ตอน 28 หน้า 1

ศิษย์นรก

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

จิตที่พยายามจะทรงสมาธิ ถึงแม้ไม่ได้มากเท่าที่ต้องการ แต่ก็ทำให้อาการอึดอัดเหมือนมีใครมาบีบคออยู่ ทุเลากว่าวันวาน

ผีเจ้ากรรมตนเดียวกับที่มาทักทายเมื่อคืนวาน ยังคงพยายามที่จะบีบคอทวงหนี้ชีวิตคืนจากเขาในคืนนี้

ทันทีที่พ้นสองทุ่ม สิงห์ต้าลู่หยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดสัญญาณ แล้วโทรออกทันที

เหมือนกับรู้ใจ ปลายทางรับสายทันทีที่สัญญาณโทรติดดังขึ้น

"พี่แอนดี้ ! พี่ป่วยเสร็จแล้วใช่มั้ยครับ ?"

"ใช่ ! เป็นไงบ้างรุ่ง ? เจอคุณเอกหรือยัง ?"

"ไม่เจอครับ ! เข้าใจกันผิด คนที่น้องวิบอกว่าจะพาผมมาตรวจลูกดิ่ง ไม่ใช่อาเอก แต่เป็นผู้หญิงคนนึง ใครก็ไม่รู้"

"อ้าว !" แอนดี้อุทานด้วยความประหลาดใจ "แล้วคุณเอกล่ะ !"

"อาเอกไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมนัดพลาดไปแล้ว คุยกับน้องวิไม่รู้เรื่อง พอผมรู้ว่าไม่ใช่อาเอก ผมก็พยายามโทรหาพี่แอนดี้ แต่ก็นึกได้ว่า พี่คงกำลังป่วยประจำวันอยู่ ผมก็รออยู่นี่แหละครับ ยังไม่ได้ตรวจให้ผู้หญิงคนนั้น รอบอกให้พี่รู้ก่อนว่าวันนี้ ผมไม่ได้เจออาเอก"

น้ำเสียงของรุ่งแฝงด้วยความจริงจัง ฟังดูก็รู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกผิด

"ไม่เจอ ก็ไม่เจอ แล้วได้ถามน้องวิไปหรือยังว่าคุณเอกอยู่ที่ไหน ?"

"ยังครับ ! น้องวิอยู่ในห้องของคนไข้ผู้หญิงคนนั้น พอผมรู้ว่าอาเอกไม่ได้อยู่ที่นี่ ผมก็ขอตัวน้องวิ เดินออกมานอกคอนโดนี่เลย ผมอยากจะสื่อสารกับพี่แอนดี้ก่อน"

"อ้าว ! แล้วยังไม่ได้ตรวจให้ผู้หญิงคนนั้นก่อนเหรอ ?"

"ยังครับ ! พอรู้ว่าไม่ใช่อาเอก ผมก็ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ผมตั้งใจมาตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน มั่นใจว่า วันนี้ผมใช้ลูกดิ่งผมช่วยหาอาการป่วยของอาเอกได้ ระหว่างอยู่ในรถ ผมก็มีสมาธิดี แน่วแน่ รู้สึกมั่นใจว่า วันนี้พลังผมเพียงพอ ร่างกายผมแข็งแรง ผมช่วยอาเอกได้

... แต่พอ มารู้ว่า คนไข้ที่เจอ กลับไม่ใช่อาเอก มันวืดไปเลย ! มัน..... มันหงุดหงิด อารมณ์เสีย"

แอนดี้หัวเราะเบา ๆ

"เราไปตำหนิน้องวิหรือเปล่า ?"

"ก็.... ไม่ได้ตำหนิ แต่น้องวิคงมองออกว่าผมอารมณ์เสีย"

"เป็นงั้นไป ! มันไม่ใช่ความผิดของใครหรอก กรรมจัดสรรให้วันนี้ สถานการณ์ออกมาแบบนี้ อย่าโทษใคร ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก"

"ครับ ! ผมไม่โทษน้องวิหรอกครับ จะโทษก็โทษตัวเอง ผมสื่อสารกับน้องวิไม่เข้าใจกัน เดี๋ยวผมจะขึ้นไปถามน้องวิตรง ๆ"

"ไม่ต้องโทษตัวเอง จะโทษก็ต้องโทษพี่เอง เพราะพี่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมต้องรีบเจอคุณเอก พี่ทำให้รุ่งต้องรีบร้อน กลายเป็นซีเรียสกันไปหมด ถ้ารุ่งไปตำหนิน้องวิ ก็พาลทำให้คนอื่นวุ่นวายไปเปล่า ๆ ก่อนรุ่งจะถามเรื่องคุณเอก รุ่งทำสิ่งที่น้องวิเค้าขอร้องก่อนเถอะ ช่วยผู้หญิงคนนั้น"

ปลายทางทวนคำ

"ช่วยผู้หญิงคนนั้น ! ผมไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อช่วยคนแปลกหน้า ไม่รู้ว่าจะช่วยได้หรือเปล่า"

แอนดี้หัวเราะ

"วิชาของรุ่งนี่ แบ่งแยกได้ด้วยเหรอว่า ช่วยคนรู้จักได้ ช่วยคนแปลกหน้าไม่ได้ ?"

คำถามสั้น ๆ แต่ได้ใจความเป็นตรรกะที่ตรงไปตรงมา

เสียงปลายทางอึกอัก

"เอ่อ... คือ... ผมไม่ได้ไม่อยากช่วย แต่ ผมไม่ได้ใช้ลูกดิ่งมานานแล้ว การใช้กับคนที่รู้จัก มันจะมีความมั่นใจกว่าใช้กับคนแปลกหน้า ผมไม่ได้เตรียมตัวมาน่ะครับ ถ้าได้ฝึกตรวจให้คนแปลกหน้าซักพัก ก็คงกลับมาชำนาญได้เหมือนเดิม"

แอนดี้หัวเราะดังขึ้น

"ฮ่า ๆๆๆ ! นี่รุ่ง ! คนป่วยมาอยู่ข้างหน้า เรามีวิชาติดตัว มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ช่วย ? จะกลับไปฝึกให้ชำนาญ แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ เวลานั้นอาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้"

"ครับ ! เข้าใจแล้วครับ !"

สิงห์ย้อนถาม

"เข้าใจว่าอะไร ?"

"เข้าใจว่า ถ้าเขามาอยู่ต่อหน้าเรา นั่นก็เป็นสถานการณ์ที่มีเหตุผลเพียงพอแล้วว่า วิชาแค่ที่เรามีอยู่ จะช่วยเขาได้ ไม่งั้น เขากับเรา คงไม่ได้มาพบกัน"

"เอ้า...! แล้วไม่คิดได้ยังงี้ตั้งแต่แรก ?"

"ก็.... ตอนแรกผมยังหงุดหงิดกับเรื่องเมื่อกี๊อยู่"

แอนดี้เข้าใจสถานการณ์ของน้องชายต่างสายเลือดดี เขาตัดเรื่องการช่วยคุณเอกทิ้งได้ชั่วคราว

"ตอนที่รุ่งใช้ลูกดิ่งไม่ได้ รุ่งช่วยคนอื่นด้วยวิธีอะไร ?"

ปลายทางนิ่งเงียบสักอึดใจ ก่อนตอบ

"ถ้าจำเป็น ผมจะใช้มโนมยิทธิครับ แต่ พี่แอนดี้คงรู้ว่า มโนของผมน่ะ ไม่รู้ว่ามั่วไปเองหรือเปล่า แม่นยำแค่ไหนก็ไม่รู้ ผมก็ว่าไปตามที่จิตนึก นึกอะไรได้ก็ว่าไปตามนั้น ใจจริงผม เชื่อลูกดิ่งมากกว่าการมโนไปเอง"

"แล้วที่มโนไปน่ะ เราแนะนำวิธีรักษาแล้ว คนไข้หายหรือเปล่า ?"

คนไข้ล่าสุด จากผลการมโนไปเองของเขา คือ การช่วยเลอหงส์จากอาการปวดท้อง นึกแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ

"หายครับ ผมเห็นวิธีการรักษาที่ผมไม่เคยใช้มาก่อน แต่ลองแล้วก็ได้ผล นั่นมันคือแม่นพอใช้ได้ พี่แอนดี้รู้ใช่มั้ยครับ ?" คำถามทิ้งท้ายแสดงถึงความที่ยังไม่มั่นใจในตนเอง

แอนดี้หัวเราะ

"รุ่งชอบพูดคำว่า พี่รู้ใช่มั้ยครับ ? ทำไมรุ่งคิดว่าพี่รู้ทุกเรื่องหรือยังไง ?"

"เอ้อ...! ก็.... ผมคิดว่า พี่รู้ เพราะพี่ได้ตาทิพย์"

เสียงต้าเกอหัวเราะดังลั่น

"ฮ่า ๆๆๆๆ ! จะหายป่วยได้ก็ตอนนี้ล่ะ ! ไปกันใหญ่แล้ว ! ฟังแล้วก็ขำ มิน่า พี่ได้ยินรุ่งพูดหลายครั้งแล้วว่า พี่รู้ใช่มั้ย ? เปลี่ยนความเข้าใจใหม่เถอะ รุ่ง พี่เป็นคนปกติธรรมดา ที่ไม่รู้ไม่เห็นอะไร ถ้ารุ่งไม่บอก พี่ไม่มีทางรู้หรอก ยกเว้น บางเรื่องที่เกี่ยวกับตัวพี่เองโดยตรง พี่ก็จะใช้วิชาที่เรียนมา แต่มันก็ไม่ใช่ญาณที่แจ่มใสขนาดไปเที่ยวรู้เรื่องชาวบ้านตามใจเราได้ "

เสียงน้องชายถอนหายใจ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์หลังมื้อสุกี้ค่ำวันนั้น

"อ้อ... ! ถ้างั้น พี่แอนดี้ก็ไม่รู้ใช่มั้ยครับ ?"

คำถามนี้ทำให้เขาหัวเราะอีกครั้ง

"ไม่รู้ เรื่องอะไร ? เราถามมาตั้งหลายเรื่อง กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง คนไข้ของรุ่งตายไปก่อนแล้ว

เอางี้ก่อนนะ.. พี่เล่าอะไรสั้น ๆ ให้รุ่งมีความมั่นใจ

จำได้มั้ย ? พี่คุ้น ๆ ว่า เคยเล่าให้รุ่งฟังว่า รุ่งเคยเป็นหมอที่เก่งมากในอดีต"

"คุ้น ๆ เหมือนกันครับ ผมจำได้ว่า ถ้าถึงเวลาจะช่วยคน อวัยวะของผมจะรวมตัวกันเพื่อช่วยคนได้ อะไรประมาณนี้แหละครับ"

"ใช่ ๆ ! แสดงว่าเรายังจำได้ ในอดีต รุ่งขวนขวายเรียนวิชาหมอบ้านด้วยตนเอง จนเก่งเท่าหมอเมือง โรคบางโรค แม้แต่หมอเมืองยังรักษาไม่ได้ แต่รุ่งเพียงแค่ได้แตะตัวคนไข้เท่านั้น ก็รู้ต้นเหตุ หาสูตรปรุงยาได้ รุ่งได้เป็นถึงหมอประจำตัวของเหล่าแม่หญิงของเมือง ซึ่งสมัยนั้น แม่หญิงก็เทียบได้กับองค์หญิง

แม่หญิงทุกคนในเมือง ศรัทธาในวิชาของรุ่ง ที่เป็นหญิงด้วยกัน แต่ดั้นด้นฝืนจารีต จนเป็นหมอหญิงคนแรกของเมือง"

"หา ! ชาติก่อนผมเป็นผู้หญิงหรือครับ ?"

"ไม่ใช่ชาติที่แล้ว แต่นับย้อนไปหลายชาติทีเดียว"

"อือ... แล้วผมก็เป็นหมอด้วย ! เรื่องพวกนี้มันติดตัวกันมาได้จริง ๆ ใช่มั้ยครับ ?"

"ปกติของกฏแห่งกรรม อดีตเคยมีพฤติกรรมทำอะไรซ้ำ ๆ สม่ำเสมอ เวลากรรมให้ผลในอนาคต มันก็จะหลีกเลี่ยงได้ยาก ถ้าอดีตเราช่วยเหลือคนป่วยเป็นประจำ สม่ำเสมอ ทักษะเหล่านั้น มันก็ให้ผลได้ในอนาคตอย่างสม่ำเสมอ แน่นอนเหมือนกัน"

คำพูดที่ประกอบด้วยเหตุผลเล็กน้อยของสิงห์แห่งโยนก ช่างทำให้จิตใจของรุ่งพองโต เรียกกำลังใจกลับมาได้อย่างมหาศาล

"บูสท์เต็มที่แล้วครับ ตอนนี้พาวเวอร์มาอย่างมหาศาล แต่ ติดอีกนิดเดียว คือ สูตรวิธีการรักษา ผมไม่กว้างเลย เพราะผมไม่ได้ศึกษาค้นคว้าต่อ รู้เท่าที่เคยรู้ ถ้าผมตรวจเจอต้นเหตุแล้ว ผมให้พี่แอนดี้ช่วยถามเทวดาเรื่องวิธีการรักษาเพิ่มได้มั้ยครับ ?"

พี่ชายนอกสายเลือด เงียบไปสักอึดใจ

"เอางี้ ! เดี๋ยวก่อนรุ่งตรวจให้เค้า รุ่งตั้งนะโมสามจบ แล้วอาราธนาครูสองท่าน จำชื่อไว้นะ หนึ่ง อาราธนาท่านปู่สิทธาฤาษี"

รุ่งทวนคำ

"ท่านปู่สิทธาฤาษี"

"สอง อาราธนา พระนางจันทิมานาคิณี วิสุทธิเทวี"

"โอ้ว ! ชื่อยาวจัง พระนางจันทิมา นาคิณี วิสุทธิเทวี ใช่มั้ยครับ ?"

"ใช่ ! อาราธนาสองท่าน ท่านจะไปอยู่กับรุ่ง แล้วทำใจสบาย ๆ อย่าเครียด นึกอะไร คิดอะไร ให้ทำไปตามที่คิด"

"ครับ !"

"รุ่งไปทำหน้าที่หมอให้เต็มที่ มีอะไรให้ช่วย โทรกลับมา คนไข้ที่อยู่ต่อหน้า เขาเท่านั้นสำคัญที่สุด"

******************************************************************************************

รุ่งโรจน์ มีจิตใจที่เป็นกลาง สงบมากขึ้น ขณะนั่งข้าง ๆ กับผู้ป่วยสาว

หมอเถื่อนไม่ลืมที่จะอาราธนาครูเทพทั้งสองท่านตามที่พี่ชายต่างสายเลือดได้แนะนำ

ลูกดิ่งจ่อเหนือฝ่ามือข้างซ้ายของคนไข้ คนไข้สาวนั่งเฉย ไม่ปริปากพูดใด ๆ วิภวา นั่งจ้องอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

คำถามชุดแรกสี่คำถาม ถูกถามโดยจิต ลูกดิ่งทำงานภายในไม่กี่วินาที คำตอบที่ได้รับ คือ ทางเปิดโล่งให้เขาใช้วิชาได้ โดยไม่มีสิ่งแอบแฝงใด ๆ จะมาเล่นงานให้เสียวสันหลังเหมือนในอดีต

คำถามชุดต่อไป เป็นการถามต้นเหตุหลักตามสถิติที่มีผลต่ออาการป่วยมากที่สุด พยาธิ เชื้อรา ไวรัส

เพียงแค่คำถามชุดแรก คำตอบที่ได้รับ คือ ไวรัสเป็นต้นเหตุ

ไวรัสอยู่ที่อวัยวะใด ?... ต้องใช้คำถามไล่ต่ออีก แต่ ไม่ว่าจะอวัยวะใด สูตรสมุนไพรที่ชะงัด มีอยู่ไม่เกินห้าสูตร ถ้าเลือกถามด้วยสูตรสมุนไพร ห้าคำถามนี้ ก็คงจบ

ลูกดิ่งให้คำตอบเป็นสูตรสมุนไพรหนึ่งในห้าที่เขาตั้งคำถาม

แต่ไวรัสกำลังโจมตีอวัยวะใด หากเขารู้ จะเจาะจงวิธีการบำบัดได้มากกว่า

หมอลูกดิ่งเริ่มไล่ถามหมวดของอวัยะวะ เริ่มตั้งแต่ ส่วนศรีษะ เพียงแค่คำถามแรก ลูกดิ่งก็แกว่งเป็นวงกลม ถามซ้ำอีกสามครั้ง ก็ให้คำตอบเดิม ไวรัสอยู่ที่ส่วนศรีษะ

ตามประสบการณ์ ถ้าไวรัสอยู่ส่วนศรีษะ ส่วนใหญ่คือ กระดูกคอ ส่วนน้อยมาก และ เขายังไม่เคยเจอ ก็คือ ไวรัสขึ้นสมองแล้ว

เขาถามเจาะลงไปว่า ไวรัสอยู่ที่กระดูก หรือ ขึ้นสมองแล้ว ลูกดิ่งไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างชัดเจน

เมื่อถามว่าอยู่ที่กระดูกคอ ใช่ หรือ ไม่ ? ลูกดิ่งตอบว่า ใช่ !

เมื่อถามว่า ขึ้นสมองแล้ว ใช่ หรือ ไม่ ? ลูกดิ่งกลับตอบว่า ใช่ เหมือนกัน !

ตกลง อยู่ที่กระดูกคอ หรือ ขึ้นสมองไปแล้วกันแน่ ? แล้ว... หากขึ้นสมองแล้ว มันจะให้ผลอย่างไร ? จำเป็นต้องรู้หรือไม่ ถ้ามั่นใจว่าสูตรรักษาได้ผล ก็ไม่ต้องรู้มาก บำบัดด้วยสูตรที่ได้มาเลย ก็ได้ ใช่มั้ย ?

เขาชะงักข้อมือ รวบลูกดิ่งไว้ในมือข้างซ้าย แล้วขมวดคิ้ว

หากไวรัสขึ้นสมองจริง นี่เป็นคนไข้รายแรกที่พบอาการไวรัสขึ้นสมอง เขาเคยแต่บำบัดคนไข้ที่มีไวรัสเข้ากระดูก

ไวรัสขึ้นถึงสมองแล้ว อันตรายมากกว่าไวรัสกระดูกคอหลายเท่า

เอายังไงดี ! บำบัดด้วยสูตรที่ได้มา ก็หมดเรื่อง ไม่ต้องไปรู้ว่าไวรัสอยู่ที่ไหน หรือ.... หากรู้ว่าไวรัสอยู่ที่สมองจริง เขาควรค้นหาสูตรอื่นที่ได้ผลมากกว่า เพราะว่า เขามีความรู้จำกัดเพียงแค่ห้าสูตรนี้เท่านั้น คำถามที่ตั้ง ก็จึงจำกัดแค่เท่าที่มี

สีหน้าครุ่นคิดของหมอเถื่อน ทำให้น้องวิถามขึ้น

"เจออะไรเหรอคะ พี่รุ่ง ?"

สีหน้าของน้องวิ เมื่อเขามองเห็น ทำให้ฉุกคิดได้ทันที สีหน้าเธอเป็นกังวล เนื่องมาจาก เธอรับรู้สีหน้าของเขา

รุ่งรวบรวมสมาธิเล็กน้อย แล้วส่งยิ้มมุมปากให้เธอ

"ไม่มีอะไรครับ กำลังนึกหาสูตรบำบัดอยู่"

รอยยิ้มของหมอ ทำให้วิภวาพยักหน้าได้ สีหน้าคลายกังวลมาเป็นสีหน้าปกติ

ความนิ่งของผู้เป็นหมอ.... นี่เป็นสิ่งที่เขาเพิ่งได้สำนึก ณ เวลานี้ว่า สำคัญ และ มีผลต่อจิตใจของคนรอบข้าง

หากลูกดิ่งให้คำตอบไม่ชัดเจนว่า ไวรัสขึ้นสมองไปแล้ว หรือ ยังอยู่ที่กระดูก เขาน่าจะข้ามข้อสงสัยนี้ไปก่อน แล้วถามถึงต้นเหตุอื่น ๆ ให้ครบ

เขาหยิบลูกดิ่งมาจ่อที่ฝ่ามือผู้ป่วยอีกครั้ง แล้วไล่ถามไปเรื่อย ๆ ตามแบบแผนที่เคยทำมา

เริ่มด้วย ระบบอวัยวะของธาตุทั้งห้า ที่เขาเคยจำได้แม่นเมื่อครั้งยังใช้ลูกดิ่งสองปีที่แล้ว เมื่อคืนวาน ได้รับการทบทวนอีกครั้ง

อวัยวะไล่ตามนิ้วทั้งห้า ถูกตั้งคำถามไล่ไปเรื่อย ๆ ปอด ลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ม้าม ตับอ่อน กล้ามเนื้อหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ลำไส้เล็ก ซานเจียว ถุงน้ำดี ตับ กระเพาะปัสสาวะ ไตซ้ายขวา ระบบเพศ

เขาพักคำถาม หยิบกระดาษเปล่าขึ้นจดคำตอบที่ได้รับ

แล้วจับลูกดิ่งขึ้น จ่อที่ฝ่ามือคนไข้ แล้ว ถามต่อ ทุกห้า-หกคำตอบที่ได้รับ ก็จะจดลงในกระดาษครั้งหนึ่ง

เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาที หมอเถื่อนถามครบทุกคำถามที่ต้องการรู้

ถามเยอะ ก็ไม่ใช่ว่าจะแก้ตรงจุด ! เขารู้ดี เพราะ ตามประสบการณ์ที่ผ่านมา เขาเคยเห็นนักเพนดูลั่มรุ่นพี่ ถามคำถามเพียงไม่เกินสองนาที ก็รู้ต้นเหตุ บำบัดโรคได้เห็นผล

แต่ การถามมากมายสำหรับกรณีนี้ ก็เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีปัจจัยอื่นหลงลืมที่จะนำมาเป็นข้อมูลเพื่อวิเคราะห์

วิเคราะห์ ..... !!!! วิเคราะห์ คือ การใช้สมองทบทวนข้อมูลอื่น ๆ เพื่อหาคำตอบสุดท้าย ใช้สมองตามปกติธรรมดาของมนุษย์ผู้มีกิเลสทั่วไป ไม่ใช่การใช้จิต

จิตที่มีสมาธิ และ บริสุทธิ์เพียงชั่วขณะ มีความเป็นทิพย์ได้ รู้คำตอบสุดท้ายได้โดยไม่ต้องใช้สมอง

ตกลงจะเอายังไงกันแน่ !

นี่ถ้าคนไข้คนนี้ เขาตรวจพบว่าเป็นแค่ไวรัสอยู่ที่กระดูก คงจัดการบอกวิธีบำบัดไปแล้ว ความลังเลเกิดขึ้นจากความซีเรียสของผลตรวจที่เขาไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน

จู่ ๆ หมอเถื่อนก็ลุกพรวดขึ้นยืน

คนไข้สาวเงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ

เขาส่งยิ้มให้คนไข้

"ไม่มีอะไรมากมายครับ ! เดี๋ยวผมจะปรึกษาพี่ที่เขาชำนาญ จะถามสูตรบำบัด ผมเจอต้นเหตุโรคแล้ว ไม่ต้องห่วงครับ"

คนไข้พยักหน้ารับรู้

หมอลูกดิ่งเดินออกจากบริเวณห้องรับแขก ไม่ลืมส่งยิ้มให้ญาติผู้น้องเพื่อทำให้เธอคลายกังวล ตรงไปที่ประตู แล้วเปิดประตูออกมาจากห้อง

รุ่งโรจน์ติดต่อกลับไปยังแอนดี้ทันที แต่ปลายทางไม่มีสัญญาณ

ด้วยความใจร้อน เขาค้นหาเบอร์โทรศัพท์ในความจำของเครื่อง วันก่อนแอนดี้โทรหาเขา แต่เขาพลาดรับสาย จำได้ราง ๆ ว่า มีเบอร์ที่ไม่เคยบันทึกปรากฏอยู่ด้วย นั่นอาจจะเป็นเบอร์อื่นของพี่แอนดี้

เบอร์ที่ไม่อยู่ในบันทึกปรากฏมาไม่ต่ำว่าสามเลขหมาย เขาเลือกสุ่มกดเบอร์แรก

สัญญาณปลายทางติดแล้ว

"ฮัลโหล" เสียงผู้หญิงรับสาย

"หวัดดีครับ ! ใช่โทรศัพท์พี่แอนดี้หรือเปล่าครับ ?"

ปลายทางเงียบไปสักอึดใจ

"หือ ! พี่แอนดี้ !...แกจะบ้าหรือเปล่า ? จะคุยกับพี่แอนดี้ แล้วโทรมาหาชั้นทำไม ?"

เสียงที่ตวาดกลับมา รู้สึกคุ้นเป็นอย่างยิ่ง เขาอุทานเบา ๆ

"ใครวะ ! เสียงคุ้นมากเลย"

"ชั้นเอง ! ทอม !"

รุ่งเบิกตาโต

"ไอ้ทอม ! แกไปอยู่กับพี่แอนดี้ได้ไง ? พี่แอนดี้อยู่ไหน ? เอาโทรศัพท์ยื่นให้เค้าหน่อย เร็ว !"

"ประสาทแดกเหรอ ? แกโทรมาไม่ได้ดูเหรอว่ามันเบอร์ใคร ? แกโทรหาชั้น แล้วถามหาคนอื่น สติแกยังปกติดีหรือเปล่า ?"

รุ่งเริ่มเอะใจ

"อ้าว กูจะไปรู้เหรอ เห็นมีเบอร์นี้ขึ้นเป็นมิสคอลวันก่อน"

"เออ !" เสียงทอมกระแทก "ก็ชั้นโทรหาแก แกเสือกไม่รับสาย"

"วันนั้นโทรศัพท์รับสายไม่ได้ เพราะเอาไปให้เค้าอัพซอฟท์แวร์"

"แกติดต่อพี่แอนดี้ไม่ได้เหรอ ? ลองโทรหาน้องหงส์ดูสิ !"

รุ่งขมวดคิ้ว

"คุณหงส์ ! แกรู้จักคุณหงส์ด้วยเหรอ ?"

"รู้ซีวะ ! แกจำไม่ได้เหรอ ? แกเคยให้ชั้นไปช่วยตรวจลูกดิ่งให้พี่แอนดี้ ชั้นก็เล่าให้แกฟังว่าพี่แอนดี้มีน้องสาวคนนึง"

คำพูดของเพื่อนเตือนความจำของเขาได้

"เออ ใช่ ! วันนั้นแกใช้ลูกดิ่งตรวจให้พี่แอนดี้ ซือก้อยโคตร ๆ ! คราวนี้ แกช่วยชั้นหน่อย ชั้นใช้ลูกดิ่งตรวจคนไข้อยู่ แล้วผลออกมาทำให้ไม่แน่ใจ ทอม แกยังใช้ลูกดิ่งอยู่หรือเปล่า ?"

"ก็ ใช้บ้าง แต่ แกใช้ลูกดิ่งได้แล้วเหรอ ? ไหนบอกว่าแกจะไม่ใช้ลูกดิ่งแล้วไง ? ยังเสือกไปใช้อีก เดี๋ยวได้เดี้ยงอีก"

"ใช้ได้แล้ว ! ไว้ค่อยเล่ารายละเอียดทีหลัง ตอนนี้แกช่วยชั้นก่อน ชั้นเพิ่งกลับมาใช้ลูกดิ่งวันนี้วันแรก เลยไม่มั่นใจ"

"เล่าเคสมาดิ !"

รุ่งค่อย ๆ เล่า สิ่งที่ตรวจพบให้เพื่อนฟัง

ทอมฟังเรื่องทั้งหมดแล้วก็สรุปในใจตนเองได้ว่า เพื่อนกำลังไม่มีความมั่นใจ ทั้ง ๆ ที่ ได้ทำทุกสิ่งครบถ้วนตามที่ควรจะทำแล้ว

เธอหัวเราะ

"ฮ่า ๆๆๆ !"

"หัวเราะอะไรวะ ?" รุ่งถาม

"อภิญญา มีไว้ทำไมวะ ? มีอภิญญาแล้วเสือกใช้สมอง !

ถ้ามั่นใจในการใช้สมอง ก็ไม่ต้องใช้อภิญญา !

ก็ถามลูกดิ่งได้แล้วว่าสูตรนั้นเหมาะสม แกจะเอาคำตอบอะไรอีก ? ถ้าอยากจะวิเคราะห์ ไปเรียนหมอเถอะ ! ความรู้แค่นี้วิเคราะห์โรคได้เหรอ ? ก็เพราะไม่ได้เรียนหมอ ไม่มีความรู้เท่ากับหมอ ถึงใช้อภิญญาใช่มั้ย ? พอใช้อภิญญาได้แล้ว เสือกจะมาวิเคราะห์ มันดาวน์เกรดชัด ๆ ! "

สัญญาณสายเรียกซ้อนดังขึ้นที่ลำโพงโทรศัพท์ รุ่งมองที่หน้าจอ เป็นสายเข้าของแอนดี้

"เฮ่ย ทอม ! แค่นี้ก่อน พี่แอนดี้โทรเข้ามา ไว้ค่อยคุยกัน"

"เออ ๆ !" เพื่อนตอบกลับ

รุ่งตัดสายเพื่อน แล้วรับสายแอนดี้

"รุ่งโทรมาใช่มั้ย ? เห็นขึ้นมิสคอล"

รุ่งเล่าให้แอนดี้ฟัง เหมือนกับที่เล่าให้เพื่อนฟังเมื่อครู่

แอนดี้ให้คำแนะนำเมื่อฟังจบ

"เมื่อกี๊พระนาง กับ ท่านฤาษีอยู่กับรุ่ง รุ่งมั่นใจได้ว่า คำตอบที่ได้ น่าจะถูกต้อง"

"ไวรัสขึ้นสมองเลย ผมรักษาได้ด้วยแค่เม็ดมะรุม ผมคงเป็นเทพแล้วแหง ๆ"

คำตอบที่ได้รับ ดูเหมือนกับน้องชายนอกสายเลือด ยังไม่มั่นใจในตนเอง

"สมัยโยนก มีหมอเถื่อนสาวคนหนึ่งชื่อชื้น ชื้นมีตำราสมุนไพรหมอเมืองอยู่ในมือ ตำราเดียวกับที่หมอเมืองทั่วไปมี ชื้น มีเพื่อนสนิทเป็นแม่หญิงของเมือง แม่หญิงคนนั้นชอบเรื่องเวทย์มนต์ อภิญญา ชื้นรบเร้าให้แม่หญิงพาตัวเองไปฝากเรียนวิชากับครูบาดำซึ่งเป็นพระที่มีวิชา เป็นที่เคารพของคนทั้งนคร แม่หญิงพาชื้นไปฝึกวิชา เมื่อชื้นได้อภิญญาพอสมควร ก็ทำให้การตรวจรักษาคนไข้แม่นยำ เทียบได้กับหมอเทวดา โดยที่ไม่ต้องเปิดตำราหมอเมือง

หมอเมืองรักษาคนไข้ด้วยตำรา คนไข้ที่รักษาไม่หาย ชื้นกลับรักษาได้ด้วยอภิญญา ซึ่ง ไม่มีอยู่ในตำรา

แต่ เมื่อน้องสาวของชื้นเอง ต้องตกเลือดออกทางทวารทั้งสอง อภิญญาของชื้นบอกว่า ต้องรักษาด้วยวิธีหนึ่ง แต่ชื้นไม่มั่นใจ เปิดในตำรา ตำราบอกต้องรักษาอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งทั้งสองวิธี ทำพร้อมกันไม่ได้"

รุ่งตั้งใจฟังโดยไม่มีคำถาม

"....อาการของน้องสาวชื้นซีเรียสมาก เลือดออกทางทวารหนักกับช่องคลอด จนตัวซีด คืนหนึ่งน้องสาวเกิดช็อค ความเครียดทำให้ชื้นสับสน ว่าจะเลือกทางไหน ระหว่างตำราหมอ กับ อภิญญาของตนเอง คืนนั้น ชื้นตัดสินใจไปหาแม่หญิง เพื่อขอความช่วยเหลือ ขอให้ส่งคนช่วยพาน้องสาวไปหาหมอเมือง แต่แม่หญิงกลับไม่เห็นด้วย เธอไม่คิดว่าอาการแบบนี้จะแก้ได้ด้วยตำราการแพทย์

เธอบอกชื้นว่า

เอ็งรบเร้าให้ข้าพาไปฝากกับครูบาดำ จนเอ็งเป็นหมอตาทิพย์ หลับตาก็รักษาคนไข้ได้ แต่พอน้องสาวเอ็งป่วย ซึ่งเห็นอยู่ว่าอาการนี้คืออาการต้องของจากขอมดำ เอ็งกลับทิ้งอภิญญา กลับไปเลือกวิธีหมอธรรมดา

มีตาแห่งสวรรค์ แต่กลับไม่ใช้ ไปเลือกวิธีที่ต่ำกว่า เหมือนตาบอดคลำทาง"

รุ่งพึมพำเบา ๆ

"ดาวน์เกรดตัวเองชัด ๆ !" เขานึกถึงคำพูดของเพื่อน ช่างคล้ายกับเรื่องที่แอนดี้เล่า แต่ คำว่า 'ชื้น' ที่แอนดี้เพิ่งเล่า เป็นคำที่คุ้นหูยิ่งกว่า

*************************************************************************************

รุ่งอธิบายวิธีบำบัดตามที่เขาสื่อสารกับลูกดิ่งจนครบถ้วน วิภวาทำหน้าที่ผู้ช่วยหมอเถื่อน จดสูตรสมุนไพรทุกอย่างลงกระดาษ ทบทวนกับหมอรุ่งอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่า เข้าใจกันอย่างถูกต้อง

คนไข้นั่งฟังอย่างเงียบ ๆ ไม่ปริปากพูดใด ๆ

หมอเถื่อนย้ำถามญาติผู้น้องอีกครั้ง

"น้องวิเข้าใจหมดแล้วนะ มีอะไรจะถามเพิ่มอีกมั้ย ?"

เธอมองที่กระดาษ แล้วสั่นหัว

"ไม่มีค่ะ ! คิดว่าเข้าใจหมด ถ้าเจอปัญหาทีหลัง น้องวิจะโทรหาพี่รุ่ง"

รุ่งพยักหน้า

"ได้ ! เอ่อ... น้องวิ เราไปคุยอะไรกันข้างนอกก่อน พี่มีอะไรอยากจะถาม"

อีกฝ่ายพยักหน้า

*******************************************************************************

รุ่งยืนอยู่ที่ระเบียงหน้าห้อง น้องวิเปิดประตูตามออกมา

"ค่ะ พี่รุ่ง ! มีอะไรจะถามเหรอคะ ?"

รุ่งหัวเราะหึ ๆ

"ท่าทางคนไข้น้องวิ คงโดนไวรัสเล่นงานสมอง จนเป็นใบ้แล้วสิ"

ญาติผู้น้องหัวเราะตาม

"เปล่าค่ะ ! ปล่าว ! ก็เค้าไม่รู้จะพูดอะไรนี่คะ ไว้ให้พี่เค้าหาย คงพูดได้เยอะ อยากถามน้องวิเรื่องแค่นี้เองเหรอ ?"

"มีอีกเรื่อง ! อาเอกป่วยอยู่ที่ไหน ?"

น้องวิผงะหัว มีสีหน้าประหลาดใจ

"พี่รุ่งรู้เรื่องนี้ ?"

รุ่งพยักหน้า

"รู้ ! พี่รุ่งมีเรื่องจำเป็นที่ต้องเข้าหาอาเอก น้องวิช่วยพี่รุ่งพาพี่แอนดี้ไปหาคุณพ่อ ได้มั้ย ?"

"พี่แอนดี้ไหนคะ ?"

"เหล่าซือแอนดี้ ครูสอนภาษาจีนน้องวิไง !"

ญาติผู้น้องกระพริบตาถี่ ๆ เธอพูดพึมพำ

"หรือว่า ให้พี่รุ่งคุยกับต้น" เธอหมายถึงต้นลูกชายของอาพล

รุ่งได้ยินชัดพอสมควร

"ให้พี่คุยกับต้นเรื่องอะไร ?"

เธอเหม่อมองออกไปทางนอกระเบียง

"บ้านไตรสรณ์มีเรื่องแปลก ๆ เป็นความลับมานาน ต้นเค้ามีคำอธิบายของเค้า ต้นคุยเรื่องนี้กับน้องวิมาสามสี่ปีแล้ว บ้านทั้งบ้าน มีแค่เราสองคนที่กล้าคุยกันเรื่องนี้ แม้แต่พี่ต่อ พี่ชายของต้นแท้ ๆ ต้นเค้าก็ไม่คุย"

รุ่งถอนหายใจออกยาว ๆ

"เรื่องที่บ้านน้องวิ พี่รุ่งไม่ค่อยอยากจะรู้หรอก คนเยอะ เรื่องแยะ พี่รุ่งอยากรู้เรื่องเดียว คือ สุขภาพของคุณย่า นอกนั้นพี่รุ่งไม่สนใจ แต่ถ้าเรื่องที่ต้นรู้ มันจะทำให้พี่แอนดี้ช่วยอาเอกได้ พี่รุ่งก็อยากรู้"

เธอเอียงคอ

"ต้นน่าจะรู้เรื่องนี้ เพราะต้นบอกว่า เค้าแน่ใจว่าทำไมอามัณถึงเรียกให้คนติดต่อพี่จ๊อด เพราะมันเกี่ยวกับเรื่องที่คุณพ่อป่วย เหมือนกับต้นเค้ารู้ว่า คุณพ่อป่วยเพราะอะไร ?"

รุ่งผงกหัวช้า ๆ คิดตามไปด้วย

"คงป่วยเพราะคิดมากเรื่องจ๊อดสินะ"

น้องวิสั่นหัว

"ไม่ใช่ ! น้องวิถึงว่า พี่รุ่งน่าจะคุยกับต้นเองดีกว่า"

รุ่งมองหน้าวิภวา สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด หัวคิ้วย่นแทบจะชนกัน

"น้องวิโอเคหรือเปล่า ?"

เธอพยักหน้าช้า ๆ

"น้องวิอยากไปสก็อตแลนด์เร็ว ๆ !"

รุ่งระงับความฉงนในคำพูดประโยคสุดท้ายของน้องวิไว้ก่อน เขาถามคำถามสำคัญ

"น้องวิพาพี่แอนดี้ไปเยี่ยมคุณพ่อได้มั้ย ?"

เธอพยักหน้าทันที

"ได้ค่ะ !"

คำตอบเพียงแค่นี้ ที่รุ่งโรจน์ต้องการ

"น้องวิอยากรู้มั้ยว่า ทำไมพี่แอนดี้ต้องไปพบคุณพ่อ ?"

เธอกลับสั่นหัว

"ไม่เป็นไรค่ะ ! น้องวิเชื่อพี่รุ่ง เหมือนกับที่พี่รุ่งมาช่วยตรวจสุขภาพให้พี่คนนี้ พี่รุ่งไม่ถามว่าเค้าเป็นใคร น้องวิก็จะไม่ถามพี่รุ่ง ถ้าพี่รุ่งอยากให้น้องวิรู้ พี่รุ่งคงบอกเอง พี่รุ่งไม่เคยมีความลับอะไรปิดน้องวิ

เรื่องของที่บ้านไตรสรณ์ มีเรื่องยุ่งยาก สลับซับซ้อนน่าปวดหัวพอแล้วค่ะ น้องวิทำใจได้แล้วว่า ไม่ต้องรู้ทุกเรื่องจะดีกว่า ทางที่ดี คือ ไม่รู้อะไรเลย น่าจะดีที่สุด พี่รุ่งทำอะไร น้องวิเข้าใจเสมอ ไม่เหมือนอามัณ ชีวิตของพ่อน้องวิเอง มีอะไรเกิดขึ้น อามัณยังไม่เคยให้น้องวิรู้เลย ถ้าไปจากที่นี่ได้ น้องวิอยากจะลืมเรื่องของที่นี่ให้หมด...."

เธอยื่นมือมาจับข้อมือของรุ่ง

"..... ยกเว้นพี่รุ่ง น้องวิจะไม่มีวันลืมพี่รุ่ง"

รุ่งยกมือขึ้นแตะหัวเธอ แล้วผงกหัวแทนคำพูด เขาชื่อว่าญาติผู้น้องคงเข้าใจว่ามันคือสัมผัสที่ดีกว่าคำให้กำลังใจอื่นใด

*******************************************************************************************

จวนจะสี่ทุ่มแล้ว.... ฐิติชญาลืมตามองที่นาฬิกาตั้งโต๊ะบนหัวเตียง

เธอยังอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิบนพื้นปลายเตียง หลังจากที่ได้ฝึกการรับส่งพลังธาตุไฟประจำวันเสร็จ

ยิ่งวัน เธอยิ่งสัมผัสพลังได้มากขึ้น ความรู้สึกยิ่งเด่นชัด ผิวหนังเริ่มรู้สึกถึงความอุ่นผ่าว ๆ วิ่งตั้งแต่ปลายนิ้ว ผ่านลำแขน ลงมาทั่วร่าง เมื่อรับพลัง

เมื่อถ่ายพลัง เธอรู้สึกถึงไอร้อนที่วิ่งออกจากร่าง ผ่านลำแขน ผ่านปลายนิ้วมือไปยังจุดหมาย

ในความมืดมิดที่เธอหลับตาอยู่ บางชั่วขณะจิต มีภาพปลายทางเป็นบ้าน หรือ สิ่งปลูกสร้างอะไรสักอย่าง ปรากฏแว่บเป็นช่วง ๆ แต่ละช่วง กินเวลาแค่เสี้ยววินาที ภาพเกิดขึ้น แล้วก็ดับไป แต่ เธอมั่นใจว่าเป็นภาพเดิมซ้ำ ๆ กัน

โอกาสหน้าที่จะได้เจอครูปั้นอีกครั้ง เธอคงจะต้องเล่าความคืบหน้า พร้อมทั้งรอคำตอบที่จะไขปริศนาเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับภาพที่เธอได้เห็นขณะส่งพลังว่า เป็นเพียงอุปาทาน หรือ มีนัยสำคัญมากน้อยเพียงใด

เธอลุกขึ้นยืน อาการชาด้วยเหน็บมาเยือนตั้งแต่โคนขาข้างขวา ไล่ไปถึงปลายเท้า ทำให้เธอต้องยืนอยู่กับที่อีกเป็นนาที

พ้นช่วงเวลาของเหน็บ เธอเดินตรงไปยังโทรศัพท์มือถือที่ปิดเสียงไว้ ไม่ปรากฏมิสคอลใด ๆ ไอ้เพื่อนปากหมา ไม่ได้โทรกลับมา

หรือ เพื่อนอาจจะนอนหลับไปแล้วด้วยความขี้เซาตามปกติ ?

*******************************************************************************************

อ่านหน้า > 2 , 3
สั่งซื้อ นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก กดที่นี่