่อยครั้ง เช่น กล่าวถึงราชินีชีบา (Sheba) ในฐานะของผู้ที่ใช้การพยากรณ์แบบดาวส์ซิ่ง และ คิงโซโลมอนก็ใช้ดาวส์ซิ่งในการเสี่ยงทายเพื่อเลือกหญิงสาวเข้าฮาเร็ม

กล่าวกันว่าคลีโอพัตรามีนักพยากรณ์ดาวส์เซอร์อยู่ใกล้ตัวตลอด

ไม้ร็อดทำงานต่างจากเพนดูลั่มเล็กน้อยแต่ใช้เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน อาจกล่าวได้ว่าไม้ร็อดเป็นรุ่นแรกเริ่มของการพัฒนามาเป็นเพนดูลั่ม ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดในปัจจุบัน

ประวัติศาสตร์ช่วงหลังที่ยากจะลืมเลือนคือ ช่วงการไต่สวนของสเปน (Spanish Inquisition 1478-1834) สตรีถูกฆ่าตายเป็นล้าน ๆ คนในข้อหาแม่มด

โดยหลายต่อหลายครั้ง มันเริ่มต้นด้วยการกล่าวหาว่า “เธอเป็นดาวส์เซอร์”

แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาเอง (สมัยที่ยังเป็นอาณานิคม) ข้อหาแม่มดก็ยังปรากฏให้เห็น แม้ว่าการดาวส์เพื่อหาแหล่งน้ำก็กระทำกันอย่าง แพร่หลายทั่วไป

เรื่องแม่มดยังติดมาเป็นคำศัพท์ในปัจจุบันที่เรียกการหาน้ำด้วยการดาวส์ว่า Water Witching และ ไม้ง่ามที่ใช้ในการหาแหล่งน้ำก็เรียกว่า Witching Stick ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการผูกโยงการดาวส์ไว้กับการเป็นแม่มดในยุคนั้น 

กลับมาที่สเปน การไต่สวนในสเปนมีวัตถุประสงค์เพื่อถอนรากถอนโคนศาสนาที่บูชาเทพเจ้า หรือ นางฟ้า รวมไปถึงความสามารถของสตรีในเรื่องพลังจิต และ การบำบัดรักษาด้วย เหยื่อ 9 ล้านคนที่ถูกประหารนั้น ส่วนใหญ่ถูกทรมาน ก่อนฆ่าให้ตายด้วยการเผา หรือ แขวนคอ และ เกือบทั้งหมดเป็นผู้หญิง พวกเธอเหล่านั้นคือ ผู้ที่ทำพลีกรรมต่อนางฟ้า นักพลังจิต นักบำบัด นักสมุนไพร นักพยากรณ์ หมอตำแย

ค.ศ. 1518 มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้ก่อตั้งนิกายโปรเตสแตนท์ประกาศว่า การใช้ไม้ร็อดเป็นการฝ่าฝืนบัญญัติข้อแรก (Thou shalt have no other Gods before Me = เจ้าจะต้องไม่นับถือพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์) แปลกแต่จริง ลูเธอร์เป็นบุตรของชาวเหมือง และ อุตสาหกรรมเหมืองนี่เองที่มีการใช้การพยากรณ์แบบดาวส์ซิ่งในการหาสินแร่ ใต้พื้นดินอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

ราชินีเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ (ค.ศ. 1558-1603) ก็ได้นำนักพยากรณ์ชาวเยอรมันมายังคอร์นวอล เพื่อช่วยในการหาสินแร่ดีบุก

ค.ศ. 1600 แม้จะมีการลงโทษอย่างรุนแรง แต่การพยากรณ์เพื่อกิจการเหมืองแร่ก็แพร่หลายไปทั่วยุโรป และ แม้จะมีประโยชน์ถึงอย่างนั้น การพยากรณ์ในลักษณะนี้ก็ยังเป็นที่ระแวงของทางการ

ค.ศ. 1627 ในฝรั่งเศส มาร์ติน เดอ แบร์เท็อโรอ (Martine de Berthereau) แล ะสามีของเธอ บาร็อง เดอ โบโซเล่ย์ เอ โดฟฟงบ๊าซ์ ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาการกระทำตัวเป็นแม่มด

มาร์ตินเป็นผู้มีทักษะในการพยากรณ์แบบดาวส์ซิ่งอย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เธอได้สร้างผลงานในการระบุถ่านหินที่อยู่ใต้ดิน จนเป็นผลให้เปิดเป็นเหมืองที่สร้างกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ถึง 150 แห่ง

เธอได้รับการตอบแทนที่ไม่ค่อยจะสาสมกับความดีของเธอนัก เธอกับสามีได้รับการปล่อยตัวจากการตัดสินครั้งนั้นก็จริง แต่ก็โดนยึดวัสดุอุปกรณ์ไปจนหมด

มาร์ตินได้กลายมาเป็นที่ปรึกษาด้านการทำเหมืองให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งยากจะพบได้สำหรับผู้หญิง และ ด้วยฝีมือการพยากรณ์ของเธออีกเช่นกัน ที่ทำให้เธอค้นพบแหล่งน้ำแร่ ธรรมชาติ ชาโต เทียรี ใน ค.ศ. 1629

ค.ศ. 1640 เดอ แบร์เท็อโรอ ออกหนังสือเกี่ยวกับการพยากรณ์แบบดาวส์ซิ่ง และ อุปกรณ์ที่ใช้ หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า Le restitution de pluton 

ในสมัยนั้นถือว่าแปลกทีเดียวที่ผู้หญิงจะเขียนหนังสือออกมาได้ แถมยังได้รับการพิมพ์เสียด้วย

อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเมื่อเธอกับสามีถูกจับกุมด้วยข้อหาแม่มด อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ทั้งคู่ตายในคุก โดยไม่ได้อยู่ด้วยกัน 

มีเรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่ง คือ ค.ศ. 1701 การติดตามตัวอาชญากรด้วยการดาวส์ถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในฝรั่งเศส ในสมัยนั้นการติดตามคงทำด้วยเพนดูลั่มมากกว่าไม้ร็อด เพราะเพนดูลั่มเป็นที่แพร่หลายแล้ว

การพยากรณ์ด้วยเพนดูลั่มและไม้ร็อด เริ่มเสื่อมความนิยมลงในคริสตศตวรรษที่ 19 (1800-1899) เพราะเป็นยุคที่ต้องการเหตุผลอย่างสุดขั้วจนไม่เปิดใจรับอะไรที่ยังอธิบาย ไม่ได้ และ เผอิญการให้คำตอบจากเพนดูลั่มยังไม่มีคำอธิบายที่นักวิทยาศาสตร์ในยุคนั้นยอมรับได้เสียด้วย

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (1879-1955) มีความสนใจในศาสตร์นี้และตัวเขาเองก็เป็นนักพยากรณ์ด้วย

เขาทำนายว่าวิทยาศาสตร์จะมีคำอธิบายให้กับเพนดูลั่มในวันหนึ่ง

เซอร์ ไอแซค นิวตัน  ลีโอนาโด ดาวินซี  โธมัส เอดิสัน  ล้วนแต่เป็นนักวิทยาศาตร์ที่เป็นนักพยากรณ์ด้วย อย่างไรก็ตามในภาพรวมแล้ว คริสตวรรษที่ 19 การปฏิเสธทุกอย่างที่ไม่สามารถอธิบาย ได้กลายมาเป็นกระแสหลักด้วยความทะนง และ โอหังต่อความเชื่อที่ไม่อาจโยกคลอน ได้ของเหล่านักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ในยุคนั้น

ใน อังกฤษ ทศวรรษที่ 1920 ศาสตร์ที่เกี่ยวกับเพนดูลั่มได้เริ่มกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งหนึ่งในชื่อ ว่า Radiesthesia ซึ่งมาจากรากศัพท์ของคำว่า Radiation กับคำว่า Perception รวมเป็นความหมายว่า ศาสตร์ที่ว่าด้วยการรับรู้ได้ซึ่งรังสีที่แผ่ออกมา (จากร่างกายมนุษย์)

โดยศาสตร์นี้มุ่งเน้นไปที่สุขภาพ ซึ่งนิยมใช้เพนดูลั่มมากว่าไม้ร็อด

ในยุคนั้น แพทย์ชาวฝรั่งเศสมากกว่า 2,500 คนเสียอีกที่ใช้เพนดูลั่มในการตรวจวินิจฉัยโรค และ แนวโน้มเพิ่มขึ้นจนกระทั่งถึงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

การกลับมาของเรื่องทางจิตวิญญาณในโลกยุคใหม่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้ง ที่ 1 และ 2เพราะมีคนตายมากมายในสงครามจนการหาคนกลางมาติดต่อกับผู้ตายกลายมาเป็นเรื่องที่นิยมทำกัน

มาถึงวันนี้ ก็ถือได้ว่า เพนดูลั่มมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานจากดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลก การใช้งานในวันนี้ก้าวหน้าไปจากการทำเหมืองและหาแหล่งน้ำ ไปสู่เรื่องทางจิตวิญญาณ การรักษา การทำงานกับเทพธิดานางฟ้า การปลดปล่อยกรรม และ อื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน

__________________________________________________________________________________________

โดย (มิสเตอร์อลัน)

<อ่านหน้าแรก

กลับขึ้นด้านบน

อ่านตอนต่อไป
อ่านตอนอื่น

สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ

แสดงความคิดเห็นที่นี่