| |||||||
| |||||||
สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท รุ่งอาบน้ำเสร็จแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เป็นเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีแดงพอดีตัว กางเกงคอตต้อนขายาวสีเทา หันหน้าเข้าหากระจกที่ผนังปลายเตียง เพื่อนผมหยิกนั่งอยู่บนเตียงมองมาที่เขา "วันนี้ไม่ต้องทำงานเหรอ ถึงมีเวลาไปร้านไดโสะ ?" "วันนี้ลาหยุด เย็นนี้จะได้ไม่เหนื่อย เตรียมต้อนรับเพื่อน ๆ ที่มาดูคอนเสิร์ต สาว ๆ ทั้งน้าน !" มอแกนพยักหน้า "นายใส่เสื้อตัวนี้แล้วเท่จริง ๆ แต่นายยังโสด !" รุ่งเลิกคิ้ว "อือ... ! แล้วทำไม ?" "เราไม่เคยเห็นนายมีแฟนเป็นคนจริง ๆ เลย" รุ่งหัวเราะ "มอแกน ! นายกำลังจะเข้าทำงานในออฟฟิศฟันปาร์คแล้ว นายต้องหัดพูดภาษาคนให้คนฟังเข้าใจ นายเคยเห็นเรามีแฟนเป็นผักกระเฉด หรือ เป็นแมงกุ๊ดจี่หรือไง ?" เพื่อนผมหยิกนึกถึงคำพูดตัวเอง แล้วสะดุ้ง "ไม่ใช่ ไม่ใช่ ! เราหมายถึง ... เอ่อ... เราจะพูดยังไงดีนะ....?" รุ่งพูดนำให้ "นายกำลังจะบอกว่า นายยังไม่เคยเห็น เรามีแฟนเป็นตัวเป็นตนซักที...." มอแกนพยักหน้า "ใช่ ๆ ! เราหมายความยังงั้น" "ก็ อืม ! ผู้หญิงในโลกนี้ จะมีคนที่ชอบเราซักคนมั้ย ยังไม่รู้เลย" เพื่อนพูดสวนกลับมาทันทีด้วยเสียงอันดัง "มี ! มีมากกว่าที่นายคิดแน่" รุ่งหันมามองหน้าเพื่อน "ทำไมนายต้องตะโกนด้วย ?" เพื่อนตัวเตี้ยลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินเข้ามาหา "นายกำลังไม่มั่นใจในตัวเองเรื่องผู้หญิง เราก็จะบอกนายให้มั่นใจว่า นายน่ะ มีแฟนเยอะนะ" รุ่งหัวเราะหึ ๆ เขา หยิบขวดน้ำหอมขึ้นฉีดที่ข้อพับแขน และ ซอกคอ "นายลดความดีใจของนายลงบ้างเหอะ มอแกน ! ไม่ต้องห่วงเรื่องผู้หญิงของเราหรอก อยู่คนเดียวอย่างนี้ก็สบายอยู่แล้ว" มอแกนสั่นหัว "ไม่ใช่ ! นายไม่ได้อยู่คนเดียว นายไม่เข้าใจ ผู้หญิงที่ชอบนายน่ะ มีเยอะมาก ๆ เพียงแต่ นายไม่รู้จักพวกเค้า นายเลยไม่มั่นใจในตัวเอง" รุ่งนึกขำในใจ ตอนนี้เพื่อนอัจฉริยะกำลังสวมบทบาทเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนารีศาสตร์เสียแล้ว เพื่อนผมหยิกเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า "รุ่ง ! เราขอยืมเสื้อยืดตัวนี้ใส่เย็นนี้ได้หรือเปล่า ?" มอแกนชี้มือไปที่เสื้อยืดคอกลมสีเขียวสดที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า "ได้ ! แล้วนายใส่ได้เหรอ ? ชายเสื้อมันไม่ยาวไป ?" มอแกนยิ้มเห็นเหงือก "ไม่ ไม่... ไม่เป็นไร คืนนี้เราจะใส่ไปดูคอนเสิร์ต หวังว่าสาวที่เราชอบจะเห็นเรา" รุ่งอมยิ้มเมื่อได้ยิน "แน่ะ....ไปรู้จักสาวที่ไหน ? ไม่เห็นเล่าให้กันฟังบ้าง" นายตัวสั้นเหลือบตามองเพดาน "ไม่ใช่แคลร์แน่นอน ! แคลร์น่ะ เราคงเว้นให้นาย นายชอบแคลร์ เรารู้ เราไม่แย่งนายหรอก นายสบายใจได้ เออ... แล้วคุณหงส์จะมาดูคอนเสิร์ตด้วยหรือเปล่า ?" "ก็อาจจะ ! ถ้าคุณธรรม์มา คุณหงส์อาจจะมา นี่อย่าบอกนะว่านาย..." มอแกนอมยิ้ม "นั่นล่ะ... สเปคเราเลย ! เราชอบคุณหงส์ !" สายตาของเพื่อนผมหยิกเริ่มเคลิ้มหยดย้อย "...แต่เรารู้ว่า เธอเหมือนกับหงส์บนฟ้า คงไม่มองหมาเน่าอย่างเรา อย่างน้อย เสื้อยืดของนาย ก็คงทำให้เราดูเป็นคนธรรมดาในสายตาของเธอได้บ้าง" รุ่งยกมือขึ้นจับหน้าผากตัวเอง "เวรเอ๊ย ! มอแกน ! ทำไมตอนนี้นายใช้คำพูดที่สละสลวย เรียงประโยคสวยงามได้ ? แล้วตอนปกติที่นายควรจะพูดรู้เรื่อง นายกลับพูดไม่รู้เรื่อง ?" เพื่อนผมหยิกยิ้มชอบใจ "ไม่รู้สิ รุ่ง ! เราว่า.... ความรัก คงทำให้ภาษาของเราบอดไป" "โอ้ว !... กูไปเอาหัวจุ่มโถขี้ตายดีกว่า ! จู่ ๆ ผีนักกวีเข้าสิง" มอแกนนึกขำตัวเองจนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น "ฮ่า ๆ ๆๆๆๆๆ ..... เราจะได้เป็นพนักงานประจำแล้ว... ดีใจจังเลย !" *********************************************************************************************** เกือบห้าโมงเย็น..... ภาวีขับรถเข้าลานจอดรถกลางแจ้งของบางกอกซีดาร์ฟันปาร์ค จิตของเธอยังแน่วแน่เป็นสมาธิ ตั้งแต่เมื่อเธอได้ประกอบพิธีกรรมถอนคำสัญญาในอดีตเรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ใด ๆ ที่จะต้องเผชิญ ก็คงจะไม่ทำให้ใจเธอหวั่นไหวแต่ประการใด เป็นประสบการณ์ที่แปลก แต่หาคำอธิบายไม่ได้สำหรับเธอ หลังจากพิธีถอนคำสัญญานั้น จิตใจของเธอ ก็ไม่ได้หวนคิดคำนึงถึงหนุ่มรุ่นน้องคนนี้อีก หากไม่ใช่นิลกาญจน์ ที่ชวนเธอออกมาพบกับเขาในวันนี้ เธอก็คงจะไม่ได้นึกถึงเขาไปอีกนาน ภาวีหันไปพูดกับนิลกาญจน์ที่นั่งอยู่เบาะหน้า "วันนี้รถเยอะจัง ! ครั้งที่แล้วเรายังได้จอดใกล้ประตู" "ค่ะ ! คนคงมาดูคอนเสิร์ตกัน คืนนี้จะมีจุดพลุด้วย น่าจะสวยนะพี่วี" นิลกาญจน์อยู่ในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีเทา กางเกงยีนส์ ดูแปลกตาเป็นพิเศษสำหรับเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่อย่างภาวี "เธอใส่สายเดี่ยวแล้วดูน่ารัก พี่ไม่เคยเห็นเธอใส่มาก่อน" เพื่อนรุ่นน้องส่งยิ้มให้ "ร้อนค่ะ พี่วี ! ถ้าแก้ผ้าออกมาได้ คงแก้ไปแล้ว" โชเฟอร์เงยหน้าขึ้นดูท้องฟ้า "ไม่ร้อนแล้วล่ะ ! ฝนมาแน่" สาวรุ่นน้องเปิดประตูรถ แต่คำว่า 'ฝน' ของภาวี ทำให้นิลกาญจน์นึกถึงเพื่อนชื่อนี้ขึ้นมาได้ นิลกาญจน์ผลักประตูปิด แล้วเดินตามเพื่อนรุ่นพี่ไป รอยยิ้มพลันปรากฏที่ใบหน้าทันทีที่ใจนึก 'ฝน ! ขอบคุณนะ ที่แนะนำให้ชั้นรู้จักกับเค้า วันนี้ชั้นจะทิ้งบอมบ์แล้วนะ ข้าศึกจะตายหรือไม่ คงได้รู้กัน' สองสาวเดินอยู่บนทางลูกรัง ภาวีชี้ไปที่ทางเดินราดยางมะตอย "โน่น ! เดินไปทางโน้นดีกว่า เดี๋ยวรองเท้าเสีย... ยิ้มอะไรน่ะ กาญจน์ ?" นิลกาญจน์เบิกตาโตใส่ "อะไรอะ ? ก็มันหุบยิ้มไม่ได้น่ะ ดีใจที่จะได้มาดูคอนเสิร์ต" ภาวีคล้องแขนสาวรุ่นน้อง แล้วพากันเดินตรงไปทางประตูใหญ่ "คลั่งมากล่ะสิ ?" รุ่นน้องพยักหน้า "อือ...! อยากเห็นหน้าเร็ว ๆ" ภาวีหัวเราะ "ถ้ามิกซ์เค้ารู้ว่ามีแฟนคลั่งเค้าขนาดนี้ เค้าคงภูมิใจมากเลยนะ" นิลกาญจน์หันมามองหน้าคู่ควง "มิกซ์เหรอ ? หึ ๆ" "อ้าว...! ไม่ใช่มิกซ์แล้วจะใคร ? ก็เรามาดูคอนเสิร์ตเค้า เธอจะไปคลั่งใคร ?" สาวรุ่นน้องอมยิ้ม แล้วพาคู่ควงเดินตรงไปทางเข้าประตูใหญ่ *********************************************************************************************** หนุ่มไดโสะ ใส่เสื้อลายสก็อตแขนสั้นสีสวยสดใสในโทนแดง เดินก้าวขาสั้น ๆ จากบริเวณเขตหอพักพนักงานเข้ามาในเขตสวนสนุก 'บี๊บ ๆ !' เสียงแตรจากรถคลับดังขึ้นไล่หลัง ปริญญาหนุ่มแต๋ว กับ วิชชุดาที่ทำหน้าที่คนขับ อยู่บนรถคลับ ทั้งคู่โบกมือเรียกรุ่ง "รุ่ง รุ่ง ! พอย้ายไปเมอร์แชนไดซิ่งทำไมมันดูหล่อจัง ? " เสียงหนุ่มปริญญาตะโกนไล่หลัง รถคลับจอดเทียบข้าง ๆ รุ่ง เขาหัวเราะชอบใจ "อยู่ใกล้กับแกแล้วหมองน่ะ อีปริ๊นซ์ !" วิชชุดามองเห็นชุดไปรเวทของรุ่ง เธอทักขึ้น "วันนี้เดย์ออฟเหรอจ๊ะ ? แล้วทำไมเดินเหมือนคนเป็นโรค ? " รุ่งยักคิ้ว "อือ ! เตรียมตัวไว้ควงสาวไปดูคอนเสิร์ต" วิชชุดาหัวเราะ "เดินแบบเนี้ยน่ะเหรอ จะควงสาวไปดูคอนเสิร์ต ? สาวคงได้นึกว่าเธอเป็นริดสีดวงทวาร" "เมื่อบ่ายหกล้มก้นกระแทก ตอนนี้คงระบม เดินเร็วไม่ไหว " "งั้นก็ขึ้นมานั่งบนรถนี่ จะไปไหนเดี๋ยวไปส่ง" รุ่งสั่นหัว "ไม่เป็นไร ! นัดสาวกินไอติมตรงลานน้ำพุ แดดไม่มี ค่อย ๆ เดินได้ อยากเดินโชว์หุ่น" ปริญญาเอื้อมมือมาบีบบั้นท้ายรุ่ง "นี่แน่ะ ! อยากโชว์หุ่น ! ขอจับซักที" รุ่งยกมือตีแขนเพื่อนแต๋ว "อีปริ๊นซ์ ทะลึ่ง !" วิชชุดาพยักหน้า แล้วเหยียบคันเร่ง "งั้นพวกชั้นไปก่อน แล้วเจอกัน !" รุ่งโบกมือให้เพื่อนร่วมงาน เสียงครืนจากท้องฟ้า ทำให้เขาเงยหน้ามอง เสียงฟ้าเริ่มคำรามเป็นสัญญาณว่า เมฆเริ่มรวมกลุ่มกันพอเหมาะที่จะก่อให้เกิดฝนได้ในอีกไม่ช้า บรรยากาศในเขตสวนสนุกตอนเย็นเริ่มคึกคัก การโปรโมทคอนเสิร์ตของฟันปาร์คในสื่อต่าง ๆ ได้ผลเป็นอย่างดี คนเริ่มทยอยกันเข้ามาเที่ยวในสวนสนุกหนาตาขึ้นตั้งแต่บ่ายกว่า ๆ เพื่อรอที่จะชมคอนเสิร์ตในเวลาหนึ่งทุ่ม และ จบด้วยการแสดงพลุ สาวแรกรุ่นผมยาวใส่เสื้อลายสก็อตสีน้ำเงิน กำลังยืนอยู่ริมทางเดินฝั่งตรงข้าม เสื้อลายสก็อตของเธอเป็นจุดเด่นที่ทำให้รุ่งสนใจ สาวนางนั้นหันหน้ามา แล้วมองตรงมายังเขา เธอเพ่งมองมาอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่หลบสายตา รุ่งคิดได้แล้วก็รู้สึกขำในใจ เขาเป็นฝ่ายที่หลบสายตา มองตรงไปข้างหน้า แล้วเดินต่อไป เขายังจำได้เมื่อสมัยตอนที่ยังเด็ก พ่อเคยซื้อเสื้อลายสก็อตกับหมวกคาวบอยให้ วันแรกที่เขาหยิบเสื้อตัวนั้นขึ้นมาใส่พร้อมหมวกคาวบอย คือ วันที่ พ่อ และ แม่ พาไปเที่ยวที่จังหวัดราชบุรี ในวันนั้น เขาก็พบกับเด็กในวัยเดียวกันอีกหลายคน ที่ใส่เสื้อลายสก็อตคล้าย ๆ กันไปเที่ยว เมื่อมองหน้ากัน เห็นเสื้อลายคล้าย ๆ กัน เขาก็รู้สึกเขิน สาวนางเมื่อครู่นี้ก็คงอยากเดินเข้ามาเขกกะโหลกเขา แล้วถามว่า นึกยังไงถึงใส่เสื้อสก็อตในวันเดียวกันกับเธอ ? หวังว่าเสื้อลายสก็อตราคาถูกของเขา คงไม่ไปทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังใส่เสื้อโหลอยู่ รุ่งเดินตรงไปยังร้านขายไอศครีมเจลาโตตรงข้ามกับลานน้ำพุ ทันทีที่เปิดประตูร้านเจลาโตเข้าไป สาวรุ่นคนหนึ่งที่กำลังยืนอ่านหนังสือพิมพ์ในร้าน กลับหันมาจ้องหน้าเขา ใบหน้าไม่เป็นที่คุ้นเคยสำหรับเขา รุ่งจึงเลือกที่จะเดินผ่านเธอเข้าไปข้างใน แต่หางตาเขาสังเกตเห็นเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีม่วง รุ่งหันกลับไปมองอีกครั้ง สาวรุ่น ไว้ผมปล่อยยาวเลยบ่า หน้าตาน่ารัก ใส่เสื้อลายสก็อตสีม่วง กำลังจ้องมาที่เขา ท่าทีของเธอ เหมือนกับว่าอยากจะทักทาย แต่ยกหนังสือพิมพ์ขึ้นปิดปาก เก้ ๆ กัง ๆ เมื่อรุ่งพิจารณาบุคลิก และ ใบหน้าของเด็กผู้หญิงคนนี้ด้วยความรวดเร็วอีกครั้ง มั่นใจว่า ไม่เคยรู้จักเธอแน่ ๆ เขาจึงหันหลังกลับ แล้วเดินตรงเข้ามาในร้าน "พี่รุ่ง ! ทางนี้ค่ะ !" เสียงน้องวิที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหัวมุมผนัง ดังข้ามห้องมาถึงเขา รุ่งเดินก้าวเท้าช้า ๆ ย่องตรงไปยังโต๊ะที่ญาติผู้น้องนั่งอยู่คนเดียว วิภวายกมือไหว้ "หวัดดีค่ะ ! พี่รุ่งเจ็บขาเหรอคะ เดินตัวโยก ๆ ยังงั้น ?" เขาสั่นหัว "ไม่ได้เจ็บขา แต่เจ็บก้น พี่หกล้มมา แต่ไม่เป็นไร ดีขึ้นแล้ว" ญาติผู้น้องเหลือบมองไปยังสาวรุ่นเสื้อลายสก็อต "พี่รุ่งรู้จักน้องผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า ? ท่าทางเค้ามองมาทางพี่รุ่งเหมือนจะรู้จักกัน" รุ่งทรุดตัวลงนั่งตรงข้าม แล้วหันกลับไปมองสาวน้อยคนเดิมอีกครั้ง "ไม่รู้จักแน่ ๆ แต่ดูท่าทางเหมือนเค้าจะทัก แต่พี่รุ่งพอจะรู้ว่าเค้าจะทักว่าอะไร" "ทักว่าอะไรคะ ?" รุ่งหันมาอมยิ้ม "เค้าจะทักว่า หนูไปก่อเวรกรรมอะไรไว้กับพี่ชาติปางไหนคะ พี่ถึงต้องมาใส่เสื้อลายเดียวมาชนกับหนูวันนี้ ?" น้องวิเหลือบไปดูการแต่งกายของสาวน้อยนางนั้น แล้วหัวเราะ "ไม่เห็นเหมือนกันเลย ! ลายสก็อตเหมือนกัน แต่คนละสี" "นี่ไม่ใช่คนแรกนะที่ใส่เสื้อลายสก็อตวันนี้ เมื่อกี๊ก็มีอีกคน แต่ ช่างเค้าเหอะ ! ถ้าเค้าจะทัก เค้าก็คงเดินเข้ามาทักเอง เราอยู่เฉย ๆ เดี๋ยวเค้าก็ไปเอง" ญาติผู้น้องพยักหน้า
"ค่ะ ! ไปสั่งไอติมกินกันดีกว่า น้องวิยังไม่ได้สั่งเลย รอพี่รุ่งอยู่นี่แหละ" รุ่งพยักหน้า "อือ ! สั่งแล้ว เดินออกไปกินที่ลานน้ำพุดีกว่า วันนี้อากาศไม่ร้อน" น้องวิพยักหน้าเห็นด้วย *********************************************************************************************** สองญาติผู้พี่ - ผู้น้อง นั่งละเลียดไอศครีมเจลาโตอยู่ที่เก้าอี้หน้าลานน้ำพุ
"แดงแป๊ดเลย ! ราสเบอรี่ของพี่รุ่งน่ากินจัง" รุ่งยื่นถ้วยให้น้อง "ลองดูสิ ! เปรี้ยวถึงภพหน้าเลย !" วิภวาตักไอศครีมสีแดงเข้มในมือรุ่งเข้าปาก เธอหลับตาแล้วพยักหน้า "ถึงภพหน้าจริง ๆ พี่รุ่ง" สีหน้าของญาติผู้น้องเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข "โอเคกับเรื่องอะเบอร์ดีนแล้วใช่มั้ย ?" น้องวิแลบลิ้นออกมาให้รุ่งดู ปลายลิ้นของเธอเป็นสีแดง "แดงป่าว พี่รุ่ง ? ลิ้นน้องวิ ? รุ่งพยักหน้าพร้อมหัวเราะ "ดูจากสภาพลิ้นแล้ว พี่รุ่งว่า น้องวิคงโอเคกับอะเบอร์ดีนแล้ว ชัวร์ !" ญาติผู้น้องชักลิ้นกลับเข้าปาก "โอเคค่า ! น้องวิเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส คุณพ่อกับคุณแม่ จะพาน้องวิเที่ยวอังกฤษก่อน แล้วค่อยไปส่งที่สก็อตแลนด์ แล้วน้องวิ ก็วางแผนเที่ยวเอดินเบิร์กไว้ตอนปิดซีเมสเตอร์แรก" รุ่งผงกหัวสองสามครั้ง "ดี ๆ ๆ ! ถ้าคิดได้อย่างนี้ ก็ดี น้องวิจะได้มีความสุขกับการใช้ชีวิตต่างแดน มีแต่เรื่องน่าตื่นตาตื่นใจ" วิภวาหยิบช้อนไอศครีมขึ้นมาชู แล้วเธอก็พูดขึ้น "น่ากลัว หรือ น่าศรัทธา หรือ น่าสงสาร.... น้องวิ ไม่รู้จะใช้คำพูดไหนที่จะบรรยาย..." "ช้อนเนี่ยน่ะเหรอ ? ถ้าน้องวิอมเข้าไปแล้วเอาออกมาชูแบบนี้ มันก็คงทั้งน่ากลัวทั้งน่าสงสารแหละ แต่คงไม่น่าศรัทธาเท่าไหร่" เธอหัวเราะ แล้วหันมามองหน้าญาติผู้พี่ "ฮ่า ๆๆๆ ! เปล่าค่ะ ! น้องวิไม่ได้พูดถึงช้อนอันนี้ น้องวิหมายถึง อามัณ" รุ่งพอจะเข้าใจความหมายคร่าว ๆ ของสิ่งที่อยู่ในใจญาติผู้น้องคนนี้ คำพูดเพียงประโยคเดียวของเด็กสาวอายุยี่สิบกว่า กลับทำให้เขาซึมซับได้ถึงสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่เธอไม่ได้พูดออกมา น้องสาวคนนี้ อายุเพียงยี่สิบต้น ๆ ต้องแบกภาระที่ครอบครัวคาดหวังอยู่บนบ่า แต่เธอก็ยังมีใบหน้าที่ระรื่นกับไอศครีมที่จะประทับรสอยู่บนลิ้นได้เพียงชั่วคราว สาวน้อยคนนี้จะมีอะไรให้ยึดมั่นกับอนาคตภายหน้าในต่างแดนที่ยังมองไม่เห็น นอกจาก ความประทับใจในความอบอุ่นของวันวาน ? รุ่งพูดขึ้น "ก่อนน้องวิจะไปสก็อตแลนด์ เราหาเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน น้องวิอยากไปไหน พี่รุ่งจะพาไป" เธอหันขวับมาทันที ด้วยรอยยิ้ม และ น้ำตาที่เอ่อมาตั้งแต่ตอนไหนเขาก็ไม่ได้สังเกต วิภวาพยักหน้าหลาย ๆ ครั้งเป็นคำตอบ แล้วกระพริบตาถี่ ๆ ซ้ำ ๆ เพื่อเกลี่ยน้ำตาไม่ให้ไหลล้นจากขอบตา เธอมองไปที่ถ้วยเจลาโตของตัวเอง แล้วตักคำต่อไปเข้าปาก "อร่อยจัง ! พี่รุ่ง.... น้องวิคิดถึงพี่ทอมจังเลย !" ไม่มีปฏิกริยาใด ๆ จากรุ่ง "น้องวินัดกิ๊วกินบุฟเฟต์ที่เมนฮอลล์กันก่อน แล้วค่อยเดินไปดูคอนเสิร์ต" ญาติผู้พี่พยักหน้ารับรู้ แต่สติยังใคร่ครวญถึงเรื่องเพื่อนสาวคนสนิท นึกขึ้นมาทีไรก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อนั้น เขามองออกไปยังบริเวณน้ำพุที่กำลังพุ่งเป็นสาย "เวลาคนหายจากพี่รุ่งไป เค้าจะไม่ส่งข่าวมา จะหายไปเฉย ๆ เลย ทุกคน" วิภวาวางช้อนลงในถ้วย วางถ้วยลงบนเก้าอี้ เธอยื่นมือมาจับข้อมือเขา "ไม่ใช่น้องวิแน่ ๆ !" รุ่งรู้สึกตัวในสิ่งที่เพิ่งได้พูดออกไป "โทษที ! พี่รุ่งไม่ได้หมายถึงน้องวิ" น้องวิกลับพยักหน้า "ค่ะ ! แต่น้องวิหมายถึงพี่รุ่ง น้องวิอยากจะหนีจากคนรอบข้างในเมืองไทยทุกคน แต่ไม่ใช่พี่รุ่ง" เสียงฟ้าคำรามดังมาอีกระลอก รุ่งแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เมฆรวมกลุ่มกันจนไม่มีที่ว่างให้แสงอาทิตย์ส่องผ่าน "น้องวิ เรารีบจัดการเลียไอติมให้ราบคาบ แล้วรีบไปหาที่หมกตัวก่อนที่ฝนจะตกเถอะ !" อีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก "พี่รุ่งพูดเหมือนเราสองคนเป็นหมาเลย !" รุ่งใช้ช้อนควานไอศครีมที่เหลืออยู่ก้นถ้วย แล้วส่งเข้าปากงับ พลันพยักหน้าให้ญาติผู้น้องลุกเดินออกไปด้วยกัน *********************************************************************************************** 1 < อ่านหน้า > 3 , 4 |
|||||||