|
|
|
|
ประสบการณ์การใช้เพนดูลั่มของ Diane Stein
ภาวะสมาธิ (หน้า 3)
|
Diane ชักชวนให้ลองเทคนิคการทำสมาธิอีกแบบหนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้เขียนไว้ใน Psychic Healing with Spirit Guides and Angels
หลักการก็คือ การจับลมหายใจ ซึ่งเป็นหลักการที่พบได้ในการทำสมาธิทั้งแบบตะวันออก และ ตะวันตก ลองใช้วิธีนี้ดู หลังจากที่คุณได้ใช้เวลา 10 นาทีในการทำให้จิตให้ว่างมาแล้ว (หรือจะใช้วิธีนี้แทนไปเลยก็ได้ แล้วแต่ความถนัด)
ขั้นแรกหายใจออกก่อน จากนั้นใช้นิ้วโป้งมือขวาปิดรูจมูกข้างขวา สูดลมหายใจเข้าไปทางรูจมูกซ้ายพร้อมกับนับ 1 ถึง 4 (ในใจ)
ต่อไปให้ปิดรูจมูกซ้ายด้วยนิ้วชี้มือขวา และ กลั้นหายใจพร้อมนับ 1 ถึง 16
ปล่อยนิ้วโป้งขวา และ หายใจออกทางรูจมูกขวาพร้อมนับ 1 ถึง 8
ทำซ้ำอีกครั้งหนึ่ง โดยยังคงกดนิ้วชี้ขวาค้างไว้ที่รูจมูกซ้าย และ เริ่มรอบสองด้วยการสูดลมหายใจเข้าทางรูจมูกขวา (ตรงข้ามกับรอบแรกที่สูดลมหายใจเข้าทางรูจมูกซ้าย)
การปฏิบัติตามวิธีการที่กล่าวมานี้เรียกว่าเป็นการ “ทำลมหายใจให้บริสุทธิ์” อย่าทำซ้ำเกิน 4 ครั้ง ในการฝึกฝนครั้งหนึ่ง
ถ้าการนับจังหวะเป็นตัวเลข 4, 16, และ 8 ข้างต้นนี้ทำให้คุณรู้สึกอึดอัดขัดข้อง ไม่สบายตัว ขอให้ลองเปลี่ยนไปใช้จังหวะ 2, 8, และ 4 แทน เพื่อให้การหายใจของคุณคล้ายปกติที่สุด
อย่าบังคับด้วยการสูดอากาศเข้ามากมาย หรือ กลั้นหายใจนานมาก ๆ แต่จงรักษาระดับการหายใจให้รู้สึกสบายให้มากที่สุด จดจ่ออยู่กับการนับ และ ถ้าใจคุณกระเจิดกระเจิงไปที่อื่น ก็ขอให้นำกลับมาที่การนับอีก
หลังจากที่ทำครบ 4 ครั้ง ก็ให้กลับมาหายใจตามปกติ (ที่เชื่องช้า) พยายามรักษาความนิ่งภายในใจเอาไว้ มีสติคอยสังเกตความคิดที่วิ่งผ่านเข้ามา ถ้าพบ ก็เหมือนเดิมคือ ก็แค่รู้ แล้วปล่อยไป
ถ้าคุณผ่านกระบวนการนี้แล้ว คุณจะพบว่ามีความนิ่งสงบอยู่ภายใน และก็เป็นเวลาที่จะหยิบเพนดูลั่มแล้วล่ะ
ถ้าความรู้สึกนิ่งสงบนี้ เป็นของใหม่สำหรับคุณ ก็ปล่อยใจให้รู้จักมัน และ จำความรู้สึกนี้เอาไว้ ถ้าจำได้ มันจะง่ายขึ้นในการเข้าถึงจุดนี้ในครั้งต่อไป
มีวิธีฝึกสมาธิอีกวิธีหนึ่งเรียกว่าต้นไม้แห่งชีวิต (Tree of Life Meditation) ซึ่งมีรากฐานจากพุทธศาสนาในทิเบต และ เป็นที่นิยมฝึกหัดกันในหมู่ชาววิคคาน
Diane เองตอนเริ่มฝึกสมาธิเป็นครั้งแรกก็ใช้วิธีนี้ หลังจากที่ฝึกอยู่หลายสัปดาห์ เธอก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับพลังกุณฑาลินีเป็น ครั้งแรก คือ แสงที่พุ่งขึ้นจากจักระล่างสุดขึ้นไปสู่จักระบนสุดทะลุออกไป แล้วกลับลงมาในความรู้สึกที่เข้มข้น ด้วยสีสันที่ไม่สามารถอธิบายได้
เธอคิดว่ามันคล้ายดอกไม้ไฟที่ใหญ่ที่สุดในงานวันชาติอเมริกัน (Fourth of July)
ตอนที่เกิดประสบการณ์นี้เธออยู่กลางแจ้ง นอนหลังสัมผัสพื้นอยู่ใต้ต้นเมเปิ้ลขนาดใหญ่ แม้ว่าประสบการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเธออีกเนิ่นนาน แต่นั่นไม่สามารถหยุดยั้งเธอจากความเชื่อในการมีอยู่จริงของประสบการณ์ทาง สมาธิ
การทำสมาธิในรูปแบบนี้เรียกว่าการสร้างนิมิตทางจิต (Guided Visualization หรือ Guided Journey)
และ ถ้าหากคุณเริ่มคุ้นเคยกับการทำสมาธิในห้องบูชาแล้วล่ะก็ คุณจะเปลี่ยนไปลองนอกบ้านภายใต้ธรรมชาติที่เงียบสงบบ้างก็ได้
เช่นเคย เตรียมตัวในห้องที่เงียบสงบ ปิดสิ่งรบกวนต่างๆ จุดเทียน ทำตัวให้สบาย โยกตัวซ้าย ขวา หน้า หลัง เพื่อหาจุดศูนย์ หายใจเข้าออกลึกๆช้าๆ สองสามครั้ง ปล่อยวางความกังวล หรือเผามันไปในเปลวไฟจากเทียน
ถ้าคุณไม่หลับง่าย จะนอนทำสมาธิก็ได้ มิเช่นนั้นก็จงหลังตรงบนเก้าอี้ เท้าวางอย่างมั่นคงบนพื้น และเพราะว่านี่เป็นการทำสมาธิโดยการสร้างนิมิต คุณสามารถเติมสิ่งต่าง ๆ เข้าไปสู่ประสาทการรับรู้ของคุณได้ ไม่จำเป็นต้องจำกัดเพียงแค่ภาพนิมิตที่สร้างโดยจิต
คุณสามารถใช้ภาพที่เห็นได้ด้วยตา เสียง กลิ่น ความรู้สึก และสีสันต่างๆ
เริ่มแรก ให้สร้างมโนภาพเป็นต้นไม้โบราณที่สวยงามตระการตา ซึ่งจะเป็นต้นไม้ที่คุณรู้จักจริง หรือ จะเป็นต้นไม้ที่คุณจินตนาการขึ้นมาเองก็ได้
ต่อมาให้คุณกลายมาเป็นต้นไม้นั้น รากของต้นไม้แผ่กระจายแตกแขนงลึกลงไปในดิน สร้างภาพของรากที่กำลังแผ่ลึกและลึกลงไปใต้ผิวโลกจนกระทั่งไปสัมผัสกับ แกนกลางของโลกที่มีแสงสว่าง สีอะไรก็แล้วแต่ รากที่แตะแกนโลกนี้ ขอให้เกาะติดอย่างมั่นคงและถาวร
เมื่อคุณได้เชื่อมต่อตนเองเข้ากับแกนโลกแล้ว จงดึงแสงสว่างจากแกนโลก ราวกับรากดูดแสงขึ้นมา
คุณเห็นแสงนั้นเป็นสีอะไร? และ สีนั้นเปลี่ยนแปลงหรือไม่?
แสงวิ่งผ่านแขนงรากที่สลับซับซ้อนขึ้นมายังลำต้น ดึงแสงให้ผ่านเข้าไปยังทุกกิ่งก้านซึ่งกระจายออกไปจากลำต้น ทำต่อไปจนกระทั่งมีแสงสว่างไปทั่วทุกกิ่งก้านไปจนถึงกิ่งเล็ก ที่ปลายกิ่งมีใบสีเขียว และ เขียวอมเหลือง มีดอกไม้เล็ก ๆ สีขาว (หรือจะเป็นเหลือง แดง ชมพู) แล ะมีผลสีทอง (หรือม่วง ส้ม แดง) ผลไม้หน้าตาเป็นเช่นไรบนต้นไม้ของคุณ?
อาบทุกส่วนตั้งแต่รากขึ้นมาจนถึงปลายยอดด้วยแสง
เมื่อตัวคุณอาบไปด้วยแสงตั้งแต่รากจนถึงดอก และ ผล อาบอย่างชุ่มอิ่มจนไม่สามารถที่จะเพิ่มเติมได้อีกแล้ว ก็ให้เห็นการไหลของแสงจากต้นกลับลงไปในดิน ให้เห็นการจากไปของแสงจากใบ ดอก ผล กิ่ง ก้าน ประหนึ่งเม็ดฝนของแสงที่เจิดจ้าตกลงมา แสงสว่างตกลงมาจากปลายบนสุดมายังดิน และ กลับไปยังแกนกลางของโลก รากของคุณก็ดึงแสงกลับขึ้นมาอีก การไหลเวียนของแสงจะขึ้นและลงในลักษณะนี้
คุณสามารถทำต่อเนื่องเช่นนี้ไปได้นานเท่าที่ต้องการ และในตอนที่จะจบก็ให้แสงกลับลงไปที่แกนกลางของโลก เป็นอันจบกระบวนการ
คงอยู่ในความสงบอีกสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนไหว
การทำสมาธิวิธีนี้จะทำให้คุณรู้สึกปลอดโปร่ง สงบ มีพลัง ซึ่งเป็นที่สุดโปรดปรานของ Diane (และเหล่าแม่มดสมัยใหม่อีกหลายตน)
ทำซ้ำอีกตามที่คุณต้องการ มันจะทำให้เกิดทักษะในการสร้างนิมิตทางจิต นอกจากนั้นยังช่วยในการเป็นจักระกุณฑาลินี และ ช่วยเตรียมตัวคุณให้พร้อมสำหรับงานที่เกี่ยวกับจิต รวมถึงการใช้เพนดูลั่มด้วย
จุดประสงค์ของการทำสมาธิก็คือการสร้างสภาวะทางจิตที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นสภาวะการรับรู้ที่เฉียบคมขึ้น
กระบวนการทางความคิดของคนเรามีวิธีการทำงานที่แตกต่างในระดับการรับรู้ที่แตกต่าง เช่น การรับรู้ของเราในขณะหลับพักผ่อน ย่อมแตกต่างเป็นอย่างมากจากการรับรู้ในสภาวะที่ตื่น
เมื่อคลื่นสมองเบต้า (Beta) ที่ใช้ในกิจวัตรประจำวันเปลี่ยนไปอยู่ในสภาวะของคลื่นสมองอัลฟ่า (Alpha) ซึ่งช้ากว่า ความคิดสร้างสรรค์ และ การความคิดในเชิงลึกต่างๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้
เรายังสามารถลงลึกไปในระดับของคลื่นสมองเธต้า (Theta) ซึ่งเป็นสภาวะที่ช้ามากใช้กันในการสะกดจิต ส่วนการหลับคือสภาวะของคลื่นสมองเดลต้า (Delta) ซึ่งช้าจนถึงหยุดนิ่ง
การทำสมาธิก่อให้เกิดสภาวะเหล่านี้และควบคุมมัน การทำสมาธิสามารถนำเราจากคลื่นเบต้าของชีวิตประจำวัน ไปยังคลื่นอัลฟ่าของการสร้างสรรค์ และในบางครั้งก็ลึกกว่า ระดับการรับรู้ที่แตกต่าง และวิธีที่จะเข้าถึงมันนั้น เป็นที่รับรู้และเข้าใจกันเป็นอย่างดีในโลกตะวันออก
ในขณะที่ชาวตะวันตกหันไปใช้ยาเพื่อทำให้เกิดสภาวะทางจิตที่พวกเขาไม่สามารถ สร้างขึ้นได้โดยตัวของเขาเอง แน่นอนว่าการทำสมาธิย่อมดีกว่าการใช้ยาใด ๆ
สมาธิให้ความรู้สึกที่ดี ความรู้สึกตัวโดยตลอด ก่อให้เกิดความสงบที่มาจากภายใน การสื่อสารได้กับเหล่าทวยเทพ และที่สำคัญมันถูกกฎหมาย ไม่ทำให้อ้วน และไม่เป็นสารเสพติด
การจดจ่ออยู่กับเปลวเทียนก็ตาม กับน้ำในชามก็ตาม กับการนับลมหายใจก็ตาม หรือ กับต้นไม้ในนิมิตที่สร้างขึ้นก็ตามล้วนแต่พัฒนาจิตที่แน่วนิ่ง แม้คุณอาจจะไม่รับรู้ได้ถึงความนิ่งดังกล่าวในขณะที่คุณกำลังมุ่งมั่นที่จะทำให้ใจว่างอยู่
การใช้เพนดูลั่มไม่ได้ต้องการสภาวะที่นิ่งในระดับที่ฝึกสมาธิแบบตะวันออก (ฌาน) แต่ต้องการความสามารถในการจดจ่อจิตอยู่นิ่งสักระยะหนึ่ง ซึ่งการทำสมาธิในรูปแบบที่กล่าวมาทั้งหมดสามารถช่วยพัฒนาความสามารถทั้งสองแบบได้
ถ้าคุณต้องการจะพัฒนาความสามารถทางจิต นี่แหละคือหนทางของมัน
ไปหน้า 1, 2 < >4
|