ตอน 13 หน้า2

วันลายสก็อต (1)

สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท

รุ่งอาบน้ำเสร็จแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เป็นเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีแดงพอดีตัว กางเกงคอตต้อนขายาวสีเทา หันหน้าเข้าหากระจกที่ผนังปลายเตียง

เพื่อนผมหยิกนั่งอยู่บนเตียงมองมาที่เขา

"วันนี้ไม่ต้องทำงานเหรอ ถึงมีเวลาไปร้านไดโสะ ?"

"วันนี้ลาหยุด เย็นนี้จะได้ไม่เหนื่อย เตรียมต้อนรับเพื่อน ๆ ที่มาดูคอนเสิร์ต สาว ๆ ทั้งน้าน !"

มอแกนพยักหน้า

"นายใส่เสื้อตัวนี้แล้วเท่จริง ๆ แต่นายยังโสด !"

รุ่งเลิกคิ้ว

"อือ... ! แล้วทำไม ?"

"เราไม่เคยเห็นนายมีแฟนเป็นคนจริง ๆ เลย"

รุ่งหัวเราะ

"มอแกน ! นายกำลังจะเข้าทำงานในออฟฟิศฟันปาร์คแล้ว นายต้องหัดพูดภาษาคนให้คนฟังเข้าใจ นายเคยเห็นเรามีแฟนเป็นผักกระเฉด หรือ เป็นแมงกุ๊ดจี่หรือไง ?"

เพื่อนผมหยิกนึกถึงคำพูดตัวเอง แล้วสะดุ้ง

"ไม่ใช่ ไม่ใช่ ! เราหมายถึง ... เอ่อ... เราจะพูดยังไงดีนะ....?"

รุ่งพูดนำให้

"นายกำลังจะบอกว่า นายยังไม่เคยเห็น เรามีแฟนเป็นตัวเป็นตนซักที...."

มอแกนพยักหน้า

"ใช่ ๆ ! เราหมายความยังงั้น"

"ก็ อืม ! ผู้หญิงในโลกนี้ จะมีคนที่ชอบเราซักคนมั้ย ยังไม่รู้เลย"

เพื่อนพูดสวนกลับมาทันทีด้วยเสียงอันดัง

"มี ! มีมากกว่าที่นายคิดแน่"

รุ่งหันมามองหน้าเพื่อน

"ทำไมนายต้องตะโกนด้วย ?"

เพื่อนตัวเตี้ยลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินเข้ามาหา

"นายกำลังไม่มั่นใจในตัวเองเรื่องผู้หญิง เราก็จะบอกนายให้มั่นใจว่า นายน่ะ มีแฟนเยอะนะ"

รุ่งหัวเราะหึ ๆ เขา หยิบขวดน้ำหอมขึ้นฉีดที่ข้อพับแขน และ ซอกคอ

"นายลดความดีใจของนายลงบ้างเหอะ มอแกน ! ไม่ต้องห่วงเรื่องผู้หญิงของเราหรอก อยู่คนเดียวอย่างนี้ก็สบายอยู่แล้ว"

มอแกนสั่นหัว

"ไม่ใช่ ! นายไม่ได้อยู่คนเดียว นายไม่เข้าใจ ผู้หญิงที่ชอบนายน่ะ มีเยอะมาก ๆ เพียงแต่ นายไม่รู้จักพวกเค้า นายเลยไม่มั่นใจในตัวเอง"

รุ่งนึกขำในใจ ตอนนี้เพื่อนอัจฉริยะกำลังสวมบทบาทเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนารีศาสตร์เสียแล้ว

เพื่อนผมหยิกเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า

"รุ่ง ! เราขอยืมเสื้อยืดตัวนี้ใส่เย็นนี้ได้หรือเปล่า ?"

มอแกนชี้มือไปที่เสื้อยืดคอกลมสีเขียวสดที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า

"ได้ ! แล้วนายใส่ได้เหรอ ? ชายเสื้อมันไม่ยาวไป ?"

มอแกนยิ้มเห็นเหงือก

"ไม่ ไม่... ไม่เป็นไร คืนนี้เราจะใส่ไปดูคอนเสิร์ต หวังว่าสาวที่เราชอบจะเห็นเรา"

รุ่งอมยิ้มเมื่อได้ยิน

"แน่ะ....ไปรู้จักสาวที่ไหน ? ไม่เห็นเล่าให้กันฟังบ้าง"

นายตัวสั้นเหลือบตามองเพดาน

"ไม่ใช่แคลร์แน่นอน ! แคลร์น่ะ เราคงเว้นให้นาย นายชอบแคลร์ เรารู้ เราไม่แย่งนายหรอก นายสบายใจได้

เออ... แล้วคุณหงส์จะมาดูคอนเสิร์ตด้วยหรือเปล่า ?"

"ก็อาจจะ ! ถ้าคุณธรรม์มา คุณหงส์อาจจะมา นี่อย่าบอกนะว่านาย..."

มอแกนอมยิ้ม

"นั่นล่ะ... สเปคเราเลย ! เราชอบคุณหงส์ !"

สายตาของเพื่อนผมหยิกเริ่มเคลิ้มหยดย้อย

"...แต่เรารู้ว่า เธอเหมือนกับหงส์บนฟ้า คงไม่มองหมาเน่าอย่างเรา อย่างน้อย เสื้อยืดของนาย ก็คงทำให้เราดูเป็นคนธรรมดาในสายตาของเธอได้บ้าง"

รุ่งยกมือขึ้นจับหน้าผากตัวเอง

"เวรเอ๊ย ! มอแกน ! ทำไมตอนนี้นายใช้คำพูดที่สละสลวย เรียงประโยคสวยงามได้ ? แล้วตอนปกติที่นายควรจะพูดรู้เรื่อง นายกลับพูดไม่รู้เรื่อง ?"

เพื่อนผมหยิกยิ้มชอบใจ

"ไม่รู้สิ รุ่ง ! เราว่า.... ความรัก คงทำให้ภาษาของเราบอดไป"

"โอ้ว !... กูไปเอาหัวจุ่มโถขี้ตายดีกว่า ! จู่ ๆ ผีนักกวีเข้าสิง"

มอแกนนึกขำตัวเองจนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น

"ฮ่า ๆ ๆๆๆๆๆ ..... เราจะได้เป็นพนักงานประจำแล้ว... ดีใจจังเลย !"

***********************************************************************************************

เกือบห้าโมงเย็น..... ภาวีขับรถเข้าลานจอดรถกลางแจ้งของบางกอกซีดาร์ฟันปาร์ค

จิตของเธอยังแน่วแน่เป็นสมาธิ ตั้งแต่เมื่อเธอได้ประกอบพิธีกรรมถอนคำสัญญาในอดีตเรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ใด ๆ ที่จะต้องเผชิญ ก็คงจะไม่ทำให้ใจเธอหวั่นไหวแต่ประการใด

เป็นประสบการณ์ที่แปลก แต่หาคำอธิบายไม่ได้สำหรับเธอ หลังจากพิธีถอนคำสัญญานั้น จิตใจของเธอ ก็ไม่ได้หวนคิดคำนึงถึงหนุ่มรุ่นน้องคนนี้อีก หากไม่ใช่นิลกาญจน์ ที่ชวนเธอออกมาพบกับเขาในวันนี้ เธอก็คงจะไม่ได้นึกถึงเขาไปอีกนาน

ภาวีหันไปพูดกับนิลกาญจน์ที่นั่งอยู่เบาะหน้า

"วันนี้รถเยอะจัง ! ครั้งที่แล้วเรายังได้จอดใกล้ประตู"

"ค่ะ ! คนคงมาดูคอนเสิร์ตกัน คืนนี้จะมีจุดพลุด้วย น่าจะสวยนะพี่วี"

นิลกาญจน์อยู่ในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีเทา กางเกงยีนส์ ดูแปลกตาเป็นพิเศษสำหรับเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่อย่างภาวี

"เธอใส่สายเดี่ยวแล้วดูน่ารัก พี่ไม่เคยเห็นเธอใส่มาก่อน"

เพื่อนรุ่นน้องส่งยิ้มให้

"ร้อนค่ะ พี่วี ! ถ้าแก้ผ้าออกมาได้ คงแก้ไปแล้ว"

โชเฟอร์เงยหน้าขึ้นดูท้องฟ้า

"ไม่ร้อนแล้วล่ะ ! ฝนมาแน่"

สาวรุ่นน้องเปิดประตูรถ แต่คำว่า 'ฝน' ของภาวี ทำให้นิลกาญจน์นึกถึงเพื่อนชื่อนี้ขึ้นมาได้

นิลกาญจน์ผลักประตูปิด แล้วเดินตามเพื่อนรุ่นพี่ไป รอยยิ้มพลันปรากฏที่ใบหน้าทันทีที่ใจนึก

'ฝน ! ขอบคุณนะ ที่แนะนำให้ชั้นรู้จักกับเค้า วันนี้ชั้นจะทิ้งบอมบ์แล้วนะ ข้าศึกจะตายหรือไม่ คงได้รู้กัน'

สองสาวเดินอยู่บนทางลูกรัง ภาวีชี้ไปที่ทางเดินราดยางมะตอย

"โน่น ! เดินไปทางโน้นดีกว่า เดี๋ยวรองเท้าเสีย... ยิ้มอะไรน่ะ กาญจน์ ?"

นิลกาญจน์เบิกตาโตใส่

"อะไรอะ ? ก็มันหุบยิ้มไม่ได้น่ะ ดีใจที่จะได้มาดูคอนเสิร์ต"

ภาวีคล้องแขนสาวรุ่นน้อง แล้วพากันเดินตรงไปทางประตูใหญ่

"คลั่งมากล่ะสิ ?"

รุ่นน้องพยักหน้า

"อือ...! อยากเห็นหน้าเร็ว ๆ"

ภาวีหัวเราะ

"ถ้ามิกซ์เค้ารู้ว่ามีแฟนคลั่งเค้าขนาดนี้ เค้าคงภูมิใจมากเลยนะ"

นิลกาญจน์หันมามองหน้าคู่ควง

"มิกซ์เหรอ ? หึ ๆ"

"อ้าว...! ไม่ใช่มิกซ์แล้วจะใคร ? ก็เรามาดูคอนเสิร์ตเค้า เธอจะไปคลั่งใคร ?"

สาวรุ่นน้องอมยิ้ม แล้วพาคู่ควงเดินตรงไปทางเข้าประตูใหญ่

***********************************************************************************************

หนุ่มไดโสะ ใส่เสื้อลายสก็อตแขนสั้นสีสวยสดใสในโทนแดง เดินก้าวขาสั้น ๆ จากบริเวณเขตหอพักพนักงานเข้ามาในเขตสวนสนุก

'บี๊บ ๆ !'

เสียงแตรจากรถคลับดังขึ้นไล่หลัง

ปริญญาหนุ่มแต๋ว กับ วิชชุดาที่ทำหน้าที่คนขับ อยู่บนรถคลับ ทั้งคู่โบกมือเรียกรุ่ง

"รุ่ง รุ่ง ! พอย้ายไปเมอร์แชนไดซิ่งทำไมมันดูหล่อจัง ? " เสียงหนุ่มปริญญาตะโกนไล่หลัง

รถคลับจอดเทียบข้าง ๆ รุ่ง เขาหัวเราะชอบใจ

"อยู่ใกล้กับแกแล้วหมองน่ะ อีปริ๊นซ์ !"

วิชชุดามองเห็นชุดไปรเวทของรุ่ง เธอทักขึ้น

"วันนี้เดย์ออฟเหรอจ๊ะ ? แล้วทำไมเดินเหมือนคนเป็นโรค ? "

รุ่งยักคิ้ว

"อือ ! เตรียมตัวไว้ควงสาวไปดูคอนเสิร์ต"

วิชชุดาหัวเราะ

"เดินแบบเนี้ยน่ะเหรอ จะควงสาวไปดูคอนเสิร์ต ? สาวคงได้นึกว่าเธอเป็นริดสีดวงทวาร"

"เมื่อบ่ายหกล้มก้นกระแทก ตอนนี้คงระบม เดินเร็วไม่ไหว "

"งั้นก็ขึ้นมานั่งบนรถนี่ จะไปไหนเดี๋ยวไปส่ง"

รุ่งสั่นหัว

"ไม่เป็นไร ! นัดสาวกินไอติมตรงลานน้ำพุ แดดไม่มี ค่อย ๆ เดินได้ อยากเดินโชว์หุ่น"

ปริญญาเอื้อมมือมาบีบบั้นท้ายรุ่ง

"นี่แน่ะ ! อยากโชว์หุ่น ! ขอจับซักที"

รุ่งยกมือตีแขนเพื่อนแต๋ว

"อีปริ๊นซ์ ทะลึ่ง !"

วิชชุดาพยักหน้า แล้วเหยียบคันเร่ง

"งั้นพวกชั้นไปก่อน แล้วเจอกัน !"

รุ่งโบกมือให้เพื่อนร่วมงาน

เสียงครืนจากท้องฟ้า ทำให้เขาเงยหน้ามอง เสียงฟ้าเริ่มคำรามเป็นสัญญาณว่า เมฆเริ่มรวมกลุ่มกันพอเหมาะที่จะก่อให้เกิดฝนได้ในอีกไม่ช้า

บรรยากาศในเขตสวนสนุกตอนเย็นเริ่มคึกคัก

การโปรโมทคอนเสิร์ตของฟันปาร์คในสื่อต่าง ๆ ได้ผลเป็นอย่างดี คนเริ่มทยอยกันเข้ามาเที่ยวในสวนสนุกหนาตาขึ้นตั้งแต่บ่ายกว่า ๆ เพื่อรอที่จะชมคอนเสิร์ตในเวลาหนึ่งทุ่ม และ จบด้วยการแสดงพลุ

สาวแรกรุ่นผมยาวใส่เสื้อลายสก็อตสีน้ำเงิน กำลังยืนอยู่ริมทางเดินฝั่งตรงข้าม เสื้อลายสก็อตของเธอเป็นจุดเด่นที่ทำให้รุ่งสนใจ

สาวนางนั้นหันหน้ามา แล้วมองตรงมายังเขา เธอเพ่งมองมาอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่หลบสายตา

รุ่งคิดได้แล้วก็รู้สึกขำในใจ เขาเป็นฝ่ายที่หลบสายตา มองตรงไปข้างหน้า แล้วเดินต่อไป

เขายังจำได้เมื่อสมัยตอนที่ยังเด็ก พ่อเคยซื้อเสื้อลายสก็อตกับหมวกคาวบอยให้ วันแรกที่เขาหยิบเสื้อตัวนั้นขึ้นมาใส่พร้อมหมวกคาวบอย คือ วันที่ พ่อ และ แม่ พาไปเที่ยวที่จังหวัดราชบุรี

ในวันนั้น เขาก็พบกับเด็กในวัยเดียวกันอีกหลายคน ที่ใส่เสื้อลายสก็อตคล้าย ๆ กันไปเที่ยว เมื่อมองหน้ากัน เห็นเสื้อลายคล้าย ๆ กัน เขาก็รู้สึกเขิน

สาวนางเมื่อครู่นี้ก็คงอยากเดินเข้ามาเขกกะโหลกเขา แล้วถามว่า นึกยังไงถึงใส่เสื้อสก็อตในวันเดียวกันกับเธอ ?

หวังว่าเสื้อลายสก็อตราคาถูกของเขา คงไม่ไปทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังใส่เสื้อโหลอยู่

รุ่งเดินตรงไปยังร้านขายไอศครีมเจลาโตตรงข้ามกับลานน้ำพุ

ทันทีที่เปิดประตูร้านเจลาโตเข้าไป สาวรุ่นคนหนึ่งที่กำลังยืนอ่านหนังสือพิมพ์ในร้าน กลับหันมาจ้องหน้าเขา

ใบหน้าไม่เป็นที่คุ้นเคยสำหรับเขา รุ่งจึงเลือกที่จะเดินผ่านเธอเข้าไปข้างใน

แต่หางตาเขาสังเกตเห็นเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีม่วง

รุ่งหันกลับไปมองอีกครั้ง

สาวรุ่น ไว้ผมปล่อยยาวเลยบ่า หน้าตาน่ารัก ใส่เสื้อลายสก็อตสีม่วง กำลังจ้องมาที่เขา ท่าทีของเธอ เหมือนกับว่าอยากจะทักทาย แต่ยกหนังสือพิมพ์ขึ้นปิดปาก เก้ ๆ กัง ๆ

เมื่อรุ่งพิจารณาบุคลิก และ ใบหน้าของเด็กผู้หญิงคนนี้ด้วยความรวดเร็วอีกครั้ง มั่นใจว่า ไม่เคยรู้จักเธอแน่ ๆ เขาจึงหันหลังกลับ แล้วเดินตรงเข้ามาในร้าน

"พี่รุ่ง ! ทางนี้ค่ะ !"

เสียงน้องวิที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหัวมุมผนัง ดังข้ามห้องมาถึงเขา

รุ่งเดินก้าวเท้าช้า ๆ ย่องตรงไปยังโต๊ะที่ญาติผู้น้องนั่งอยู่คนเดียว

วิภวายกมือไหว้

"หวัดดีค่ะ ! พี่รุ่งเจ็บขาเหรอคะ เดินตัวโยก ๆ ยังงั้น ?"

เขาสั่นหัว

"ไม่ได้เจ็บขา แต่เจ็บก้น พี่หกล้มมา แต่ไม่เป็นไร ดีขึ้นแล้ว"

ญาติผู้น้องเหลือบมองไปยังสาวรุ่นเสื้อลายสก็อต

"พี่รุ่งรู้จักน้องผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า ? ท่าทางเค้ามองมาทางพี่รุ่งเหมือนจะรู้จักกัน"

รุ่งทรุดตัวลงนั่งตรงข้าม แล้วหันกลับไปมองสาวน้อยคนเดิมอีกครั้ง

"ไม่รู้จักแน่ ๆ แต่ดูท่าทางเหมือนเค้าจะทัก แต่พี่รุ่งพอจะรู้ว่าเค้าจะทักว่าอะไร"

"ทักว่าอะไรคะ ?"

รุ่งหันมาอมยิ้ม

"เค้าจะทักว่า หนูไปก่อเวรกรรมอะไรไว้กับพี่ชาติปางไหนคะ พี่ถึงต้องมาใส่เสื้อลายเดียวมาชนกับหนูวันนี้ ?"

น้องวิเหลือบไปดูการแต่งกายของสาวน้อยนางนั้น แล้วหัวเราะ

"ไม่เห็นเหมือนกันเลย ! ลายสก็อตเหมือนกัน แต่คนละสี"

"นี่ไม่ใช่คนแรกนะที่ใส่เสื้อลายสก็อตวันนี้ เมื่อกี๊ก็มีอีกคน แต่ ช่างเค้าเหอะ ! ถ้าเค้าจะทัก เค้าก็คงเดินเข้ามาทักเอง เราอยู่เฉย ๆ เดี๋ยวเค้าก็ไปเอง"

ญาติผู้น้องพยักหน้า


"ค่ะ ! ไปสั่งไอติมกินกันดีกว่า น้องวิยังไม่ได้สั่งเลย รอพี่รุ่งอยู่นี่แหละ"

รุ่งพยักหน้า

"อือ ! สั่งแล้ว เดินออกไปกินที่ลานน้ำพุดีกว่า วันนี้อากาศไม่ร้อน"

น้องวิพยักหน้าเห็นด้วย

***********************************************************************************************

สองญาติผู้พี่ - ผู้น้อง นั่งละเลียดไอศครีมเจลาโตอยู่ที่เก้าอี้หน้าลานน้ำพุ


น้องวิชะโงกหน้ามาดูไอศครีมในถ้วยของรุ่ง

"แดงแป๊ดเลย ! ราสเบอรี่ของพี่รุ่งน่ากินจัง"

รุ่งยื่นถ้วยให้น้อง

"ลองดูสิ ! เปรี้ยวถึงภพหน้าเลย !"

วิภวาตักไอศครีมสีแดงเข้มในมือรุ่งเข้าปาก เธอหลับตาแล้วพยักหน้า

"ถึงภพหน้าจริง ๆ พี่รุ่ง"

สีหน้าของญาติผู้น้องเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

"โอเคกับเรื่องอะเบอร์ดีนแล้วใช่มั้ย ?"

น้องวิแลบลิ้นออกมาให้รุ่งดู ปลายลิ้นของเธอเป็นสีแดง

"แดงป่าว พี่รุ่ง ? ลิ้นน้องวิ ?

รุ่งพยักหน้าพร้อมหัวเราะ

"ดูจากสภาพลิ้นแล้ว พี่รุ่งว่า น้องวิคงโอเคกับอะเบอร์ดีนแล้ว ชัวร์ !"

ญาติผู้น้องชักลิ้นกลับเข้าปาก

"โอเคค่า ! น้องวิเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส คุณพ่อกับคุณแม่ จะพาน้องวิเที่ยวอังกฤษก่อน แล้วค่อยไปส่งที่สก็อตแลนด์ แล้วน้องวิ ก็วางแผนเที่ยวเอดินเบิร์กไว้ตอนปิดซีเมสเตอร์แรก"

รุ่งผงกหัวสองสามครั้ง

"ดี ๆ ๆ ! ถ้าคิดได้อย่างนี้ ก็ดี น้องวิจะได้มีความสุขกับการใช้ชีวิตต่างแดน มีแต่เรื่องน่าตื่นตาตื่นใจ"

วิภวาหยิบช้อนไอศครีมขึ้นมาชู แล้วเธอก็พูดขึ้น

"น่ากลัว หรือ น่าศรัทธา หรือ น่าสงสาร.... น้องวิ ไม่รู้จะใช้คำพูดไหนที่จะบรรยาย..."

"ช้อนเนี่ยน่ะเหรอ ? ถ้าน้องวิอมเข้าไปแล้วเอาออกมาชูแบบนี้ มันก็คงทั้งน่ากลัวทั้งน่าสงสารแหละ แต่คงไม่น่าศรัทธาเท่าไหร่"

เธอหัวเราะ แล้วหันมามองหน้าญาติผู้พี่

"ฮ่า ๆๆๆ ! เปล่าค่ะ ! น้องวิไม่ได้พูดถึงช้อนอันนี้ น้องวิหมายถึง อามัณ"

รุ่งพอจะเข้าใจความหมายคร่าว ๆ ของสิ่งที่อยู่ในใจญาติผู้น้องคนนี้ คำพูดเพียงประโยคเดียวของเด็กสาวอายุยี่สิบกว่า กลับทำให้เขาซึมซับได้ถึงสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่เธอไม่ได้พูดออกมา

น้องสาวคนนี้ อายุเพียงยี่สิบต้น ๆ ต้องแบกภาระที่ครอบครัวคาดหวังอยู่บนบ่า แต่เธอก็ยังมีใบหน้าที่ระรื่นกับไอศครีมที่จะประทับรสอยู่บนลิ้นได้เพียงชั่วคราว

สาวน้อยคนนี้จะมีอะไรให้ยึดมั่นกับอนาคตภายหน้าในต่างแดนที่ยังมองไม่เห็น นอกจาก ความประทับใจในความอบอุ่นของวันวาน ?

รุ่งพูดขึ้น

"ก่อนน้องวิจะไปสก็อตแลนด์ เราหาเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน น้องวิอยากไปไหน พี่รุ่งจะพาไป"

เธอหันขวับมาทันที ด้วยรอยยิ้ม และ น้ำตาที่เอ่อมาตั้งแต่ตอนไหนเขาก็ไม่ได้สังเกต

วิภวาพยักหน้าหลาย ๆ ครั้งเป็นคำตอบ แล้วกระพริบตาถี่ ๆ ซ้ำ ๆ เพื่อเกลี่ยน้ำตาไม่ให้ไหลล้นจากขอบตา

เธอมองไปที่ถ้วยเจลาโตของตัวเอง แล้วตักคำต่อไปเข้าปาก

"อร่อยจัง ! พี่รุ่ง.... น้องวิคิดถึงพี่ทอมจังเลย !"

ไม่มีปฏิกริยาใด ๆ จากรุ่ง

"น้องวินัดกิ๊วกินบุฟเฟต์ที่เมนฮอลล์กันก่อน แล้วค่อยเดินไปดูคอนเสิร์ต"

ญาติผู้พี่พยักหน้ารับรู้ แต่สติยังใคร่ครวญถึงเรื่องเพื่อนสาวคนสนิท นึกขึ้นมาทีไรก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อนั้น

เขามองออกไปยังบริเวณน้ำพุที่กำลังพุ่งเป็นสาย

"เวลาคนหายจากพี่รุ่งไป เค้าจะไม่ส่งข่าวมา จะหายไปเฉย ๆ เลย ทุกคน"

วิภวาวางช้อนลงในถ้วย วางถ้วยลงบนเก้าอี้ เธอยื่นมือมาจับข้อมือเขา

"ไม่ใช่น้องวิแน่ ๆ !"

รุ่งรู้สึกตัวในสิ่งที่เพิ่งได้พูดออกไป

"โทษที ! พี่รุ่งไม่ได้หมายถึงน้องวิ"

น้องวิกลับพยักหน้า

"ค่ะ ! แต่น้องวิหมายถึงพี่รุ่ง น้องวิอยากจะหนีจากคนรอบข้างในเมืองไทยทุกคน แต่ไม่ใช่พี่รุ่ง"

เสียงฟ้าคำรามดังมาอีกระลอก

รุ่งแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เมฆรวมกลุ่มกันจนไม่มีที่ว่างให้แสงอาทิตย์ส่องผ่าน

"น้องวิ เรารีบจัดการเลียไอติมให้ราบคาบ แล้วรีบไปหาที่หมกตัวก่อนที่ฝนจะตกเถอะ !"

อีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก

"พี่รุ่งพูดเหมือนเราสองคนเป็นหมาเลย !"

รุ่งใช้ช้อนควานไอศครีมที่เหลืออยู่ก้นถ้วย แล้วส่งเข้าปากงับ พลันพยักหน้าให้ญาติผู้น้องลุกเดินออกไปด้วยกัน

***********************************************************************************************

1 < อ่านหน้า > 3 , 4
สั่งซื้อ นิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก กดที่นี่