ภาพของสิทธาฤาษีปรากฏในมโนภาพของแอนดี้

"อาการของเอ็งในคืนนี้ คือ เลือดเป็นพิษ เอ็งจะมีอาการเลือดเป็นพิษอย่างนี้ไปอีกสิบวัน เป็นการดีแล้วเอ็งเอ๋ย ที่เอ็งจะได้เรียนรู้วิชาบำบัดพิษในเลือด

เอ็งไปหาซางข้าวโพด น้ำตาลทราย แตงกวา ผลลูกปาล์มแห้งมา หาได้เมื่อไหร่ ปู่จะบอกสูตรยาให้

เลือดคือชีวิตนะ เอ็งต้องรู้ไว้ !

เมื่อเลือดเสีย อะไร ๆ ในร่างกายก็จะเสียไปหมด หากจะฟื้นฟู ก็ต้องล้างไขกระดูกก่อน ไอ้วิธีที่ล้างเลือดแบบปัจจุบันน่ะ ไม่ได้ผลระยะยาวหรอก เอ็งเอ๋ย"

แอนดี้ตั้งจิตถาม

"มีหมอแผนโบราณหลาย ๆ ที่ ก็รักษาเลือดเป็นพิษได้ด้วยสมุนไพรนี่ครับ ท่านปู่"

ฤาษีผงกหัวหงึก ๆ

"มีน่ะมีนะ เอ็งเอ๋ย ! มี ปู่ไม่เถียง แต่เขาล้าง ก็สักแต่ล้าง มันจะล้างได้สักแค่ไหนเชียว เพราะฤทธิ์สกปรกตกค้าง มันอยู่ในไขกระดูก

ไอ้พวกที่ล้างเลือดโดยไม่รู้จักวิธีล้างไขกระดูกก่อน มันโง่บัดซบนะ เอ็งรู้จักคำนี้ไหม ? โง่บัดซบ !"

"ครับ ! รู้จักครับ"

ท่านฤาษีหัวเราะ

"ปู่พูดกับเอ็งใช้ศัพท์แบบนี้ เอ็งไม่โกรธปู่นะ คำว่าโง่บัดซบนี่ถือว่าเป็นคำเอ็นดูนะ เอ็งเอ๋ย ถ้าไม่เอ็นดู ปู่จะด่าว่า ไอ้จัญไร !

สิ่งที่ร่างกายเรารับ จากอาหาร จากโรคภัย จากพิษต่าง ๆ ถ้ารับมาไว้แล้วไม่ถ่ายออก มันจะค่อย ๆ แทรกเข้าไปในไขกระดูก ไอ้คนสมัยนี้มันรู้จักกันมั้ยเนี่ย ว่าไขกระดูกเป็นแหล่งเก็บโรคที่ดีที่สุด หา ? มันรู้กันมั้ย ?"

"ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ ไม่ค่อยได้ยินใครพูดกันถึงเรื่องโรคในไขกระดูก ไขกระดูกมันติดเชื้อได้ง่ายขนาดนั้นเหรอครับ ?"

"ไม่ ไม่ ! เชื้อโรคต่าง ๆ เวลาเข้าไปในร่างกาย เลือดจะล้างมันก่อน แล้วมันจะขับถ่ายเป็นเหงื่อ เป็นขี้ เป็นเยี่ยว นั่นก็ว่าตามเรื่องไป แต่ถ้ามันขับถ่ายไม่ออก มันจะตกค้าง ไอ้สิ่งที่ตกค้างนี่แหละ จะค่อย ๆ ซึม

เริ่มต้น มันก็ซึม กระจายอยู่ในสายเลือด แล้วเลือดก็ต้องวิ่งไปเลี้ยงไขกระดูก ไขกระดูกก็จะเก็บส่วนตกค้างนี้ไว้ สะสมไปเรื่อย ๆ

อะไรก็ตามที่เข้าไปในไขกระดูก มันเอาออกไม่ง่ายหรอก เอ็งเอ๋ย ไอ้พวกมนุษย์โง่บัดซบที่กินแต่ยา หารู้ไม่ว่า นาน ๆ เข้า มันเข้าไปติดค้างในไขกระดูก ตอนแก่แล้ว สนุกล่ะ เอ็งเอ๋ย ฮ่า ๆ ๆๆๆๆ "

ท่านปู่สิทธาฤาษีหัวเราะร่วน

แอนดี้ถามต่อ

"ไขกระดูก มีหน้าที่อะไรครับ ?"

"ไขกระดูก มันก็ผลิตเลือด ผลิตน้ำเหลืองแหละ เอ็งเอ๋ย ก็ถ้าแหล่งผลิตเลือดสกปรกซะเองแล้ว เลือดที่ผลิตออกมาจะหามีดีอะไรเล่า ? ทั้งเลือด ทั้งน้ำเหลืองที่ผลิตออกมา มันก็กลายเป็นโจรซะเองน่ะ เอ็งพอเข้าใจแล้วหรือยัง ?"

"คร่าว ๆ ก็พอเข้าใจตามนี้ แต่ลึก ๆ ผมคงไม่เข้าใจหรอกครับ เพราะโดยทั่วไป ผมก็คงไม่ได้เจอใครมาบอกว่าตัวเองเป็นโรคไขกระดูก มันก็ไม่น่าจะได้คุยเรื่องโรคนี้กับใครได้ง่าย ๆ"

ฤาษีผู้เป็นครู ยังคงหัวเราะร่วน

"ฮ่า ๆๆๆๆ ที่ไหนล่ะ เอ็งเอ๋ย ? ใครว่าไปอย่างนั้น ? ทุกคนที่เอ็งเห็นน่ะ ไขกระดูกมีพิษหมดน่ะแหละ เหมือนกับเจ้านักสืบที่เอ็งพบปะเมื่อบ่ายนี้ เลือดเขาก็เสียเพราะไขกระดูกมีพิษน่ะ เอ็งไม่รู้ดอกเรอะ ?"

"เอ๊ะ ! น้ายงค์เหรอครับ ? ในใจผมก็นึกห่วงเค้าอยู่เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้น ท่านปู่จะกรุณาบอกสูตรรักษาโรคให้เค้าได้หรือไม่ครับ ?"

ฤาษียกไม้เท้าขึ้นมาชี้หน้า

"เอ็งนี่ ! เลือดเอ็งเป็นพิษอยู่ ยังริจะไปห่วงชาวบ้าน เจ้าคนนั้นเขาถูกของมา เอ็งอย่าเพิ่งไปยุ่งกับเค้าเชียว"

"ถูกของ ! เงาดำ ๆ ที่ผมเห็นบนตัวเค้า นั่นคือคุณไสยหรือครับ ? ท่านปู่มีวิธีช่วยหรือเปล่าครับ ?"

ฤาษีสั่นหัว

"ข้าไม่ยุ่งเรื่องเล่นของหรอก เอ็งเอ๋ย ! ข้ายุ่งแต่เรื่องยารักษาโรค เรื่องคุณไสย เอ็งไปปรึกษาพระนางจันทิมาเถอะ นางนั้นเก่งในเรื่องคาถาอาคม"

แอนดี้ชะงัก เมื่อได้ยินท่านฤาษีพูดถึงพระนางผู้มีใจเด็ดเดี่ยว

ท่านฤาษีถามต่อ

"เอ็งยังเคืองนางด้วยเรื่องนังหนูคนนั้นใช่หรือไม่ ?"

"ก็ไม่เชิงครับ ! ผมเริ่มรู้ว่าครูของผมในแต่ละคน ผมควรจะปรึกษาเรื่องอะไร ในช่วงแรกที่ผมสัมผัสกับโลกทิพย์ ผมก็เหมือนกับเด็กเห็นของเล่นมากมาย แต่แยกแยะไม่ออกว่า ชิ้นไหน เล่นยังไง"

ท่านฤาษีหัวเราะ

"ฮึ ๆ ๆ เอ็งเปรียบกับของเล่นเชียวนะ !"

"ขออภัยครับ ผมแค่หาคำเปรียบเทียบอื่นไม่ได้ นึกอะไรได้ก็พูดออกมาก่อน

ครั้งแรกที่หลวงพ่อสอนแนะนำให้ผมรู้จักกับพระนางจันทิมา ท่านบอกว่าผมกับพระนาง ผูกพันกันมาหลายภพหลายชาติ พระนางจะช่วยเหลือ และ เป็นครูผมได้ในเรื่องเวทย์มนต์คาถาอาคมโบราณ แต่หลวงพ่อท่านก็จำกัดว่า มีวิชาบางอย่าง ไม่ให้ผมเรียน ซึ่งพระนางก็ตกลงว่า จะไม่สอนวิชาเหล่านั้น เช่น ประกาศิตเสน่หา แทรกนิมิต ไพรพิฆาต"

"หลวงพ่อเอ็งไม่ให้เอ็งเรียน แล้วเอ็งกลับยังจำชื่อวิชาพวกนั้นได้เรอะ ?"

"ครับ ! ผมจำชื่อได้ แต่ไม่รู้ความหมายหรอกครับ ถึงเดาก็เดาไม่ถูก แต่ จิตของผม ก็ไม่เคยนึกอยากจะได้อภิญญาอะไรมากมาย เพียงแต่ หลวงพ่อท่านบอกว่า ผมยังต้องเดินสายพุทธภูมิไปอีกซักระยะหนึ่ง ซึ่งหากมีอภิญญาติดตัว ก็จะทำให้ผมทำงานสำเร็จลุล่วงได้ง่ายขึ้น แล้วพระนางก็ถือเป็นผู้ที่เพียบพร้อมไปด้วยวิชาอาคม ที่สามารถจะช่วยให้ผมทำการงานให้สำเร็จได้"

ฤาษีพยักหน้า

"ไม่ผิดหรอก เอ็งเอ๋ย สิ่งที่หลวงพ่อสอนพูดไว้ ไม่ผิด หลวงพ่อสอน เดินตามหลวงพ่อที่อุทัยธานี เส้นทางนี้เป็นทางสายเอก ปลายทางคือนิพพานแน่นอน ปู่ก็ขอให้เอ็งตั้งมั่น การใดที่จักต้องก้าวไปให้ลุล่วง ปู่ก็ขอให้พรเอ็ง ให้เอ็งก้าวไปได้ตลอดรอดฝั่งนะ"

แอนดี้มีรอยยิ้มอยู่เต็มดวงจิต

"ท่านปู่มีเมตตามากครับ ผมจะจัดหาของต่าง ๆ มาเตรียมปรุงยาตามที่ท่านปู่แนะนำ ขอกราบขอบพระคุณท่านปู่ครับ"

แอนดี้ตั้งจิต ก้มลงกราบแทบเท้าของฤาษี

"คืนนี้ ปู่ลาไปก่อนนะ"

เมื่อแอนดี้เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ต้องประหลาดใจกับภาพที่ปรากฏต่อหน้า

พระนางจันทิมาในชุดหญิงสุวรรณภูมิ ยืนตัวตรงเป็นสง่า ที่มุมปากมีรอยยิ้มซึ่งดูแปลกตาไปจากทุกครั้ง

แอนดี้ยกมือขึ้นไหว้

พระนางกล่าวทักขึ้น

"เรามิมีเมตตาพอหรือ ?"

แอนดี้สังเกตเห็นรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของพระนาง เขารู้ดีว่าน้ำเสียงนี้ ไม่ใช่มาจากอารมณ์โกรธ

"ผมไม่เคยคิดว่าพระนางไม่มีเมตตา เพียงแต่ ผมรู้สึกทึ่งในความเด็ดขาดของท่านมากกว่า"

รอยยิ้มบนใบหน้าพระนาง เริ่มกว้างขึ้น

"ท่านมีวาจาที่คมคาย และ หลักแหลมเช่นนี้มาตลอด การได้คุยกับท่านสิทธาฤาษี คงทำให้ท่านสัมผัสได้ถึงกระแสแห่งความเมตตา"

แอนดี้พยักหน้า

"ใช่ครับ ! ท่านปู่ใจดีมาก"

"ซึ่งผิดกับเรา ?"

แอนดี้หัวเราะเบา ๆ แต่ไม่ตอบคำถาม

"ท่านสิทธาฤาษี กับ เรานั้น มีอะไรแตกต่างกันบ้าง ท่านจงว่ามา !"

"แตกต่างเหรอครับ ? อย่างแรก ก็คือ ภาษาที่ใช้สื่อสาร ผมแปลกใจว่า ภาษาที่ท่านปู่ใช้สื่อสารกับผม ดูจะทันสมัย คล้ายกับภาษาไทยปัจจุบันมากกว่า เป็นกันเองกว่า ส่วนท่าน มีภาษาที่เป็นทางการกว่า แต่ก็สวยงาม ฟังเป็นที่เข้าใจ"

พระนางยังคงมีรอยยิ้มอยู่ที่มุมปาก

"ใช่ ! ท่านสิทธาฤาษี จะเปลี่ยนภาษาที่สื่อสารไปตามยุคตามสมัยได้"

"แล้วพระนางทำไมไม่เปลี่ยนล่ะครับ ?"

"มิจำเป็น ! เราจักพูดของเราเช่นนี้ ร่ำไป เพราะเราชมชอบของเราเช่นนี้ ท่านอยากให้เราเปลี่ยนภาษาหรือ ?"

แอนดี้สั่นหัว

"ไม่ต้องครับ ! ภาษาของท่านก็ฟังได้เป็นที่เข้าใจ เพียงแต่ผมสังเกตความแตกต่างได้บ้าง ว่าภาษาของพระนาง เป็นทางการกว่าของท่านปู่สิทธา"

พระนางผงกหัวช้า ๆ

"นั่นเพราะว่า เราเคยเป็นผู้ครองนคร เราเคยเป็นทั้งกษัตริย์ และ ราชินี และ ชาติสุดท้ายที่เราได้ถือกำเนิดในโลกมนุษย์ เราคือหญิงอันดับหนึ่งของนคร ซึ่งก็คือพระวรชายา หรือ จะเรียกว่าราชินี ก็สุดแล้วแต่จะเรียก ฉะนั้น ภาษาของเรา จึงบ่งบอกถึงรากเหง้าเก่าแก่ ภาษาของเราบ่งบอกถึงสถานะในอดีต ซึ่งมีศักดิ์ที่สูงที่สุดในแผ่นดิน"

"ในอดีตนั้น ผู้คนคงเกรงกลัวท่านมาก เพราะท่านยิ่งใหญ่ทั้งฐานันดร และ ยังมีวิชาอาคมที่แกร่งกล้า"

พระนางยกมือชี้นิ้วมาที่แอนดี้

"แต่ท่านหากลัวเราไม่ ! ไม่ว่าจะในภพไหน ๆ ท่านก็หาเกรงกลัวเราไม่"

"ในอดีต ผมมีวิชาแกร่งกล้ากว่าพระนางอีกหรือครับ ?"

"ไม่ใช่ด้วยเหตุนั้นหรอก ! ในชาตินี้เอง ท่านก็เป็นแค่คนธรรมดาสามัญ ท่านยังมิได้แสดงความเกรงกลัวเราแต่อย่างใด แต่นั่นก็เป็นข้อดีของท่านที่ท่านไม่กลัวการข่มขู่ ไม่กลัวภยันตรายใด ๆ แล้วท่านก็มิต้องกลัวสิ่งใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับท่าน เนื่องด้วยมีเราคอยปกป้องท่านอยู่ แม้แต่อันตรายจากตัวเราเอง ท่านก็มิต้องกลัว เพราะเราจะมิมีวันทำร้ายท่าน"

แอนดี้พยักหน้าช้า

"ยกเว้น ผลแห่งกรรมเท่านั้น ที่ทำร้ายผมได้"

"ใช่ !"

"ทำไมท่านถึงไม่มีวันทำร้ายผมครับ ?"

พระนางมีรอยยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง

"เรื่องนั้น ท่านจงหาความหมายเองเถิด ในการระลึกชาติของท่านแต่ละครั้ง ท่านก็มุ่งไประลึกแต่ในกาลแห่งโยนกนคร เพราะจิตท่านห่วงหาอาลัยแต่กับพวกเขา หากท่านจะเบื่อหน่ายในเหตุการณ์โยนกนคร แล้วระลึกย้อนไปก่อนหน้านั้นอีกสักภพสองภพ ท่านก็อาจจะรู้คำตอบได้ว่า ทำไม เราจะมิมีวันทำร้ายท่าน"

แอนดี้อมยิ้ม

"การเวียนว่ายตายเกิดของจิตเรานี่ มันเหมือนมหากาพย์ภาพยนตร์จริง ๆ นะครับ สืบสาวไปยังไง ก็ไม่เจอต้นตอซักที ยิ่งสืบไป ยิ่งพบปมให้สืบต่อไปเรื่อย ๆ"

"ท่านเริ่มพูดเหมือนกับคนที่กำลังต้องการหลุดพ้น แต่เรานั้น ไม่เคยหวังจะได้หลุดพ้นใด ๆ ท่านเริ่มเบื่อในการเวียนว่ายตายเกิด แต่เรานั้นไม่เคยคิดเรื่องเหล่านี้ หากท่านจะสนทนาถึงเรื่องการดับภพสิ้นชาติ ท่านอาจจะต้องสนทนากับครูท่านอื่น ซึ่งไม่ใช่เราแน่นอน"

แอนดี้พยักหน้า

"ครับ ! ครูแต่ละคน มาสอนผมด้วยวิชาที่แตกต่างกัน ผมพอจะแยกแยะได้"

"นั่นแหละ คือ ท่าน ! ท่านแยกแยะได้เสมอ

วันพรุ่งนี้ หากท่านจะติดต่อสื่อสารไปยังนังเด็กไร้มารยาทคนนั้น ท่านก็จะได้รับข่าวดี"

ลูกศิษย์รู้สึกหัวใจพองโต

"หมายความว่า ท่านยอมให้อภัยเด็กคนนั้นแล้ว ?"

"ยังมิได้หมดจดนัก เรานั้นเห็นแก่ท่านสหัมบดีพรหม จึงจักลดโทษให้กับนังเด็กใจหยาบนางนี้ วันพรุ่งนี้ มันจะเริ่มได้สติ และจำสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับมันได้ ขอให้ท่านถามมันว่า มีหญิงคนหนึ่งแต่งกายโบราณแบบที่เราแต่งนี้ ไปเจรจาความกับมัน ถามมันว่า ยอมรับ ในสิ่งที่เจรจาหรือไม่"

แอนดี้ไม่ซักไซร้ต่อ เพียงแค่พระนางยอมที่จะให้สติคืนกลับแก่เด็กสาวแพทตี้คนนั้น ก็นับว่าเป็นที่พอใจสำหรับเขาแล้ว

"ขอบพระคุณพระนางครับ ผมจะทำตามที่ท่านบอก"

"กิจการใดต่อไป ที่ท่านจักต้องทำ มีเรื่องให้เราช่วยเหลือสิ่งใด โปรดบอกมา"

แอนดี้นึกถึงภาระที่ต้องรีบสานต่อให้เสร็จ ตามที่ได้รับปากหลวงพ่อสอนไว้

"ผมคงถือโอกาสนี้ ได้ทำความรู้จักกับครูยาใจ แล้วจะได้ช่วยเด็กคนนั้นซึ่งเป็นลูกศิษย์คนโปรดของเธอ

ผมเพิ่งรู้ประวัติของครูยาใจวันนี้ เธอเป็นคนที่น่าศรัทธามากคนหนึ่ง แทนที่ผมจะทำให้เธอศรัทธา แต่ผมกลับศรัทธาเธอไปก่อนซะแล้ว"

"เป็นการดีที่ท่านจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ของท่าน โดยที่มีเราคอยช่วยเหลืออยู่ เรื่องครูคนนั้น ท่านมิต้องห่วง เราช่วยท่านได้ ขอให้ท่านนัดเจอกับครูท่านนี้ตามที่ท่านต้องการ เราจะคอยช่วยเหลือท่านเอง"

แอนดี้ตั้งจิตยกมือขึ้นไหว้

"ชีวิตใหม่ของผม มีผู้ช่วยเหลือผมมากมายเหลือเกิน ! ขอบพระคุณพระนาง !

แต่ น่าแปลกใจว่า รุ่งไปมีเรื่องกับคนดีที่มีคุณธรรมแบบนี้ได้ยังไง ?"

__________________________________________________________________________________________

โดย วีรยาติ

1 , 2, <อ่านหน้า

กลับขึ้นด้านบน

พ็อคเก็ตบุคนิยายหมอเถื่อน เล่ม 2 - 4 เปิดให้จองล่วงหน้าแล้ว อ่านรายละเอียดได้ที่นี่

อ่านตอนต่อไป

อ่านตอนอื่น

สมัครสมาชิก เว๊บบอร์ดที่นี่ (หากไม่สมัครสมาชิก จะโหวต หรือ แสดงความคิดเห็นไม่ได้) และ

อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นที่นี่




Free counters