ตอน 10 หน้า 2

คืนแห่งความฉงน

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

เวลาสองทุ่มผ่านไป อาการเขม็งเกลียวทั้งหมดของร่างกายเริ่มผ่อนคลายกลับสู่ภาวะปกติ

ภาพของพระนางจันทิมาในชุดหญิงสุวรรณภูมิปรากฏในมโนภาพ

"คืนนี้ ท่านบอกให้คนของท่านนำขิงทุบ ต้มน้ำให้ท่านดื่มสักหนึ่งแก้ว"

แอนดี้ ตั้งจิตยกมือไหว้พระนาง

"ขอบพระคุณท่านพระนาง ! เจ้ากรรมของผมนี่ปรานีผมเหลือเกิน เล่นผมซะแทบจะขาดใจ มีการฆ่าตัวตายอย่างไหนที่ไม่บาปบ้าง ? ถ้าตายไปได้ก็ไม่ต้องมาทนทรมานอยู่อย่างนี้"

พระนางตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเมตตา

"ท่านตายตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ กิจทั้งหลายที่ท่านได้ดั้นด้นฝ่าฟันมาก็จะเสียเปล่า ท่านก็คงได้ขึ้นมาพักอยู่สักไม่นาน แล้วท่านก็ต้องลงไปเกิดอีก เจ้ากรรมพวกนี้ ก็รอกัดกินสังขารท่านในภพต่อไปอยู่ดี"

แอนดี้รู้ในคำตอบนี้ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ การได้พูดระบายกับใครสักคน ก็ช่วยทำให้อารมณ์ที่ตึงเครียดจากการรับโรคร้ายผ่อนคลายลงได้บ้าง

"คืนนี้ ท่านจะสอนวิชาย้ายเส้นเอ็นต่อหรือครับ ?"

"คงไม่ ! สิ่งที่สอนไป ท่านจงฝึกเป็นประจำไปก่อน ทบทวนท่าทางให้ชำนาญ ท่าทางเหล่านั้นจะปรับย้ายเส้นลมปราณของท่านได้"

"ครับ ! ผมมีเรื่องขอท่านพระนางหนึ่งเรื่อง อยากให้ท่านกรุณา"

พระนางส่งยิ้มให้

"ท่านจะขอสิ่งใด จงว่ามา"

"ผมอยากให้ท่านได้โปรดยกโทษให้เด็กคนนั้น ถอนอาคมจากเธอ นี่มันก็เลยเจ็ดวันไปแล้ว บทเรียนนี้น่าจะเป็นที่หลาบจำของเด็กคนนั้นแล้ว"

เสียงพระนางเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดทันที

"ไม่ ! นังเด็กไร้มารยาทนั่น สมควรที่จะโดนของหนัก มันหารู้ไม่ว่า มันมาลองดีกับคนของเรา เราคือพระนางจันทิมา ผู้เป็นเลิศในไสยเวทย์ ผู้มีวิชาอาคมใดในหล้า ก็ยังต้องยอมสยบให้แก่เรา หากนังเด็กคนนั้นแน่จริง มันจะต้องหาทางแก้ไขอาคมของเราได้ด้วยตัวมันเอง"

"เธอจะไปหาทางแก้อาคมของท่านได้ยังไงครับ ในเมื่อสติของเธอยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ? การลงโทษหนักขนาดนี้ มันจะไม่เป็นกรรมติดตัวท่านต่อไปเหรอครับ ?"

พระนางหัวเราะเสียงดัง

"เพื่อปกป้องท่าน กรรมอื่นใดที่หนักหนาสาหัสมากกว่านี้ เราก็ยอมชดใช้มาแล้ว เราไม่เคยกลัวนรก ไม่เคยมีใครขู่เราให้กลัวสิ่งใด ๆ ได้ เราคือพระนางจันทิมา ท่านน่าจะรู้จักเราดีที่สุด หากท่านระลึกทุกอย่างได้"

แอนดี้หมดปัญญาที่จะโต้เถียง คำพูดบางคำคงได้เข้าไปจี้จุดในจิตของพระนาง ถึงทำให้พระนางมีอารมณ์ขึ้นปานนี้

เขาเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องสนทนา

"ผมอยากรู้เรื่องภัยพิบัติต่าง ๆ ถ้าผมมีหน้าที่ต้องช่วยบรรเทาภัยเหล่านี้แล้ว ผมอยากจะรู้ว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในประเทศไทย แล้ววิชาที่ท่านสอนผมนั้น ถ้าผมเผยแพร่ไปแล้ว มันจะช่วยภัยพิบัติได้อย่างไร ?"

พระนางเปลี่ยนอารมณ์มาเป็นน้ำเสียงที่ราบเรียบ

"คำว่าภัยพิบัติ หากท่านจะเข้าใจว่า มันคือ ภัยจากน้ำ ภัยจากลม ภัยจากแผ่นดินไหว ภัยจากไฟ เท่านั้น มันยังไม่ครบ ภัยพิบัตินั้นยังรวมไปถึงโรคร้ายต่าง ๆ ที่จะแพร่กระจายในกลุ่มมนุษย์ด้วยกันเองด้วย

เราเองนั้น เป็นผู้ประสานงานกับชาวโลกทิพย์ที่จะทำงานเพื่อบรรเทาภัยพิบัติต่าง ๆ แต่ชาวโลกทิพย์เอง ก็ต้องการพลังจากหมู่มวลมนุษย์ถึงจะทำงานได้สำเร็จ

การบรรเทาภัยพิบัติที่ชาวโลกทิพย์ทำนั้น แตกต่างจากที่มนุษย์เข้าใจ พวกเราไม่ได้ช่วยมนุษย์สร้างเขื่อน ไม่ได้ช่วยมนุษย์ปลูกต้นไม้ ไม่ได้ช่วยมนุษย์ก่อสร้างวัตถุต่าง ๆ เพื่อป้องกันภัยเหล่านั้น เพราะมันป้องกันไม่ได้ สิ่งที่พวกเราทำ คือ การนำพลังของมนุษย์ไปสลายกำลังของภัยเหล่านั้นด้วยพลังทิพย์"

แอนดี้รับฟัง ถึงแม้เขายังไม่เข้าใจถ่องแท้ แต่ก็พอจะจับหลักการอะไรบางอย่างได้

พระนางอธิบายต่อ

"ในอดีต ท่านเคยฝึกวิชาสุริยันจันทรามาก่อน ในสมัยนั้น วิชานี้ถูกเรียกว่า พลังอันธิกาวิภาดา เป็นพลังแห่งความมืด และ ความสว่าง ซึ่งได้มาจากพระจันทร์ และ พระอาทิตย์ พลังเหล่านี้สามารถบรรเทาภัยพิบัติในสมัยนั้นได้"

"อันธิกาวิภาดา ! ผมเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน"

พระนางหัวเราะเบา ๆ

"แล้วท่านเคยได้ยินชื่อ พระนางจันทิมา - พระชายาจรัสศรี หรือไม่ ?"

แอนดี้ส่ายหัว

พระนางอธิบายความ

"ในภพที่ท่านฝึกวิชาอันธิกาวิภาดาได้คล่องตัวที่สุด ชาตินั้น ท่านมีครูผู้ถ่ายทอดพลังแห่งความมืดให้แก่ท่าน เดิมทีนั้น วิชานี้ เป็นของสองศรีพี่น้องจันทิมา และ จรัสศรี

จรัสศรีนั้นเชี่ยวชาญในวิชาสุริยัน หรือ ในขณะนั้น เรียกว่า พลังวิภาดา ส่วนจันทิมาผู้เป็นพี่สาว ถนัดในวิชาจันทรา หรือ พลังอันธิกา

ต่อมา จันทิมาได้ถ่ายทอดวิชาพลังอันธิกาให้กับท่าน เพื่อใช้คู่กับพลังวิภาดาของจรัสศรี

ในภพนั้น ท่าน และ จรัสศรี ได้ใช้พลังอันธิกาวิภาดา กำราบธรณียาตราได้เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่คนในนคร"

แอนดี้ถามคำศัพท์ที่ไม่คุ้นหู

"ธรณียาตรา คือ อะไรครับ ?"

"ธรณียาตรา คือ แผ่นดินไหว"

แอนดี้พยักหน้าช้า ๆ

"อือ ! ผมเคยสยบแผ่นดินไหวได้ !"

"ถูกต้อง ! วิชาเหล่านั้นติดตัวท่านมาทุกภพทุกชาติ เพียงแต่ท่านรื้อฟื้น ไม่นานนัก ท่านจักเรียกคืนพลังเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ได้"

"แล้วจรัสศรีล่ะครับ ? ผมยังต้องการจรัสศรีมาช่วยด้วยหรือเปล่า มันถึงจะสมบูรณ์ ?"

พระนางพยักหน้า แล้วส่งยิ้มให้

"แน่นอน ! จรัสศรีจะมาช่วยท่านในภพนี้ หากไม่ได้นาง พลังของท่านก็ไร้ประโยชน์

ท่าน และ จรัสศรี จะเป็นผู้นำในการบรรเทาภัยพิบัติด้วยพลังทิพย์ ส่วนสาวก หรือ บริวารของท่าน ก็จะช่วยส่งพลังอันบริสุทธิ์เป็นฐานให้กับท่าน และ ชาวโลกทิพย์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องฝึกวิชาอะไรพิเศษมากมาย นอกจากการปฏิบัติสมาธิแบบง่าย ๆ ซึ่งเราจะเป็นผู้แนะนำท่านในโอกาสต่อไป"

แอนดี้พยักหน้ารับรู้

"เช่นนั้น ราตรีนี้ เราขออำลาท่านด้วยการสนทนาเพียงแค่นี้ มีใครกำลังรอสนทนากับท่านอยู่"

ภาพของพรหมหนุ่มในชุดเสื้อสูทสากล กางเกงแสลค ผูกไทสีแดงสด ปรากฏต่อหน้าแทนภาพของพระนางจันทิมา

แอนดี้หัวเราะ

"จะไปประชุมคณะรัฐมนตรีเหรอครับ ท่านลุง ?"

ท่านลุงยักคิ้วข้างเดียวให้หลาน

"เดี๋ยวจะไปเป็นทูต"

"อยากจะให้ประเทศไหนเค้ารบกันเหรอครับ ถึงส่งท่านลุงไปเป็นทูต ?"

ท่านลุงในชุดแต่งกายผู้บริหาร ยืนท้าวเอว

"อ้ายนี่ ! ดูถูกข้า ! บทข้าจะเจรจาต๊าอ่วย อ่อนหวาน ข้าก็ทำได้ วันนี้แต่งชุดนี้ เพราะจะไปเฝ้าท่านท้าวสหัมบดีพรหม"

"ต้องแต่งตัวขนาดนี้เลยเหรอครับ ? เครื่องทรงพรหมสวย ๆ ตั้งเยอะแยะทำไมท่านไม่เลือกซักชุด หรือ บารมีท่านสว่างไสวไม่พอ ? กลับมาเลือกสูทเมืองมนุษย์ แปลกพรหมจริง ๆ !"

ท่านลุงเชิดหน้า

"ช่างชั้นเถอะน่า ! ชั้นจะแต่งอะไร ไปหนักลูกกะตาแกตรงไหน ?"

แอนดี้หัวเราะ

"อ้าว ! แล้วท่านลุงแต่งมาให้ผมดูทำไม ? อย่าเลยน่า ! ท่านกะจะแต่งมาให้ผมวิจารณ์อยู่แล้ว รู้นะ ! ว่าท่านอยู่เฉย ๆ ก็เหงา ท่านพยายามสรรหาเรื่องมาชวนทะเลาะกับผม จริง ๆ ท่านเหงามากกว่า"

ท่านพรหมนักการทูตยกมือชี้หน้า

"แกอย่ามาทำเป็นรู้ดี ! ไอ้ที่ชั้นจะไปเข้าพบปรึกษากับท่านท้าวสหัมบดีพรหมนี่ก็เรื่องของแกนั่นแหละ"

"หือ ! เรื่องอะไรของผมครับ ?"

"แกก็รู้ว่าพระนางจันทิมา ท่านเป็นคนเด็ดขาด คำไหนคำนั้น จะไปตำหนิท่านก็ไม่ถูก เพราะอดีต ด้วยความเด็ดขาดของพระนาง ก็ได้ช่วยชีวิตแกมานับครั้งไม่ถ้วน พระนางเป็นที่ยำเกรงของศัตรูแก แต่พระนางจันทิมานี่ เคยเกิดเป็นลูกเป็นหลานท่านสหัมบดีพรหมมานับชาติไม่ถ้วน คงมีแต่ท่านสหัมบดีพรหม ที่พอจะช่วยแกได้"

แอนดี้พยักหน้าเข้าใจท้าวสหัมบดีพรหม

"ขอบคุณท่านลุงมากครับ ท่านปู่สหัมบดีพรหมคงมีเมตตาช่วยเหลือพวกเรา เราก็ถือว่าเป็นหลานท่านใช่มั้ยครับ ?"

ท่านลุงพยักหน้า

"ใช่ ! ถ้านับว่าท่านสหัมบดีพรหม เคยเกิดเป็นพ่อของหลวงพ่ออุทัยธานีอยู่หลายชาติหลายสมัย แกเองซึ่งก็เป็นลูกของหลวงพ่อ ก็ถือว่าเป็นหลานของท่านสหัมบดีพรหม เรื่องต่าง ๆ นี่ถ้าเป็นประโยชน์ต่อกิจในพุทธศาสนาแล้ว ท่านยินดีช่วยเหลือเสมอ"

แอนดี้ยกมือขึ้นพนม

"กราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่านปู่ ผมอยากให้ศิษย์คนโปรดของคุณครูยาใจกลับมาเป็นปกติเร็วที่สุด ไม่งั้น เรื่องราวต่าง ๆ คงจะวุ่นวายไปมากกว่านี้"

ก๊อก ๆ !

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

คงเป็นเอนกซึ่งรับหน้าที่เฝ้าไข้แทนน้องสาวในคืนนี้ ที่มาเคาะประตูเรียก

************************************************************************************



ความเพลียจากการตื่นแต่เช้าตรู่ การทำงานทั้งวัน และ การเดินทางจากฟันปาร์คมาถึงศาลายา ทำให้รุ่งผล็อยหลับในระหว่างคอนเสิร์ตกำลังแสดง

เพลงบรรเลงช้า ๆ กับแอร์ที่เย็นฉ่ำในห้องออดิโทเรี่ยม ทำให้เขาฝืนความต้องการของร่างกายไม่ได้

สกลนั่งติดกับรุ่ง เขาชี้นิ้วให้แคลร์หันมาดู

สาวอินเดียนซึ่งนั่งติดกับรุ่งหันมามอง แล้วหัวเราะหึ ๆ เธอปล่อยให้รุ่งเพลิดเพลินกับการบรรทมต่อไป

ท่ามกลางความสงัดในจิตที่กำลังดิ่งลึก เสียงร้องของผู้หญิง กลับดังขึ้นที่ข้างหู

"พี่ชื้น !"

รุ่งสะดุ้งเฮือกสุดตัว ข้อศอกกระแทกไปที่แขนของสกล

เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่หัวเราะ

"เฮ่ย ! ไอ้บ้านี่ ! เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือไง ? ผวาซะอย่างกับโดนผีหลอก"

รุ่งสูดหายใจเข้าอย่างลึก แล้วสะบัดหัวเพื่อไล่ความง่วง

โทรศัพท์มือถือที่เขาพกในกระเป๋ากางเกงมีสัญญาณสั่นเตือนการเรียกเข้า เขาค่อย ๆ ล้วงมือหยิบโทรศัพท์ออกมา

หน้าจอแสดงชื่อ ธรรม์

เขากดปุ่มรับสายทันที

"รุ่ง ! พี่ธรรม์พูดนะ รุ่งช่วยออกมาดูคุณหงส์หน่อย เธอปวดท้องมาก ตอนนี้พี่อยู่ที่ชั้นล่างนะ"

"โอเคครับ !"

เขาตอบสั้น ๆ แล้วหันไปบอกสกล

"พี่สกล ! ผมมีเรื่องต้องออกไปนอกห้อง ถ้าผมไม่ได้เข้ามา คอนเสิร์ตเลิกแล้วพี่โทรหาผมแล้วกัน"

เขาค่อย ๆ เดิมค้อมหลังออกจากแถวที่นั่ง แล้วเดินมุ่งตรงออกประตูหลังของห้อง

พี่ธรรม์คงรู้เรื่องราวของตัวเขากับธรรมชาติบำบัดมาจากสมาชิกครอบครัวไตรสรณ์ ถึงได้นึกถึงเขาในตอนนี้

***********************************************************************************

1 < อ่านหน้า > 3
สั่งซื้อ นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก กดที่นี่