| |||||||
| |||||||
สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท ธรรม์เดินมาถึงบริเวณหน้าห้องของประธานบริหารกลุ่มบริษัทไตรสรณ์ เลขาสาวหน้าห้องยกมือไหว้ "คุณธรรม์ เชิญค่ะ ! คุณมัณรออยู่ในห้องค่ะ" ผู้บริหารหนุ่มพยักหน้ารับรู้ เดินไปเคาะประตูห้อง แล้วเปิดเข้าไป ผนังกระจกใส มองเห็นทิวทัศน์ของถนนบางนา-ตราดได้อย่างชัดเจน แดดอ่อน ๆ ส่องเข้ามาในห้องทำงานฝั่งหนึ่ง อาสะไภ้ กับ คุณตะวันฉาย... ผู้บริหารอาวุโส ชายวัยห้าสิบปลาย ๆ รองประธานบริหารฝ่ายการเงิน และ ทรัพยากรบุคคล นั่งอยู่บนโซฟาในส่วนของบริเวณรับแขกในห้อง มัณฑนาผายมือให้หลานสามี "ธรรม์ นั่งคุยที่โซฟานี้แล้วกัน" ผู้บริหารหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้โซฟาด้านซ้ายของท่านประธาน ธรรม์ส่งยิ้มให้ผู้บริหารอาวุโส ตะวันฉายกล่าวทักทาย "คุณธรรม์ เหนื่อยมั้ย วิ่งจากโน่นมาตึกนี้ ? คุณน่าจะมีคนขับรถซักคน จะได้สบายกว่านี้" ธรรม์สั่นหัว พร้อมหัวเราะ "ไม่ต้องครับพี่ฉาย ผมยังหนุ่มอยู่ แต่ถ้าวันไหนต้องขับไปไกล ๆ ผมก็ใช้คนขับรถพูล ใครว่างผมก็ขอให้เค้ามาช่วยขับเป็นบางครั้ง อย่างนี้โอเคแล้วครับ" ผู้บริหารอาวุโสอมยิ้ม "คุณกลัวคนขับรถกระทืบออดี้คุณพังล่ะสิ ! ออดี้ขับมันส์กว่าบีเอ็มหรือเปล่า ?" "พอกันครับ ! แต่ผมชอบรูปทรงออดี้มากกว่า สมรรถนะพอ ๆ กับบีเอ็ม แต่ถ้าขับทางไกล ออดี้ขับมันส์กว่า" ธรรม์หันหน้ามาหาอาสะไภ้ "ดีที่คุณแป๋วส่งข้อความมาบอกผมก่อน ไม่งั้นผมคงเข้าไปที่บีทีแล้ว แถวนั้นรถติดมาก" "วันนี้ไม่ต้องเข้าไปแล้วนะ ธรรม์ !" เขามีสีหน้าแปลกใจ "หือ ! ทำไมเหรอครับ ?" อาสะไภ้พูดพร้อมกับรอยยิ้ม "วันนี้ที่บีทีมีประชุมอะไร ? ประกาศชื่อตัวแทนใหม่จากซีโอแอลไอ ?" เธอเรียกชื่อย่อของไชน่าโอเวอร์ซีแลนด์แอนด์อินเวสต์เมนท์ ธรรม์พยักหน้า "ใช่ครับ ! หลัวเหลียงจะย้ายไปอยู่ซีโอแอลไอฮ่องกง ทางปักกิ่งเลยส่งคนใหม่มาแทน" ประธานหญิงหยิบกระดาษบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน "มิสเตอร์วิลเลียม เฉิน จากปักกิ่ง จะมาแทนมิสเตอร์หลัว" เธอยื่นกระดาษให้ธรรม์ บนกระดาษมีภาพใบหน้าของกรรมการคนใหม่ของไชน่าโอเวอร์ซี ฯ พร้อมชื่อภาษาอังกฤษ ธรรม์มองผ่าน ๆ ไปบนกระดาษ "ยังหนุ่มอยู่เลย ! น่าจะอายุน้อยกว่าหลัวเหลียงอีกนะครับนี่" ผู้บริหารอาวุโสพยักหน้า "อายุสี่สิบ เพิ่งเข้ามาร่วมงานกับซีโอแอลไอปักกิ่งไม่นาน" มัณฑนาพูดขึ้น "ไตรสรณ์ก็จะส่งคนใหม่ไปเหมือนกัน" คำพูดของอาสะไภ้ ทำให้หลานชายฉงน "หือ ! ส่งไปแทนใครครับ ?" "แทนเธอไง ? อาจะถอนธรรม์ออกมาจากบีที ฯ แล้วส่งคุณนิคเข้าไปแทน" ธรรม์นิ่งเงียบ สีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกว่า ยินดี หรือ ยินร้าย มัณฑนาดูสีหน้าของหลานสามี เธอมองไม่ออกว่าเขารู้สึกอย่างไรกับข่าวด่วนยามเช้าเช่นนี้ "อามีงานสำคัญงานอื่นอยากให้ธรรม์มาช่วย ธรรม์โอเคมั้ย ?" เขาพยักหน้า "โอเคครับ !" เขาตอบทันที ความเป็นผู้บริหารมืออาชีพทำให้เขาไม่ยึดติดอยู่กับตำแหน่งใด ๆ อาสะไภ้คนนี้ คือ ผู้มีพระคุณของเขา เธอคือผู้ที่เปิดโอกาสในการทำงานให้กับเขามาตั้งแต่ต้น เป็นทั้งผู้ฝึกสอน เป็นทั้งผู้บังคับบัญชา และ เป็นทั้งผู้ให้กำลังใจ หากเธอตัดสินใจแล้วว่า มันควรเป็นอย่างนั้น เขาก็ยินดีปฏิบัติตามโดยไม่ตั้งคำถาม นี่คงเป็นเหตุผลว่า ทำไมผู้บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคลถึงเข้ามาร่วมสนทนาด้วย เพราะเขาคงต้องทำเรื่องโยกย้ายตำแหน่งงาน ธรรม์ยื่นกระดาษคืนให้อาสะไภ้ "'งานเลี้ยงส่งหลัวเหลียง อามัณไปด้วยสิครับ แต่พี่ฉายคงไปไม่ได้ เมียห้ามกลับดึกใช่มั้ยล่ะ ?" เขาพูดกระเซ้าผู้บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคลด้วยรอยยิ้ม ตะวันฉายหัวเราะเบา ๆ "คุณจะเลี้ยงส่งถึงเที่ยงคืนหรือไง ? ผมคงไม่ไปหรอก เพราะไม่ได้รู้จักอะไรเค้ามากมาย" ประธานหญิงผงกหัวให้ตะวันฉาย "ขอบคุณมาก คุณฉาย บ่ายนี้เราเจอกันในมีทติ้งกับเซ็นทรัลพัฒนา" ผู้บริหารอาวุโสลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาหันกลับมาพูดกับธรรม์ "ไว้มีโอกาส ผมจะไปขอนั่งออดี้บ้าง" ธรรม์ส่งยิ้มกลับให้ "ได้เลยครับ !" พี่ฉายเดินออกจากห้องประชุมไป มัณฑนาถามขึ้น "ตกลงคืนนี้ธรรม์ไปดูคอนเสิร์ตหรือเปล่า ? อาคงไม่ได้ไป บัตรที่เหลือนี่ก็ไม่รู้จะให้ใคร" ธรรม์พยักหน้า "ไปครับ ! ผมหาคนไปดูด้วยได้แล้ว " มัณฑนาส่งยิ้มให้ "ถ้าจะเอาบัตรเพิ่มก็บอกแล้วกัน แต่ที่นั่งไม่ได้อยู่ติดกัน มีอีกสองใบ" หลานชายพยักหน้ารับรู้ "ผมคงไม่เอาแล้ว บัตรที่เหลือลองให้คุณแป๋วถามวีพีคนอื่นดูสิครับ" ยามนี้ เมื่อได้อยู่กันสองต่อสองกับมัณฑนา เขาไม่ลืมถามในเรื่องสำคัญที่ยังคั่งค้าง "อามัณ ! คุณเอกได้พูดถึงเรื่องจ๊อดบ้างหรือเปล่าครับ ?" ประธานหญิงถอนหายใจ "เปล่า ! ไม่เคยพูดถึงเลย" เขาพยักหน้ารับรู้ "เราไม่มีทั้งรุ่ง ไม่มีทั้งจ๊อด ทางโน้นจะว่ายังไงครับ ?" "ไม่มีรุ่ง พวกเค้าคงไม่ว่าอะไร แต่ไม่มีจ๊อด มันเป็นปัญหาแน่ ๆ" คำตอบนี้ ทำให้ธรรม์มั่นใจว่า การส่งคุณนิคเข้าไปเป็นกรรมการในบอร์ดของบีที ฯ คือ กลยุทธ์หมากหนึ่งที่ฝ่ายนั้นตอบรับกับสถานการณ์ที่ต้องขาดจ๊อดไป แต่ เขาก็ไม่คิดที่จะถามย้ำว่า ความคิดของเขาถูกต้องหรือไม่ มัณฑนาลุกขึ้นจากเก้าอี้โซฟา แล้วเดินไปที่โต๊ะทำงาน "ขอเวลาอาคิดอะไรเงียบ ๆ ช่วงวีคเอนด์นี้ แล้วต้นวีคหน้า เราค่อยมาวางแผนกันใหม่ เอ็นจอยคอนเสิร์ตนะ !" "ครับ !" ธรรม์ไม่เคยเห็นร่องรอยของความกังวลใจ หลุดมาจากสีหน้าของอาสะไภ้คนนี้แม้เพียงสักครั้ง เขาลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเดินออกจากห้องประธานบริหาร มัณฑนาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ทำงาน เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้น โทรหาสามี "ด็อกเตอร์คะ วีคเอนด์นี้ เราไปฮ่องกงกัน" ตัดสายจากสามี เธอกดเครื่องโทรศัพท์บนโต๊ะทำงาน สายตรงไปหาเลขาหน้าห้อง "แป๋ว ! ช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้ชั้น กับด็อกเตอร์ ไปฮ่องกง คืนวันศุกร์ กลับคืนวันอาทิตย์ เลือกโรงแรมให้ด้วยนะ ชั้นเชื่อฝีมือเธอ" "ได้ค่ะ เดี๋ยวแป๋วเช็คไฟลท์ แล้วจะให้คุณมัณเลือกอีกที ส่วนโรงแรม ที่ริทซ์คาร์ลตัน ถ้าจองในนามซีโอแอลไอ จะได้คอร์ปอเรทเรต คุณมัณจะได้ดูวิวของเกาะฮ่องกงได้ แป๋วจะเช็คห้องว่างให้นะคะ" "ดีจ้ะ ! เอ้อ ! แป๋ว... บัตรคอนเสิร์ตคืนนี้ ชั้นมีเหลือสองใบ แป๋วมีใครจะให้มั้ย ? หรือ แป๋วจะไปเองก็ตามใจ คุณธรรม์เค้าได้ไปสองใบ เค้าไม่เอาอีกแล้ว" เลขาหัวเราะเบา ๆ "คุณธรรม์ควงสาวสวยอย่างนั้น ไปสองคนกำลังเหมาะแล้วค่ะ" มัณฑนาถามกลับทันที "สาวสวย ! คนไหนเหรอแป๋ว ?" "น่าจะเป็นน้องหงส์มั้งคะ วันก่อนเห็นถ่ายรูปคู่จากซีดาร์ฟันปาร์คลงในเฟสบุค" มัณฑนาพยักหน้ารับรู้ "เหรอ ? ลงในเฟสบุคด้วย ! แป๋วรู้จักน้องหงส์ที่เฉิงตูใช่มั้ย ?" "ค่ะ ! น้องหงส์พูดภาษาจีนได้เก่งมาก แป๋วไปดูงานที่นั่นสี่วัน ได้น้องหงส์ช่วยเทคแคร์" "อ้อ ! โอเคจ้ะ ! แป๋วลองถามแล้วกัน ใครจะเอาบัตรฟรี แป๋วมาเอาที่ชั้น" "ได้ค่ะ !" ประธานบริหารวางหูโทรศัพท์ เธอเอียงคอ ใช้สมองคาดเดาความคิดของหลานสามี ธรรม์มีเหตุผลอะไร ถึงเปิดเผยเรื่องสาวคนนี้ลงในเฟสบุค ในขณะที่เขาไม่เคยมีข่าวคราวกับสาวคนอื่นมาก่อน ? เธอไม่สามารถนึกถึงเหตุผลอื่น ๆ ได้อีก นอกจาก เหตุผลแบบคนธรรมดาสามัญทั่วไป คือ ความจริงใจต่อสาวคนนี้ เขามีให้มากกว่าสาวคนอื่น ****************************************************************************** หงส์เคาะประตูห้องก่อนเปิดประตูเข้าไป ผู้ป่วยบนเตียงคือชายอายุห้าสิบสี่ปี รูปร่างสูง ลักษณะผอมเกร็ง อยู่ในชุดผู้ป่วยในของโรงพยาบาล ข้างเตียงมีเสาขวดน้ำเกลือโยงไปที่แขนซ้ายของผู้ป่วย สายตาเขามองมาทางประตู ในขณะที่ผู้มาเยี่ยมเดินเข้ามาหาที่เตียง "คุณหงส์ !" หงส์น้อยยกมือไหว้ "สวัสดีค่ะ น้ายงค์ ! วันนี้เป็นไงบ้าง ?" นักสืบประยงค์ส่งยิ้มให้ "คุณหงส์ไม่ต้องมาทุกวันหรอกครับ วันนี้อาการดีขึ้น" หงส์เดินไปที่โต๊ะข้างหัวเตียง บนโต๊ะมีกระเช้าผลไม้หนึ่งกระเช้า และ กระเช้าของชำร่วยอีกหนึ่งกระเช้า เธอก้มลงมองบนการ์ดของกระเช้าทั้งสอง เป็นนามบัตรของตำรวจทั้งคู่ "มีแต่ตำรวจมาเยี่ยมทั้งนั้นเลย" "ครับ ! พวกพ้องของผมก็ตำรวจทั้งนั้น ช่วยเหลือกันและกันมาตลอด เมื่อคืนคุณแอนดี้เป็นไงบ้างครับ ?" เธอเดินกลับมาข้างเตียง "พี่แอนดี้ป่วยเหมือนทุกวัน จะมีอาการตั้งแต่ทุ่มไปถึงสองทุ่ม ก็หายค่ะ พี่แอนดี้ถามถึงน้ายงค์เมื่อวานนี้ เค้าอาจจะใช้บริการน้ายงค์อีกเร็ว ๆ นี้" คนป่วยมีรอยยิ้มออกมา "ดีใจครับ ที่คุณแอนดี้กลับมา" "งานที่พี่แอนดี้จะให้น้ายงค์ทำจะเป็นงานเกี่ยวกับสืบประวัติคนธรรมดา คงไม่ค่อยยากนะคะ ไม่เหมือนงานแกะรอยฆาตกร แต่หงส์ก็อยากจะขอให้น้ายงค์ อย่าบอกเรื่องคดีพี่หลงให้พี่แอนดี้รู้เด็ดขาด" คนป่วยพยักหน้า "ครับ ผมไม่บอก แต่คุณหงส์จะต้องหาเวลาที่เหมาะสม บอกคุณแอนดี้เอง เรื่องที่เราสืบอยู่ มันเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าจะต่อยอดจากที่เราทำกันมา ผมจะต้องใช้คน ใช้เงินเพิ่มอีกมาก ขอบเขตมันเริ่มใหญ่ขึ้น การทำงานผิดพลาดก็จะง่ายขึ้น หากเป้าหมายรู้ตัวเมื่อไหร่ มันก็ไม่ยากที่จะเค้าจะสืบกลับมาว่าใครอยู่เบื้องหลัง ถึงวันนั้น เราอาจจะได้รับอันตรายก็ได้" หงส์พยักหน้ารับรู้ "มีวิธีไหนที่จะทำงานที่ใหญ่กว่านี้ ให้รัดกุม ไม่ผิดพลาดได้ ?" นักสืบอาชีพหัวเราะเบา ๆ "ทีมต้องใหญ่กว่านี้ ใช้เงินมากกว่านี้ สำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สำคัญคือ เราขาดคนวิเคราะห์ภาพรวม ผมเป็นแค่นักสืบที่สืบเป็นจุด ๆ ไป ถึงสืบไปหาตัวผู้กระทำ ก็อาจจะเปล่าประโยชน์ ถ้าเค้าไม่ซัดทอดผู้จ้าง การที่จะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง จะต้องไปวิเคราะห์แรงจูงใจ คนที่อยู่เบื้องหลัง ต้องมีแรงจูงใจที่จะสั่งการแบบนั้น เรากำลังยุ่งกับครอบครัวแก่งอุดม ซึ่งแน่ชัดแล้วว่า นี่ไม่ใช่การกระทำเพราะแค้นส่วนตัวแน่นอน เพราะผู้ตายกับผู้สั่ง ไม่ได้อยู่ในสังคมที่จะต้องมาเจอะเจอกันได้ มันต้องมีแรงจูงใจอื่น ๆ เป็นต้นเหตุ แก่งอุดมมีกิจการร่วมกับไตรสรณ์ และ กิจบูรณา แรงจูงใจด้านอื่น ๆ คือ ด้านผลประโยชน์ นั้นมีมากมายมหาศาล สำหรับคนทำธุรกิจ แต่จะใช่หรือไม่ ผมไม่สามารถตอบได้เลย เพราะความสามารถในการสืบมีจำกัด หากจะสืบเรื่องแรงจูงใจเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางธุรกิจ เราคงต้องการทีมที่มีประสบการณ์ด้านคดีเศรษฐกิจ น้อง ๆ ดีเอสไอเลยครับ" หงส์พยักหน้าเข้าใจ "ค่ะ ! ดูร่องรอยกิจกรรมทางการเงิน ต้องขอข้อมูลจากธนาคาร นั่นคงเรื่องใหญ่มาก" "ครับ ! แล้วสุดท้าย อาจจะไม่เกี่ยวกับคดีคุณหลงเลยก็ได้" อาการเจ็บหน่วง ๆ ที่ท้องน้อย ทำให้หงส์ยกมือขึ้นมาท้าวเอวแล้วกดนิ้วลงบริเวณข้างท้องน้อย "คุณหงส์เป็นอะไรครับ ? อาการปวดท้องกำเริบอีกเหรอครับ ?" หงส์พยักหน้า "น่าจะใช่ค่ะ ! แต่ไม่มากเท่าไหร่" เธอกลับมาเข้าเรื่องการสืบสวน "ถ้ายกเว้นเรื่องเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจ ซึ่งเราไม่มีความสามารถในการสืบ ถ้าเราตัดเรื่องความแค้นส่วนตัวทิ้งไป ตัดเรื่องความสัมพันธ์เกี่ยวกับชู้สาวทิ้งไป เรื่องที่เป็นปมอยู่ในครอบครัวแก่งอุดม คือ การร่วมมือกับไตรสรณ์ซึ่งเป็นญาติ แย่งธุรกิจมาจากกิจบูรณา ซึ่ง..." เธอถอนหายใจ แล้วพูดต่อ "... ก็ไม่น่าเกี่ยวกับพี่หลงตรงไหน" "กิจวัตรประจำวันของคนชื่อ พีรวิทย์ กับ ปัญจะวิทย์ แก่งอุดม จะเป็นตัวต้นเรื่องให้เราสืบต่อได้ สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน แต่อยู่กันคนละบ้าน ครั้งที่แล้วเราตามกิจวัตรได้คนละสิบวันเท่านั้น เพราะงบประมาณกับคนของผมมีจำกัด หากจะตามให้มากกว่านี้ เราจะต้องตามทุกวัน อย่างน้อยติดกันสามเดือน คือ เก้าสิบวัน ซึ่งต้องอาศัยงบประมาณมากกว่านี้" หงส์พูดเบา ๆ "งานที่เฉิงตูทำให้หงส์รู้จักกับผู้บริหารของกลุ่มไตรสรณ์เกือบครบทุกคนแล้ว หงส์จะลองถามข้อมูลของสองคนนี้ จากคนของไตรสรณ์แล้วค่อยเอาเรื่องมาปะติดปะต่อใหม่แล้วกันค่ะ" ประยงค์มองไปที่โต๊ะวางกระเช้าใกล้หัวเตียง "อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ข่าวดีอาจจะกำลังมาก็ได้ เห็นนามบัตรในกระเช้าใช่มั้ยครับ ?" หงส์หันไปมองที่กระเช้าบนโต๊ะอีกครั้ง "ค่ะ !" "เราใกล้จะเข้าถึงตัวนายพงษ์พัฒน์แล้ว ไม่เกินสามวัน ขอผมสรุปเรื่องนี้กับพรรคพวกก่อน ถ้าเป็นไปได้ งบประมาณที่จะใช้ไปตามครอบครัวแก่งอุดม ผมจะมาใช้เพื่อเข้าถึงตัวพงษ์พัฒน์แทน ถ้านายคนนี้ยอมพูด มันก็จบคดีได้ด้วยพยานบุคคลทันที" หงส์ยื่นมือไปจับข้อศอกของคนป่วย "ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือ สุขภาพของน้ายงค์ ขอให้น้ายงค์พักผ่อนให้เต็มที่ ออกจากโรงพยาบาลแล้วเราค่อยว่ากันต่อ" คนป่วยพยักหน้ารับรู้ "คุณหงส์ก็เหมือนกัน ดูแลสุขภาพด้วย พี่ชายก็ป่วย น้องสาวก็ป่วย มันจะแย่เอานะครับ" *************************************************************************
1 <อ่านหน้า > 3
|
|||||||