เลอหงส์นั่งก้มหน้าตัวงออยู่บนเก้าอี้ มือหนึ่งกำลังกดท้อง

ธรรม์โบกมือเรียกรุ่ง

"รุ่ง ! ทางนี้ !"

รุ่งรีบเดินเข้ามาหาคนป่วย แล้วคุกเข่าลง

ใบหน้าของหงส์แทบจะไม่มีสีเลือด เมคอัพบาง ๆ ทำให้เห็นความซีดบนใบหน้าได้อย่างชัดเจน

ธรรม์พูดขึ้น

"เป็นไส้ติ่งอักเสบหรือเปล่า ?"

เขาเงยหน้าขึ้นพูดกับธรรม์

"พี่ธรรม์ พาคุณหงส์ออกไปนั่งที่เก้าอี้ใต้ตึกเรียนข้างนอกนั่นดีกว่า จะได้มีที่เป็นสัดส่วนหน่อย"

ธรรม์พยักหน้า เขาคุกเข่าลง

"ยังเดินไหวมั้ย หงส์ ?"

คนป่วยพยักหน้า

ธรรม์ใช้มือช่วยพยุงแขนให้คนป่วยลุกขึ้นยืน รุ่งเดินนำหน้าเปิดประตูห้องออกมา

จิตนึกอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทันที เริ่มต้นด้วยสมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ และ หลวงพ่อที่อุทัยธานี แล้วต่อด้วยคำสมาทานพระกรรมฐานอย่างสั้น

'ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะแห่งเมฆจิต สามารถกำหนดจิต รู้ภาวะการณ์ต่าง ๆ ทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบัน ได้ทุกขณะจิต ที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้ว ขอให้เห็นภาพนั้น ได้ชัดเจนแจ่มใส และพยากรณ์ได้ ตามความเป็นจริงทุกประการ'

ตัวเขาเดินมาถึงบริเวณโต๊ะเก้าอี้ใต้โถงตึกเรียน

เขาเลือกมุมที่หลบจากสายตาของคนที่จะเดินผ่าน แล้วชี้ไปที่เก้าอี้ไม้ยาว

"นั่งตรงนี้ดีกว่าครับ"

ธรรม์ค่อย ๆ ประคองไหล่สองข้างของหงส์ เพื่อให้นั่งลงบนเก้าอี้ยาว

หน้าตาของหงส์น้อยบ่งบอกถึงความเจ็บปวด มือข้างหนึ่ง กดลงที่บริเวณราวสะดืออยู่ตลอดเวลา

รุ่งยืนที่ข้างโต๊ะ เคลียร์ลมหายใจหยาบ โดยการหายใจเฮือกที่แรงที่สุด สองสามครั้ง แล้วค่อย ๆ หลับตา หายใจปกติ

ภาพที่เห็นคือ รูปโครงร่างของผู้หญิงสาว บริเวณท้องเป็นสีแดง

จิตตั้งคำถาม

'สีแดงนั้นคืออะไร ? ไฟใช่หรือไม่ ?'

ภาพที่เห็น เป็นลมปั่นป่วน วิ่งขึ้นลง หาทางออก

'เป็นลมนั่นเอง ! คลายด้วยสิ่งใด ?'

ภาพกองไฟผุดขึ้นในมโนจิต

'คลายด้วยธาตุไฟ ! ด้วยวิธีใด ? ดื่ม เคี้ยว หรือ ประคบ ?'

ภาพผ้าขนหนูปรากฏขึ้น ความรู้สึกในมโนสัมผัส ผ้าผืนนี้มีความร้อน

'ประคบด้วยของร้อน ! แค่นี้เพียงพอ ?'

ภาพต่อมาที่เห็น คือ ภาพของตัวเขา กำลังปฐมพยาบาลคนป่วยด้วยการนวดน่อง ซึ่งนี่เป็นวิธีที่ท่านปู่แห่งตำหนักของคุณนงเคยบำบัดให้เขามาก่อน

ภาพถัดมา คือ คนป่วยเข้าห้องน้ำเพื่อถ่าย

เขาสรุปความเข้าใจ แล้วลืมตา

"พี่ธรรม์ครับ เราต้องหาของร้อนมาประคบที่ท้อง เราจะไปหาผ้าขนหนูกับน้ำร้อนได้ที่ไหนดี ?"

ธรรม์ใช้ความคิด

"ใช้ยาหม่องแทนได้มั้ย ? ยาหม่องก็ร้อนเหมือนกัน"

รุ่งพยักหน้า

"ได้ครับ ! พี่ธรรม์มีเหรอครับ ?"

"มี อยู่ในรถ แต่พี่ต้องเดินไปเอา ไกลหน่อย ไม่เป็นไร รุ่งดูแลคุณหงส์อยู่ตรงนี้ก่อน"

ธรรม์เดินผละออกมาทันที

รุ่งคุกเข่าลงข้างหน้าคนป่วย

"ไม่ได้เจ็บที่ข้างขวาใช่มั้ยครับ ?"

หงส์สั่นหัว เธอยืดตัวตรง แล้วคลำบริเวณเหนือสะดือ

"เจ็บตรงนี้ค่ะ !"

เธอขดหลัง ก้มตัวงอลงเหมือนเดิม

"ไม่ใช่ใส้ติ่ง ไม่มีไข้ใช่มั้ยครับ ?"

หงส์ยื่นแขนออกมาให้เขาจับ

รุ่งยื่นหลังมือไปแตะที่ท้องแขน

"ตัวเย็นเฉียบเลย !"

หงส์คว้าข้อมือเขา แล้วเลื่อนมือเธอมากุมที่ฝ่ามือของเขา เธอก้มหน้าลงจนหัวแทบชนกับเข่าตัวเอง มืออีกข้างยังกดที่ท้องตัวเอง มืออีกข้างหนึ่ง บีบฝ่ามือของรุ่งจนแน่น

รุ่งบีบมือกลับเป็นการตอบรับ

"ไม่เป็นไรนะคุณหงส์ ! ไม่ใช่ไส้ติ่งอักเสบ รออีกแป๊บนึง"

หงส์ผงกหัว

รุ่งมองไปที่มือของเขาที่กำลังถูกคนป่วยกุมจนแน่น เขาหันหลังไปมองที่ทางเดิน

ธรรม์ยังไม่เดินกลับมา

รุ่งเอื้อมมืออีกข้างขึ้นวางบนหัวของคนป่วย แล้วลูบเบา ๆ

"ไม่เป็นไรนะ ! เดี๋ยวมันก็ผ่านไป !"

'แปะ !' ..... น้ำตาของคนป่วยหยดลงบนพื้นห้องโถง

มือของหงส์กระชับฝ่ามือของเขาอยู่เป็นระยะ ๆ สักพักก็บีบแน่น แล้วก็คลาย แล้วก็กลับมาบีบแน่นอีก

นิ้วโป้งของคนป่วย แตะบนหลังมือของเขา แล้วลูบไปมา เหมือนกับเป็นการย้ำว่า เธอรับรู้ในสัมผัสนี้อยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่เพียงแค่หาวัตถุใดก็ได้มาฉวยไว้เพื่อแก้อาการ

เวลาเริ่มผ่านไปมากกว่าห้านาที เขานั่งคุกเข่าอยู่อย่างนั้น จนรู้สึกถึงอาการเมื่อยเกร็งที่ข้อเท้า

เสียงรองเท้าทำงานกระทบพื้นดังมาแต่ไกล

รุ่งยกมือออกจากหัวของคนป่วย หงส์คลายฝ่ามือที่กุมมือของเขา รุ่งค่อย ๆ ชักมือกลับ

ธรรม์เดินเข้ามาถึง แล้วยื่นยาหม่องให้รุ่ง เสื้อเชิ้ตทำงานของเขา เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

รุ่งเปิดฝาขวดยาหม่อง แล้วยื่นให้คนป่วย

"คุณหงส์ทายาหม่องนี่ให้ทั่วบริเวณท้อง"

หงส์ยื่นมือรับขวดยาหม่อง เธอยืดตัวขึ้น แล้วปลดกระดุมกระโปรงด้านหน้า ควักยาในขวดแล้วสอดมือเข้าไปทา

รุ่งรีบลุกขึ้นยืน แล้วหันหลังให้กับเก้าอี้ ปล่อยให้คนป่วยทายาให้ทั่วบริเวณที่ปวด

กลิ่นยาหม่องโชยไปทั่วบริเวณ

ธรรม์หันมาพูดกับรุ่ง

"ไม่ใช่ไส้ติ่งใช่มั้ย รุ่ง ?"

รุ่งสั่นหัว

"คิดว่าไม่ใช่ครับ ถ้าเป็นไส้ติ่ง จะต้องปวดข้างขวา แล้วเริ่มมีไข้"

หงส์วางขวดยาหม่องลงบนเก้าอี้ เธอติดกระดุมกลับเรียบร้อย

ทั้งสองหนุ่ม หันหน้ากลับไปหาคนป่วย

รุ่งจำเป็นต้องทำหน้าที่หมอเถื่อน ตามภาพที่ได้เห็นจากมโนมยิทธิเมื่อครู่

เขาคุกเข่าลง แล้วพูดกับคนป่วย

"คุณหงส์ ผมจะขออนุญาต นวดน่องให้คุณหงส์ มันจะช่วยบรรเทาอาการลมในท้อง"

หงส์พยักหน้า

"ผมขอถอดรองเท้าให้นะครับ"

รุ่งเอื้อมไปจับข้อเท้า แล้วจัดการถอดรองเท้าทีละข้าง วางไว้ข้างขาเก้าอี้

เขาขยับตัวมานั่งคุกเข่าประจันหน้ากับคนป่วย จับขาข้างซ้ายคนป่วยแทรกลงที่หว่างขาของเขา นิ้วโป้งทั้งสองของหมอเถื่อนแตะบนหน้าแข้งซ้ายของคนป่วย แล้วสอดนิ้วเข้าไปที่น่องด้านหลัง แล้วเริ่มนวดจากใต้ข้อพับลงมา

ปลายนิ้วมือของเขาลงน้ำหนักกึ่งจิกที่บริเวณเส้นเลือดใหญ่บริเวณน่อง ค่อย ๆ ไล่ลงมา

ธรรม์ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น

ผู้บริหารที่มีภารกิจมากมายในความรับผิดชอบ จำเป็นต้องรับโทรศัพท์เกี่ยวกับงานโดยไม่มีการขอเวลานอก

ธรรม์เดินเลี่ยงออกไปเพื่อคุยโทรศัพท์

หมอนวดเถื่อนนวดน่องมาถึงบริเวณข้อเท้า เขาเบี่ยงตัวไปด้านข้าง ให้ปลายนิ้วเท้าของคนป่วยชี้ออกไปยังที่โล่ง เลื่อนมือขึ้นไปที่บริเวณใต้ข้อพับขา แล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลาง รูดแนวเส้นเลือดใหญ่ลงมาจนถึงจุดเอ็นร้อยหวาย มืออีกข้างกุมข้อเท้าแล้วรูดไปถึงปลายนิ้ว แล้วสะบัดนิ้วมือ เหมือนกับกำลังไล่สิ่งสกปรกออกจากตัวผู้ป่วย

รุ่งขยับตัว เปลี่ยนจากขาด้านซ้ายของคนป่วย มาเป็นขาด้านขวา

ธรรม์ตัดสายเมื่อสนทนาเสร็จ เดินกลับมาทรุดตัวลงที่เก้าอี้ นั่งมองอย่างสนใจ

"รุ่งไปเรียนเรื่องพวกนี้มาจากไหน ?"

หมอเถื่อนนวดไป เล่าไป

"สองปีก่อนผมมีอาการเจ็บกระดูกหลัง แล้วมีคนแนะนำให้ไปรักษากับหมอทางเลือกที่มีวิชาโบราณ เธอก็สอนผมเรื่องกระดูกกับเส้นเอ็น ผมนวดให้กับแม่แล้วก็น้าสาวเป็นประจำ การนวดเฉพาะขานี่ สามารถไล่เลือดให้วิ่งไปทั่วตัวจนถึงสมองได้เลย"

ธรรม์พยักหน้ารับรู้

หมอเถื่อนเหลือบสายตามองขึ้นไปที่ใบหน้าของคนป่วย เธอกำลังจ้องหน้าเขาอยู่ รุ่งต้องหลบสายตาลง แล้วมีสมาธิกับการนวดน่องต่อไป

ความร้อนที่ขาเริ่มวิ่งขึ้นสู่ด้านบนของลำตัวผู้ป่วย เลอหงส์รู้สึกว่ากล้ามเนื้อช่วงบนของลำตัวเริ่มคลาย อาการปวดบริเวณจุดเหนือสะดือ เริ่มเปลี่ยนเป็นลมที่ตีขึ้นผ่านลำคอ

หงส์ยกมือขึ้นปิดปาก

"เอ่อ..." เสียงเรอดังออกมาจากลำคอของคนป่วย

ธรรม์มองหน้าสาวน้อย

"เริ่มเรอแล้ว รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง ?"

หงส์พยักหน้า

รุ่งสลับจากการนวดขาข้างขวา กลับมาเป็นขาด้านซ้ายอีกรอบ

ครั้งที่เขาได้รับการบำบัดจากท่านปู่ซึ่งอาศัยร่างของคุณนง เขาได้รับคำอธิบายว่า การคลายเส้นที่บริเวณน่อง จะทำให้ธาตุไฟเข้าไปเผาธาตุลมในท้อง ลมจะหาทางระบายออกมา โดยการเรอ ผายลม และ การขับถ่าย

ในครั้งนั้น คุณนงใช้เวลานวดน่องของเขาประมาณสิบนาที เขาก็เริ่มรู้สึกปวดถ่าย

รุ่งเคยใช้วิธีการนวดน่องนี้ บำบัดเป็นการคลายเส้นให้กับแม่ และ น้าสาว แต่ ทั้งคู่ไม่เคยรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเพื่อถ่าย

ท่านปู่เล่าว่า หากมีลมอั้นจนเกิดอาการวิปริตในท้อง การนวดน่องเพื่อกระตุ้นให้คนป่วยขับถ่ายจะเป็นการระบายออกที่ดีที่สุด

หมอเถื่อนไม่ได้สวมนาฬิกาข้อมือ แต่ประเมินเวลาคร่าว ๆ จากความรู้สึก มันน่าจะเกินเวลาสิบห้านาทีไปแล้ว ตั้งแต่เริ่มนวด

คนป่วยยังมีสีหน้าบ่งบอกถึงความอึดอัดภายใน การเรอคงช่วยบรรเทาอาการไปได้บ้าง แต่ยังไม่ทั้งหมด

หัวไหล่ของหมอเถื่อนเริ่มล้า เขาเริ่มผ่อนแรง และนวดช้าลง ข้อเท้าของเขาเริ่มชา ความล้าเริ่มวิ่งมาถึงหัวเข่า เพราะการคุกเข่าโยกตัวไปมาติดกันเป็นเวลานาน

ยุงเริ่มกัดที่ซอกคอของหมอนวด

หงส์ยื่นมือลงมาแตะที่ข้อมือของเขา

"พี่รุ่งคะ ! หงส์ขอตัวไปห้องน้ำ"

รุ่งมองหน้าคนป่วย

"อยากถ่ายใช่มั้ยครับ ?"

หงส์พยักหน้า

หมอนวดถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วกระเถิบตัวถอยหลัง

คนป่วยลุกขึ้นยืน แล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ

รุ่งทิ้งก้นลงนั่งบนพื้น แล้วค่อย ๆ เหยียดขา รู้สึกเมื่อยและปวดข้อเท้าเป็นที่สุด

ธรรม์หัวเราะ

"เป็นไงบ้าง หมอนวด ?"

"เมื่อยมากครับ" รุ่งยิ้มแหย ๆ

เขาคิดในใจ คนที่มีอาชีพหมอนวดคงต้องแข็งแรงมาก นวดกันเป็นชั่วโมงได้ สำหรับเขา แค่นี้ก็แทบจะตะคริวกินแล้ว เขาอาจจะใช้ท่าทาง หรือ ลงน้ำหนักไม่ถูกวิธี แต่ นวดจนปวดท้องถ่ายได้นี่ก็ถือว่าสำเร็จตรงตามวัตถุประสงค์

***********************************************************************************


แอร์ในรถยนต์ออดี้ที่เย็นฉ่ำ ทำให้หมอเถื่อนนั่งหลับอยู่ที่เบาะหลังเหมือนกับคนสิ้นสติ

หงส์รู้สึกถึงความโล่งอย่างเห็นได้ชัด หลังจากได้ถ่ายท้องไปเพียงหนึ่งครั้ง

ธรรม์กำลังขับรถมาส่งเธอที่คอนโดบริเวณถนนสุขุมวิท พระโขนง และ ชวนรุ่งติดรถมาด้วยเพื่อจะมาต่อรถในละแวกนั้น

รถยนต์วิ่งลงทางลงที่จอดรถชั้นใต้ดิน รุ่งรู้สึกตัวตื่น

ภาพที่เห็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหมดความทรงจำ คือ ถนนยกระดับบรมราชชนนี ภาพที่เห็นในขณะตื่นนี้ คือ ลานจอดรถชั้นใต้ดินที่ไหนสักแห่ง นี่เขาคงหลับสนิทไปนานกว่าสามสิบนาที

รถยนต์จอดสนิทในช่องจอดรถ

เสียงโทรศัพท์มือถือของธรรม์ดังขึ้น เขากดปุ่มรับสาย

"จิ๋ว ! ถือสายรอแป๊บนึง"

ธรรม์หันมาข้างหลัง

"รุ่ง คอยในรถก่อนนะ เดี๋ยวพี่ลงไปส่งคุณหงส์ ไม่เกินห้านาที"

รุ่งพยักหน้า

หงส์เปิดประตูลงจากรถ แล้วหันมาส่งยิ้มให้

"ขอบคุณพี่รุ่งนะคะ"

ลมภายนอกพัดผ่านจากประตูหน้าที่เปิดอยู่เข้ามาในรถ

เขาลืมตาโต

"นี่มัน... นึกออกแล้ว !"

ธรรม์ปิดประตูรถ โดยไม่ดับเครื่อง แล้วเดินเลี่ยงออกไปเพื่อสนทนากับคนที่โทรเข้ามา

รุ่งเปิดประตูลงจากรถเพื่อส่งแขก

ใบหน้าของหงส์ยังดูอิดโรย เธอมองหน้ารุ่ง

"นึกอะไรออกเหรอคะ ?"

รุ่งอมยิ้ม

"อ้อ ! ไม่ใช่เรื่องสำคัญครับ ผมแค่คิดว่า ผมเคยได้กลิ่นนี้ที่ไหนมาก่อน แต่จำชื่อไม่ได้ ตอนนี้เพิ่งนึกออก"

หงส์เอียงคอ

"กลิ่นอะไรเหรอคะ ?"

รุ่งตอบ

"อารามิสเก้าร้อย ! คุณหงส์ใส่น้ำหอมผู้ชาย"

รอยยิ้มผุดออกมาจากใบหน้าที่ซีดเซียว เธอยืนนิ่งไม่มีคำพูดใด ๆ แต่น้ำตาเป็นเม็ดกลับหยดจากขอบตาลงมาที่แก้ม

หมอเถื่อนรู้สึกแปลกใจที่เห็นน้ำตาหยดนี้

"กู๊ดไนท์ค่ะ !"

เธอส่งยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมน้ำตาที่เอ่อเต็มขอบตา แล้วหันตัวกลับ เดินผละจากไป

รุ่งยืนฉงนอยู่กับสีหน้า และ แววตาของหงส์ ที่เพิ่งได้เห็น เขาไม่สามารถตีความใด ๆ จากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ได้

เพราะคำพูดใดของเขา หรือ อาจจะไม่ใช่ ? หรือ อาจจะเป็นแค่อารมณ์อื่น ๆ ที่ยังค้างอยู่ในใจของเธอ ?

หรือ อาจเป็นเพียงแค่ความเพลียจากอาการป่วย ?

กลิ่นควันจากท่อไอเสียรถยนต์เริ่มโชยเข้าจมูก เขาควรจะกลับเข้าไปนั่งรอในรถดีกว่ายืนดมควันไอเสียตรงนี้

เสียงปิดประตูรถยนต์คันอื่นดังขึ้นในระยะไกลพอสมควร ตามมาด้วยเสียงปี๊บจากสัญญาณรีโมทคอนโทรลล็อคประตูรถ

รุ่งมองเห็นสาวผมยาวประบ่า กำลังเดินตรงไปที่ประตูเข้าอาคาร

"เฮ่ย !" เขาอุทานทันที

ความประหลาดใจอย่างล้นพ้นเกิดขึ้นกับสิ่งที่สายตาเห็นในขณะนี้

เขารีบก้าวเท้าอย่างเร็ว เดินผ่านรถที่จอดเรียงราย ตรงไปหาสาวนางนั้น

เมื่อใกล้ถึงตัว เขาออกปากเรียก

"ทอม !"

หญิงสาวในชุดเสื้อยืดสีขาว กระโปรงยาวคลุมเข่าสีดำ หันกลับมา

เธอมีสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน

"รุ่ง !"

"ทอม ! แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ทำไมแกไม่เคยติดต่อชั้นกลับมาเลย ?"

เธอมีสีหน้าตื่น

"เอ่อ ... ไว้ชั้นจะโทรหาแกก็แล้วกัน เดี๋ยวชั้นต้องรีบเข้าไปก่อน ไปก่อนนะรุ่ง"

เธอยกมือโบก แล้วหันตัวกลับ เดินตรงรี่ไปทางประตูเข้าอาคาร

รุ่งหันไปมองรถยนต์ออดี้ของธรรม์ ที่ยังติดเครื่องอยู่ แล้วหันกลับมามองเพื่อนอีกครั้ง

เพื่อนสาวเดินถึงประตูทางเข้าอาคารแล้ว

"อะไรของมันวะ ?" รุ่งบ่นกับตัวเอง

เขาเดินตรงกลับมาที่รถยนต์ของธรรม์ เปิดประตูกลับขึ้นไปนั่ง แล้วโทรศัพท์หาเพื่อนรัก

"วิทย์ ! กูเจอไอ้ทอม !"

เสียงปลายทางตอบกลับมา

"อ้าว ! มันกลับมาแล้วเหรอ ? ทำไมไม่เห็นมีใครบอกเลย ?"

"ใช่สิ ! ก็กูเจอมันแล้ว ! มันกลับมาแล้วสิ แต่ทำไมมันไม่ติดต่อพวกเรา ?"

"มึงเจอมันที่ไหน ?"

"ที่นี่ เมื่อกี๊เอง"

วิทย์หัวเราะ

"ไอ้ที่นี่น่ะ ที่ไหน ?"

รุ่งเลิกคิ้ว

"เออ ! นั่นสิวะ กูก็ไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน"

วิทย์เริ่มสบถ

"ไอ้เหี้ย ! มึงเป็นห่าอะไรวะ ? ตื่นเต้นขนาดนึกไม่ออกเลยว่าเหรอว่ามึงอยู่ที่ไหน ?"

"กูเพิ่งตื่น กูเลยไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน"

วิทย์ถอนหายใจดังฟืด

"โธ่เอ๊ย ! กูก็นึกว่ามึงเจอมันจริง ๆ ที่แท้ มึงก็ฝันนี่เอง ขี้เกียจคุยกับมึงแล้ว มีอย่างอื่นต้องทำต่อ แค่นี้ก่อน"

วิทย์ตัดสายทันที

คำถามมากมายเริ่มวิ่งเข้ามาในหัวสมอง แต่ก่อนที่คำถามต่าง ๆ จะจู่โจมจนสติตั้งรับไม่ทัน เขารีบดับความอยากรู้อยากเห็น ด้วยคำพูดปลอบใจตัวเอง

'เดี๋ยวมันคงโทรมาอธิบาย ก็แค่รอมันโทรมา'

__________________________________________________________________________________________

โดย วีรยาติ

1 , 2, <อ่านหน้า

กลับขึ้นด้านบน

พ็อคเก็ตบุคนิยายหมอเถื่อน เล่ม 2 - 4 เปิดให้จองล่วงหน้าแล้ว อ่านรายละเอียดได้ที่นี่

อ่านตอนต่อไป

อ่านตอนอื่น

สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ

อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นที่นี่




Blog counter