ตอน 18 หน้า 2

สวัสดีค่ะ คุณครู

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

สิบนาทีในวงสนทนาของกลุ่มญาติโยมจากเชียงใหม่ที่นั่งเก้าอี้ล้อมวงคุยกับแอนดี้ ครูหญิงรู้สึกได้ถึงความผูกพันของอดีตพระสงฆ์ที่มีต่อชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง

คุณตาพูดขึ้น

"เจ้าพุดนี่ มีปัญหาจะถามหลวงพี่ เอ้อ.. ! โทษที จะถามท่านทิดเอกน่ะ ท่านตอบให้มันหายข้องใจหน่อยนะครับ"

ทิดเอกเอียงคอ หันหน้าไปทางลูกชาย

"มีพ่อเป็นพหูสูตทางธรรมอยู่แล้ว ทำไมต้องดั้นด้นมาถามผมถึงนี่ล่ะ ?"

คุณตาตอบแทนลูกชาย

"มันฟังจากผมจนเบื่อแล้ว ลูกตัวเอง ให้คนอื่นสอนง่ายกว่า มันศรัทธาพระเอกตามแม่มันน่ะแหละ หลวงพี่สงเคราะห์มันหน่อยแล้วกัน"

แอนดี้หัวเราะหึ ๆ

"เดี๋ยวผมไปเอาผ้าเหลืองมาห่มใหม่ดีมั้ย ? ไม่ต้องเรียกพระเอก ไม่ต้องเรียกหลวงพี่แล้วครับ สงสัยจะติดปากมานาน"

เขาหันหน้าไปหานายพุด

"มีอะไรอยากจะถามเหรอพุด ?"

นายพุดยกมือไหว้ก่อนถาม คงเป็นนิสัยที่ยังแก้ไม่ทัน เพราะ ในใจของเขา ยังเห็นว่าทิดเอกที่อยู่ข้างหน้าเขา ยังคงความเป็นพระอยู่

"คือ... ผมอ่านพระไตรปิฎกอยู่ครับ แต่ละหมวดก็แตกย่อยออกไปเรื่อย ๆ อ่านแล้วก็ได้ความรู้มากกว่าเดิม แล้วเข้าใจศาสนาพุทธมากขึ้น แต่มันก็มีคำสอนที่เยอะมากเลยครับ ตั้งแปดหมื่นกว่าพระธรรมขันธ์ คนที่บวชเป็นพระ จะจำพระไตรปิฏกได้หมดเลยหรือครับ ? ผมว่าไม่มีทาง แล้ว มันจะใช้เวลาเข้าใจกี่ปีล่ะครับ กว่าจะเข้าใจได้หมด ?"

ครูยาใจพยักหน้าเข้าใจคำถาม เธอหันมามองหน้าทิดเอก

แอนดี้มีรอยยิ้มที่มุมปาก

"จำเข้าไปได้ยังไงหมด ? จำไม่หมดหรอก สำหรับผมน่ะ ถ้าใครถามอะไรมาเกี่ยวกับพระไตรปิฎก ตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ ผมก็แถไปเรื่อย ๆ"

ครูยาใจกลั้นหัวเราะไม่ได้ เธอสำลักอารมณ์ขันออกมา เพราะคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำตอบประมาณนี้

แอนดี้หันไปมองครูหญิง แล้วส่งยิ้มให้

"จริงครับ ! ผมก็แถไป ลากไปโน่นไปนี่ ถูกบ้าง ถากบ้าง ก็ว่ากันไป แต่ให้สารภาพตรง ๆ เลย ผมก็ต้องบอกว่า ผมจำได้ไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซนต์ด้วยซ้ำ....."

นายพุดตั้งใจฟัง ตาแป๋ว

"..... คนที่จำพระไตรปิฎกได้ ไม่มีประโยชน์ ถ้าเข้าใจได้สิ ถึงมีประโยชน์ เข้าใจได้ทั้งหมด เรียกว่า ทรงพระไตรปิฎก การทรงพระไตรปิฏก เป็นญาณอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใช้สมองนะ แต่ใช้จิต...."

นายพุด และ คุณตา รู้เป็นอย่างดีว่า ขณะนี้ อดีตพระเอก กำลังเริ่มเข้าเนื้อหาที่เป็นสาระแล้ว ทั้งสอง จ้องสายตามาที่ใบหน้าของทิดเอกอย่างแน่วแน่

".... ทรงพระไตรปิฎกนั้น คือ รู้ทุกแง่มุมที่ซ่อนอยู่ในตัวอักษร ไม่ว่าใครจะถามเกี่ยวกับหัวข้อใดในพระไตรปิฏก ด้วยคำถามที่สั้นที่สุด คนนั้น ก็จะสามารถอธิบายได้อย่างยาว ครอบคลุมทุกแง่มุม

ไม่ว่าใครจะถามคำถามที่ยืดยาวมากความ คนนั้น ก็จะสามารถสรุปเป็นคำอธิบาย ที่สั้นที่สุดได้ แต่ยังคงความเข้าใจได้ครบถ้วนทุกประการ

พระอริยสงฆ์เอง ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถทรงพระไตรปิฏกได้ทุกองค์ พระที่ไม่มีอภิญญา ทรงพระไตรปิฏกไม่ได้แน่ แต่พระอรหันต์ระดับปฏิสัมภิทาญาณ สามารถทรงพระไตรปิฏกได้ เวลาท่านตอบคำถามที่เกี่ยวกับพระไตรปิฏก ท่านใช้เจโตปริยญาณร่วมด้วย คือ ญาณหยั่งรู้วาระจิต

ใครถามอะไรเกี่ยวกับพระไตรปิฏก ท่านอ่านจิตเลยว่า อยากรู้จุดไหนกันแน่ แล้วท่านดึงส่วนนั้นของพระไตรปิฏกมาตอบ คนฟังหน้าหงายทันที"

นายพุดถามขึ้น

"แล้วท่านล่ะครับ ? ท่านทรงพระไตรปิฏกไม่ได้ แล้วท่านอ่านจิตคนได้หรือไม่ครับ ?"

"ถ้าเป็นคนทั่วไป ผมอ่านไม่ได้หรอก อ่านจิตตัวเองก็ยากจะตายอยู่แล้ว ไปอ่านจิตคนอื่น วัน ๆ ไม่ต้องทำอะไร"

ครูยาใจพยักหน้า

"ถ้ารู้เรื่องของคนอื่นมาก มันก็เพาะเป็นกิเลสเราเอง"

แอนดี้พยักหน้า

"ใช่ครับ ! อาจารย์พูดถูกเลย"

พุดถามต่อ

"เมื่อกี๊ท่านบอกว่า ถ้าเป็นคนทั่วไปท่านอ่านไม่ได้ แล้วท่านอ่านใครได้เหรอครับ ?"

แอนดี้พยักหน้า

"สมาธิดีนี่ จับความไม่หลุดเลยนะเรา จะให้เล่าน่ะ มีเวลาฟังเหรอ ?"

อาจารย์หญิงเผลอตัว ตอบไปพร้อมกับสมาชิกคนอื่น

"มีค่ะ ! มีครับ !"

อดีตพระเอกหัวเราะ

"รับลูกพร้อมกันเหมือนเด็กนักเรียนเลย อาจารย์ก็เป็นไปกับเค้าด้วย"

เขาพยักหน้า แล้วเริ่มเล่า

"ตอนผมบวชใหม่ ๆ ผมเองอยากได้อภิญญาเยอะ ๆ เรียกว่าร้อนวิชา เพราะสองสหายที่เห็นกันอยู่ทุกวัน ชอบถากถาง เยาะเย้ยอยู่บ่อย ๆ"

พุดถามขึ้น

"ใครหรือครับ ?"

"พระโป่งกับพระหมูไง !"

ทุกคนยกเว้นอาจารย์ยาใจ พยักหน้ารับรู้ว่ารู้จัก

คุณตาพูดขึ้น

"สององค์นี้ ไม่เบาเลยนะ"

แอนดี้พยักหน้า

"ครับ ! ก็อย่างที่คุณตารู้ ๆ อยู่นั่นแหละครับ พอสององค์นี้เล่าโน่นเล่านี่ว่าทำอะไรได้บ้าง ผมเองก็ทนไม่ไหว อยากทำได้บ้าง ก็ขอเรียนกับทั้งสององค์นั่นแหละ ท่านก็สงเคราะห์ผมตามความสามารถที่ผมพอจะเรียนได้ แต่พอถึงเรื่องการอ่านจิตคน สององค์นี้ชี้ไปโน่น.... ชี้ไปกุฎิหลวงพ่อสอน

วันนึง มีโอกาส ผมก็ย่องไปกุฎิท่าน บอกว่าอยากเรียนเจโต ฯ ท่านก็ดุทันที บอกว่า เอ็งอยากจะเล่นปาหี่หรือไง ? อ่านจิตคนได้ จะได้ทักเค้าถูกว่าเค้าคิดยังงั้นยังงี้ ให้เค้าศรัทธามากขึ้น แล้วเอ็งจะหลอกเงินเค้าหรือไง ? ผมก็หน้าเหวอเลย ตามธรรมดา ท่านจะใช้สรรพนามว่า ชั้น กับ เธอ แต่วันนั้น ท่านเล่นขึ้นข้า-เอ็ง

ท่านบอกว่า ข้าห้ามไอ้สองตัวนั้นแล้วว่า ห้ามไม่ให้มันใช้เจโต ฯ ถ้าข้าไม่อนุญาต แล้วนี่เอ็งมาวานหาเรื่องถึงที่ ไปโดนไอ้สองตัวนั้นเสี้ยมมาล่ะสิ"

ครูยาใจตั้งใจฟังอยู่ด้วยความสนใจ ถามขึ้นมาทันที

"แล้วคุณแอนดี้ตอบว่ายังไงคะ ? ยืนยันไปหรือเปล่าว่า อยากเรียน ?"

"ยืนยันอะไรล่ะครับ ? ตอนนั้นผมเพิ่งบวชใหม่ เจอท่านดุเอา ผมก็ใจเสียล่ะสิ รีบลา แทบจะวิ่งออกมาจากกุฏิท่าน

พอกลับมาถึงที่ห้อง พระสององค์นั้นนั่งหัวเราะ ผมกลายเป็นตัวตลกไปซะ โดนแกล้งรับน้องใหม่เฉยเลย"

นายพุดยกมือขึ้นเกาหัว

"โธ่ ! งั้นท่านก็ไม่ได้เรียนเจโต ฯ เลยสิครับ ?"

แอนดี้พยักหน้า

"ได้ ๆ ! เรื่องมันไม่จบแค่นั้น สองสามวันถัดมา หลวงพ่อสอนก็เรียกไปหา ท่านบอกว่าที่ท่านโวยวาย ไม่ใช่ท่านโกรธ ผมบอกว่าผมเข้าใจว่าท่านหวังดีกับผม แต่ผมเองก็แค่อยากรู้อยากลองตามประสาเด็กซน ๆ คนนึง

ท่านจึงบอกว่า ผมมีความสามารถจะเรียนได้ แต่ผมไม่ควรใช้งาน เพราะมันจะเป็นภาระให้กับตัวผมเอง ท่านจะสอนให้ผมอ่านจิตคนได้เพียงคนเดียว ซึ่งคนคนนี้ เป็นคนเดียวที่ผมจะช่วยเค้าได้ เมื่อรู้ความคิดเค้า

ส่วนชาวบ้านทั่วไปนั้น หมดสิทธิ์ ท่านบอกว่าไม่ให้ใช้ ถึงจะใช้ ก็ใช้ไม่ได้ ท่านปิดไว้"

พุดถามต่อ

"งั้นแสดงว่า ท่านก็อ่านจิตคนคนนั้นได้"

แอนดี้นึกสักอึดใจ ก่อนตอบ

"จะว่าได้ก็ได้ แต่ มันก็ไม่แน่นัก อ่านจิตเค้า แต่เราไม่เคยไปถามเค้าว่า ตรงหรือไม่ตรง มันก็เลยไม่มีเฉลยไง"

"โธ่ ! น่าเสียดาย ! ท่านน่าจะถามว่าตรงหรือไม่ตรง จะได้รู้กันไปเลยว่า ทำได้หรือไม่ได้" พุดพูดแล้วตีเข่าตัวเอง

"ก็ไม่เชิงว่าไม่รู้นะ ! ตอนที่ฝึกอ่านจิตคนนั้นอยู่ วันนึงก็รู้สึกว่าคนคนนั้นป่วย แล้วก็ท้อแท้หมดกำลังใจ จะใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้ แต่ น่าจะลองไปถามหลวงพ่อสอนดูว่า เราตั้งจิตถูกต้องหรือเปล่า ก็กำลังเดินไปหาท่านที่กุฏิ ปรากฏว่า มีโยมข้างนอกมานิมนต์ท่านไปข้างนอก ท่านอยู่ในรถยนต์ รถกำลังจะแล่นออกนอกวัด ท่านเห็นผมเดินอยู่ ก็บอกให้คนขับหยุดรถก่อน แล้วท่านก็เปิดกระจกออกมาจะพูดด้วย ผมก็เดินเข้าไปหาท่าน

ยังไม่ทันที่ผมจะถามท่านว่า มีอะไรจะพูดกับผม ท่านก็พูดออกมาว่า.... คนนั้นเค้าป่วยอยู่นะ เธอก็ส่งเมตตาจิตไปช่วยเค้าหน่อยละกัน.. แล้วท่านก็ปิดกระจก ผมก็ยืนอมยิ้มอยู่ตรงนั้น"

รอยยิ้มปรากฏมาจากใบหน้าของคนฟังทุกคน รวมทั้งอาจารย์ยาใจ

น้าสาวของพุดเปรยขึ้นเบา ๆ

"หลวงพ่อสอนอ่านจิตพระเอกได้ !"

แอนดี้พยักหน้า

"เอ้า ! ตกลงเรากลับมาเรื่องเดิมดีกว่า ลืมหรือยังว่า ถามอะไรไว้ ?" เขาหันหน้าไปหานายพุด

"นั่นสิครับ ! ผมถามอะไรไป ลืมแล้ว !" เขาหันหน้าไปหาภรรยา แล้วหัวเราะกับตัวเอง

ทิดเอกเปลี่ยนสีหน้ามาเป็นเรียบเฉย

"เรื่องการอ่านพระไตรปิฎกน่ะ ดีนะ ค่อย ๆ อ่านไป แต่อย่าไปทุ่มความหวังว่า ปัญญานั้น จะเกิดได้จากการอ่านพระไตรปิฎกทั้งเล่ม มันไม่ใช่ ให้รู้ใจความสำคัญของพระไตรปิฏกต่างหาก เป็นสิ่งที่สำคัญ"

"ใจความของพระไตรปิฎก แปดหมื่นสี่หัวข้อน่ะเหรอครับ ? ใครจะจำไหว ?" พุดทำตาโต

"ไอ้แปดหมื่นสี่พันหัวข้อน่ะ สรุปมาได้ แค่เรื่องเดียวเท่านั้น รู้แค่เรื่องเดียว เข้าใจแค่เรื่องเดียว ใคร่ครวญคิดแค่เรื่องเดียว บรรลุอรหันต์ได้โดยไม่ต้องอ่านพระไตรปิฏก"

ลูกชายหันไปมองหน้าบิดา

คุณตาพยักหน้าให้ลูกชายช้า ๆ เป็นทีท่าว่าเห็นด้วยกับคำพูดของทิดเอก

พุดยื่นหน้ามาถาม พร้อมยกมือไหว้

"เรื่องไหนเหรอครับ ? นิมนต์ท่านเทศน์ให้ผมฉลาดขึ้นด้วยเถอะครับ"

แอนดี้รีบยกมือรับไหว้

"เอ้า... ! ได้ตกนรกพร้อมกันเลย ! วันหลังจะเอากระดาษมาแปะที่หน้าผากไว้ว่า ผมเป็นฆราวาสแล้วค๊าบ !"

สมาชิกในวงหัวเราะครืน

แอนดี้เริ่มอธิบาย

"ทั้งหมดในพระไตรปิฎก ก็พูดวนไปเวียนมา เรื่องเดียว คือ ขันธ์ห้า ตัดขันธ์ห้าได้ หมดทุกข์ จบกัน

ขันธ์ห้าพูดไปมา สรุปง่าย ๆ ว่า ขันธ์ห้าคือ ร่างกาย

ไม่มีร่างกาย ก็ไม่มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ฉะนั้นไม่ต้องตีความให้มาก สรุปง่าย ๆ ว่า ตัดร่างกายได้ คือ ตัดขันธ์ห้าได้ นิพพานได้

ร่างกายนี้เป็นทุกข์ ตัดร่างกายได้ ไปนิพพาน สั้น ๆ แค่นี้ แต่ขยายความแตกย่อยไปได้ตามวาระ ตามโอกาส ทั้งแปดหมื่นสี่พันหัวข้อ สรุปมาได้ใจความสั้น ๆ ว่า ร่างกายนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความทุกข์ทั้งมวล ตัดมันสิ้นจากใจได้ เป็นอันหมดทุกข์

พอมีร่างกาย มันก็หลงทันที หลงแปลว่า เข้าใจผิด เข้าใจไม่ตรงธรรมชาติ

มีร่างกาย ก็เริ่มรักในร่างกายตนเอง หลงผิดเห็นว่าร่างกายนี้ เป็นตนเอง เมื่อมีร่างกาย ความโลภก็ตามมา

ไอ้ที่มีความโลภนี่ มันจะมีเพื่ออะไร ? ทรัพย์สินสิ่งของมากมาย มันจะมีไว้ทำไม ถ้าไม่ใช่เพื่อมาบำบัดทุกข์สุขของร่างกาย ? เพราะมีร่างกาย มันก็มีโลภตามมา มันก็ตามมาด้วยการต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ตามมาด้วยการดิ้นรนให้ได้มา แย่งชิงมา เป็นเดือดเป็นร้อนเพื่อรักษาทรัพย์สินนั้นไว้ ไม่ให้มันเสื่อมสลาย ไม่ให้ใครมาขโมย

พอมีร่างกาย มันก็มีความหวังที่จะบำรุงร่างกายให้สมบูรณ์ อะไรที่มาขัดขวางความหวังนั้น ก็จะทำให้เราโกรธ ความโกรธตามมาเพราะมีร่างกาย มีร่างกายเดียวก็ไม่พอ ต้องไปหาร่างกายคนอื่นมาเป็นเจ้าของด้วย

การมีร่างกาย คือ ต้นเหตุของความทุกข์ทั้งมวลในพระไตรปิฎก

ตัดร่างกายซะได้ตัวเดียว ก็ไม่ต้องไปท่องพระไตรปิฎก ไม่ต้องไปเรียนวิธีดับสังโยชน์สิบ กว่าจะไล่ไปได้ทีละข้อ แก่ตายพอดี ก็แค่ตัดร่างกายอย่างเดียว สังโยชน์สิบข้อ หายหมด ....โลภ โกรธ หลง หายหมด.... อวิชชา หายหมด

ฉะนั้น ใจความของพระไตรปิฎก พูดเรื่องเดียวเท่านั้น คือ ร่างกายนี้เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ตัดร่างกายเสียได้เป็นสุข เข้านิพพาน จบ"

นายพุดนั่งพยึกหน้าหงึก ๆ เขาคิดตามที่ทิดเอกพูดได้ทัน

"เข้าใจเลยครับ แบบที่ไม่เคยได้เข้าใจมาก่อน"

แล้วหันไปมองหน้าบิดาซึ่งนั่งอมยิ้มอยู่

ครูยาใจกลับนั่งเหม่อ.....ใจความในคำอธิบายเหมือนกันกับคำสอนของพระอริยสงห์แห่งจังหวัดอุทัยธานีไม่มีผิดเพี้ยน

"ถ้าแม่กลับไปที่หางดง ต้องไปเล่าให้คนในตลาดฟังเรื่องนี้แน่ ๆ คงได้แห่กันมาเยี่ยมทั้งตลาด" พุดหันไปมองหน้ามารดา

คุณแม่นั่งยิ้มแฉ่ง

คุณตามองไปรอบ ๆ ห้อง

"เรือนไม้นี้น่าจะใช้ค่าก่อสร้างมากอยู่นะ ทำซะสวยเลย ใครเป็นคนสร้างล่ะเนี่ย ?"

แอนดี้ผายมือมาทางอาจารย์หญิง

"อาจารย์ยาใจนี่เป็นคนสำคัญเลยครับ อาจารย์ท่านศรัทธาในหลวงพ่อสอนมาก ท่านเลยเป็นผู้อุปถัมภ์ หาทุนมาสร้างเพื่อต่ออายุให้หลวงพ่อ"

ไม่ทันที่ครูยาใจจะอธิบาย คุณตาก็พนมมือท่วมหัว หันหน้ามาทางอาจารย์

"โอ...! ตาขออนุโมทนาบุญด้วย ใจบุญเหลือเกิ๊น !"

คณะชาวเชียงใหม่ทุกคน ยกมือขึ้นพนม แล้วหันหน้ามาหาทางเดียวกัน

ครูหญิงพนมมือรับไหว้ รู้สึกประหลาดใจ

คุณยายพูดขึ้นทั้งที่มือยังพนมอยู่

"ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุ้มครองอาจารย์ให้มีชีวิตราบรื่นไปตลอดนะคะ คำว่าไม่มี จงอย่าได้บังเกิดกับอาจารย์ บุญของยายแล้วนะ ที่ได้มาที่นี่ ได้เจอคนใจบุญ ต่ออายุให้หลวงพ่อสอน ถ้าไม่มีเรือนไม้นี้ หลวงพ่อท่านก็ไม่อยู่ ท่านบอกท่านจะละตั้งแต่สามปีที่แล้ว สุขภาพท่านก็แย่มากเลย"

พูดจบ คุณยายลุกจากเก้าอี้ตัวเอง เดินเข้าไปหาครูยาใจ

"ขอยายกอดให้ชื่นใจทีนึงนะ อาจารย์ ! ใจบุญเหลือเกิน !"

ครูหญิงผุดลุกขึ้นทันที คุณยายอ้าแขนกอดด้วยความชื่นชม น้ำตาแห่งความปลาบปลื้มหลั่งออกมาจากขอบตา

ทันทีที่เห็นน้ำตาของคุณยาย ความปลื้มปีติส่งความอุ่นทาบไปทั่วตัว น้ำตาที่ห้ามไม่ได้ของครูหญิง ก็เอ่อท่วมขอบตาภายในอึดใจต่อมา

คุณตาถามขึ้น

"นี่พวกเรามารบกวนท่านหรือเปล่า ? ท่านกำลังติดอะไรอยู่หรือเปล่า ?"

"ไม่รบกวนผมหรอกครับ ! แต่ห้องนี้ เดี๋ยวจะมีการสอนกรรมฐานตอนสิบโมง ถ้าจะคุยต่อ เราออกไปคุยที่ห้องโถงข้างนอกได้"

******************************************************************************************

กรุ๊ปทัวร์พิเศษจากเชียงใหม่ รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่ได้พบปะสนทนากับอดีตพระสงฆ์ที่เป็นที่รักของพวกเขา

คุณตา กำลังยืนให้พรครูยาใจอยู่ที่ชานเรือนไม้

"ขอให้คุณพระรักษาอาจารย์นะ บุญกุศลที่สร้างสถานที่แห่งนี้ ต่ออายุให้พระที่ปฏบัติดีปฏิบัติชอบ อาจารย์จะได้อานิสงฆ์ทำให้อายุยืน แล้วถ้าอาจารย์ไปเที่ยวเชียงใหม่ บอกพวกเราด้วยนะ เดี๋ยวให้ไอ้พุดจดเบอร์โทรศัพท์ให้"

ครูยาใจก้มหัว ยกมือไหว้รับพร

"จะกลับแล้ว ! ขอกอดให้ชื่นใจอีกครั้งเต๊อะ !" คุณยายพูดแล้ว ก็เดินเข้าไปกอดทิดเอก

ภรรยาของพุดยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายภาพ

แอนดี้แหย่กลับด้วยคำพูด

"ดีนะ ! ตอนใส่จีวรไม่ยักมีใครเข้ามากอด ไม่งั้นถ่ายไปลงในสื่อ คงได้ถูกปาราชิกแน่ ๆ"

******************************************************************************************

รถกระบะของคณะทัวร์จากเชียงใหม่ กำลังเคลื่อนที่ออกจากบริเวณอาณาเขตของเรือนอภิญญาฆราวาส

....รถเล็กซัส อาร์เอ็กซ์ สีขาวแล่นสวนเข้ามา

ครูยาใจยกมือขึ้นปิดปาก

"อ๊ะ !" เธอหันหน้ามาทางแอนดี้

"คุณพิมมาแล้ว ! เรายังไม่ได้คุยกันเลย"

เขาเลิกคิ้วถาม

"ใครเหรอครับ ?"

"นั่นรถคุณพิม แม่ของภัทรา คุณแอนดี้พร้อมแล้วใช่มั้ย ?"

แอนดี้เลิกคิ้ว

"พร้อมเรื่องอะไรครับ ? แม่ภัทราคือใคร ?"

คำถามนี้ทำให้อาจารย์หญิงฉงน แต่เธอก็นึกได้ว่า แอนดี้อาจจะไม่รู้จักชื่อจริงของพวกเขา

"แพทตี้ ! แพทตี้ที่คุณน้อยบอกว่า คุณแอนดี้สามารถช่วยเค้าได้ แพทตี้ชื่อจริงว่าภัทรา"

เขาพยักหน้าทันที

"อ๋อ ...! ครับ ๆ ! งั้นได้เลยครับ แต่จะใช้ห้องไหนคุยกันดี ?"

คุณครูชี้ขึ้นไปข้างบน "ใช้ห้องเล็กชั้นบนดีกว่า เดี๋ยวรอครูพาขึ้นไปด้วยกัน"

แอนดี้พยักหน้ารับรู้

ประตูรถเล็กซัสถูกเปิด

พิม... คุณแม่วัยสี่สิบกว่าปีที่ยังดูสาว และ สวย ก้าวลงจากรถ เธออยู่ในชุดเดรสลำลองสีเทาลายดอก กางเกางขายาวรัดรูปสีดำ

แพทตี้... อยู่ในเสื้อยืดแขนกุดสีม่วง กางเกงลำลองสี่ส่วนสีเทา

พิมเดินจูงมือลูกสาว ที่ดูเหมือนจะเหม่อลอย เดินอย่างช้า ๆ มาที่บันไดทางขึ้นเรือนไม้

สองแม่ลูกก้าวเท้าขึ้นมาถึงชานเรือนด้านนอก อาจารย์ยาใจทำหน้าที่แนะนำ

"คุณพิม นี่คุณแอนดี้"

แอนดี้เป็นฝ่ายยกมือขึ้นไหว้ก่อน คุณแม่ยังสาวมองหน้าแอนดี้ แล้วยกมือรับไหว้

แพทตี้ยกมือไหว้อย่างช้า ๆ แอนดี้ส่งยิ้มตอบ

ครูยาใจพูดขึ้น

"ไป ! เราขึ้นไปที่ชั้นบนดีกว่า"

********************************************************************************

1 < อ่านหน้า > 3
สั่งซื้อ นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก กดที่นี่