| |||||||
| |||||||
สั่งซื้อ หนังสือนิยาย 'หมอเถื่อน' รวมเล่มฉบับแรก ราคา 380 บาท รุ่งเดินขึ้นมาถึงห้องพัก แล้วโยนดีวีดีลามกของเพื่อนอัจฉริยะไว้บนเตียง เขายืนมองดีวีดีบนเตียงเพื่อชั่งใจอีกครั้ง ว่าควรจะเปลี่ยนใจโยนมันลงในถังขยะดีกว่าหรือเปล่า ภาพพจน์ของเขาเสียหายโดยเปล่าประโยชน์ที่จะอธิบาย เพราะหน้าซองพัสดุจ่าชื่อสกุลของเขาอย่างเต็มยศ หนุ่มในเสื้อสตรี ถอดเสื้อยืดที่เปียกฝนของแคลร์ออกจากตัว เขาจะต้องกลับไปที่เรือนไม้นั่นใหม่อีกครั้ง ในสภาพที่เป็นชายชาตรี เพื่ออยู่ร่วมพิธีอันสำคัญ และ เพื่อดูพลุพร้อมกันกับแคลร์ เมื่อเสื้อผ้าถูกถอดออกจนหมด เขาเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ และ สระผม น้ำประปาที่เย็นฉ่ำในวันฝนตก ทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย แต่ปฏิกริยาของร่างกายเมื่อครู่ ทำให้เขารู้ว่า อาการเจ็บที่ก้นกบ จนถึงหลัง บรรเทาเบาบางไปอย่างเห็นได้ชัด เขาลองก้มตัว เอนหลัง บิดเอว ซ้ายขวา .... ความรู้สึกมีเพียงแค่เจ็บแปลบ ๆ เหมือนกับแค่อาการเมื่อยล้าจากการเดินเท่านั้น "ซือก้อย โคตร !" รุ่งอุทานกับตัวเอง พระนาง คือ ใครกันหนอ ? ถ้าท่านสามารถจัดสรรเรื่องต่าง ๆ ให้เป็นไปตามที่ต้องการได้เพียงนี้ พี่แอนดี้คงต้องทำการใหญ่ได้สำเร็จทุกเรื่องแน่ ๆ หากมีท่านเป็นคนช่วยเหลือ สัญญาณเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเขาดังมาจากในห้อง รุ่งสระผมไปเรื่อย ๆ ปล่อยให้เสียงเรียกจากโทรศัพท์ดังจนเงียบไปเอง เมื่อออกจากห้องน้ำ สิ่งแรกที่เขาทำ คือ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบเสื้อตัวนั้นกลับมาใส่อีกครั้ง เสื้อลายสก็อตแขนสั้น สีแดง แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูหน้าจอ ปรากฏชื่อมิสคอลจากผู้โทรเข้า เขากดปุ่มโทรกลับทันที "พี่รุ่ง อยู่ในโดมคอนเสิร์ตหรือเปล่า ?" "เปล่า ! กิ๊วดูคอนเสิร์ตอยู่ไม่ใช่เหรอ ? มีอะไร ?" "วิกลับบ้านไปแล้ว ! เค้าให้คนรถมารับ พี่รุ่งคุยอะไรกับวิตอนเย็นเหรอ ?" รุ่งเอียงคอ "หือ ! ทำไม ? ก็คุยเรื่องทั่วไป น้องวิเล่าว่าจะไปสก็อตแลนด์ ท่าทางมีความสุขดี เพราะคิดได้แล้วว่า ถือโอกาสไปเที่ยวดีกว่า" "ใช่ที่ไหนล่ะ พี่รุ่ง ! วิมันซึมตั้งแต่เจอกับกิ๊วเลย บุฟเฟ่ต์มันก็กินน้อยมาก พอคอนเสิร์ตเริ่ม มันดันนั่งร้องไห้" "หา !" ภาพของญาติผู้น้องผุดขึ้นมาในจิตของเขาทันที "เอ๊ะ..! หรือว่ามีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า กิ๊ว ?" "ไม่น่ามีแล้วแหละ เรื่องที่ต้องไปสก็อตแลนด์นี่แหละ วิมันเครียดมากเลยนะ วิมันไม่อยากเรียนกฏหมาย เรื่องยังงี้บังคับกันไม่ได้หรอก ถ้าวิเรียนกฏหมาย ก็ต้องใช้ชีวิตแบบจำใจไปจนเรียนจบ จบแล้วอามัณก็คงคาดหวังมากกว่าเดิมอีก ว่าจะต้องมาช่วยธุรกิจที่บ้าน กิ๊วยังไม่เห็นทางหลุดพ้นเลย มีแต่ยิ่งเดินยิ่งลึกเข้าไปเรื่อย ๆ นี่พี่จ๊อดก็หลุดไปจากวงโคจร อามัณก็ไม่มีทางเลือกอื่น งานนี้ใครจะช่วยมันได้บ้าง ?" รุ่งฟังคำพูดของเพื่อนน้องสาวอย่างเข้าใจ เป็นเรื่องที่รู้กันดีอยู่แล้วในกลุ่มสมาชิกครอบครัวไตรสรณ์ ตั้งแต่วันที่จ๊อดถูกอัปเปหิออกจากบ้าน ความกดดันทั้งหลายก็เริ่มถาโถมเข้าใส่วิภวาอย่างต่อเนื่อง อาเอกเองต้องผิดหวังกับลูกชายคนโตที่ไม่สามารถอยู่ช่วยธุรกิจไตรสรณ์ได้ จึงจำเป็นต้องทุ่มความคาดหวังมาที่ลูกสาวคนเดียวที่เหลืออยู่ ธุรกิจ....มันสำคัญมากไปกว่าความสุขของคนที่เรารักหรืออย่างไร ? "แม่งเอ๊ย !" เสียงอุทานของรุ่งดังเข้าหูกิ๊ว "พี่รุ่ง เป็นอะไรอะ ?" "มีเงินพันล้าน มีประโยชน์อะไร ? มันคุ้มกับการเอาความสุขของหลานสาวไปแลกด้วยเหรอ ?" กิ๊วหัวเราะ "พี่รุ่งพูดกับกิ๊ว หรือ พูดกับอามัณ ?" "อือ... ! พูดกับกิ๊วคงไม่มีประโยชน์ มันต้องเคลียร์กับอามัณ" น้ำเสียงของรุ่งห้วนผิดปกติ "ไม่เคยเห็นพี่รุ่งอารมณ์เสียเลย พี่รุ่งจะพูดกับอามัณเหรอ ? อามัณจะฟังพี่รุ่งเหรอ ?" รุ่งจ้องเขม็งไปยังกระจกที่ผนังห้อง สะท้อนเงาตัวเขาเอง "ถ้าพี่จำไม่ผิด พี่เป็นคนที่สำคัญที่สุดของ ไตรสรณ์นะ" "พี่รุ่ง !" กิ๊วอุทานเมื่อได้ยินคำพูดของรุ่ง "พี่มีอะไรต้องทำ วางสายก่อนนะ แท๊งกิ้วนะกิ๊ว ที่โทรมาบอก" "อ้อ... ค่ะ ๆ ! มีอะไรให้กิ๊วช่วยบอกด้วยนะ ไจ้เจี้ยนค่ะ !" *************************************************************************** รุ่งนั่งอยู่ที่ปลายเตียง... ...นึกถึงครั้งแรกที่เข้าย่างเท้าเข้าไปเหยียบที่บ้านไตรสรณ์ จินตนาการที่เคยคาดไว้ถึงความใหญ่โตของบ้านญาติทางฝ่ายพ่อช่างผิดไปจากความจริงเป็นสิบเท่า ที่อยู่ของไตรสรณ์ ไม่ใช่แค่บ้านธรรมดา แต่ มันคือ คฤหาสน์ ! ประตูรั้วเหล็กที่มีลวดลายหรูหรา ถนนจากประตูรั้วไปถึงตัวอาคารกว้างพอที่รถสามคันจะสวนกันได้โดยไม่ต้องจอดหลบ สวนหย่อม สวนไม้ใหญ่ สระว่ายน้ำ เรือนคนงาน.... .....รถยนต์ยี่ห้อหรู สถาปัตยกรรมประดับบ้าน เฟอร์นิเจอร์ในคฤหาสน์ ....ไม่มีสิ่งใดในรอบรั้วบ้านนี้ที่บ่งบอกว่า เป็นของสามัญประจำสังคมปกติของคนไทย แม้กระทั่งปลาคาร์พตัวละห้าพันในบ่อเลี้ยงปลา ไปจนถึงหมาพันธุ์โลวเชนราคาตัวละสองแสนบาทพวกนั้น พวกมันก็ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงสามัญปกติของสังคมไทย
พวกมันคงรู้ดีถึงระดับสังคมของผู้เป็นเจ้าของ จึงแสดงออกถึงระดับชนชั้นที่สูงส่งกว่าเขาหลายขั้น แม้กระทั่งกวักน้ำเรียกปลา หรือ โบกมือเล่นด้วยกับหมา พวกมันก็ยังไม่ชายตามอง แต่เด็กสาวอายุสิบสี่ปีคนนั้น มีแววตาสามัญที่ใสซื่อ เหมือนกับเด็กอายุสิบสี่ปีทั่วไปที่เห็นได้ในสังคม วิภวา... เป็นสิ่งมีชีวิตสิ่งแรกในเขตรั้วบ้านหลังนั้น ที่อ้าแขนต้อนรับเขา วิภวา เป็นคนเดียวในหมู่คนเหล่านั้น ที่หัวเราะต่อหน้าเขาด้วยความจริงใจ และ ร้องไห้ต่อหน้าเขาด้วยความจริงใจ เธอเรียกเขาว่า 'พี่' เพราะรู้สึกว่าตัวเธอเองเป็น 'น้อง' จริง ๆ รุ่งลุกขึ้นยืน พยายามข่มใจให้ใช้สติปัญญา แต่อารมณ์ที่รู้สึก ณ ตอนนี้ มีความรุนแรงหนักหน่วงกว่าสติจะตามทัน ภาพน้องวิ ที่มีน้ำตานองหน้า คือ มโนภาพที่ทำร้ายหัวใจของเขาอย่างรุนแรง เขาเดินออกมานอกห้องพัก ยืนอยู่ที่ระเบียงห้องมองสายฝน สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เขากลับกดโทรศัพท์มือถือไปที่เบอร์บ้าน คุณแม่รับสาย "สวัสดีค่ะ !" "แม่ ! นี่รุ่ง !" "อ้าว รุ่ง ! ว่ายังไง ?" "แม่ดูทีวีอยู่เหรอ ? ยังไม่นอนเหรอ ?" "นี่มันสามทุ่มเอง มีอะไร ? คืนนี้จะกลับบ้านหรือเปล่า ?" "กลับครับ ! แม่บอกน้านิดอย่าลงกลอนประตูหน้า" "น้านิดกลับมาแล้ว วันนี้กลับเร็ว เดี๋ยวแม่บอกให้" เสียงน้านิดพูดใกล้ ๆ โทรศัพท์ "รุ่งเหรอ ? นี่คืนนี้จะกลับใช่มั้ย ? จะได้ไม่ลงกลอน แล้วไม่ต้องเอาอะไรมาปากระจกห้อง คนกำลังนอนอยู่ นึกว่านกที่ไหนมาบินชนกระจกตอนกลางคืน" เสียงแม่พูดขึ้น "เอ้า ! เธอก็คุยกับเค้าเองแล้วกัน" เสียงน้านิดพูดกรอกมาในสาย "แกจะกลับกี่โมงตามสบาย ชั้นจะไม่ลงกลอน ไม่ต้องหาอะไรมาปากระจก" รุ่งหัวเราะ "ผมเอาอะไรปากระจกซะที่ไหน ผมแค่เอาไม้เต็กกอเคาะ น้านิดขวัญอ่อนไปเอง" "แกมีห้องพักพนักงานอยู่ที่โน่น แล้วแกจะกลับมาทำไมดึก ๆ ? ติดบ้านหรือไง ?" "นอนที่ไหนมันก็ไม่เหมือนนอนที่บ้าน น้านิดมีแม่เป็นพี่สาวรู้สึกไง ?" "หา !" คู่สนทนาปลายทางแตะเบรคไม่ทัน "เกี่ยวอะไรกันกับเรื่องกลับมานอนที่บ้าน ?" "เออน่า ! มันไม่เกี่ยวหรอก แต่ผมอยากจะถามน้านิดไม่ได้เหรอ ?" "งั้นไว้เวลาแกว่าง ๆ ค่อยมาถาม ชั้นจะกลับไปดูละครต่อ" "เฮ่ย... ! อะไร ? น้านิดติดละครตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ไม่ต้องตอบผมหรอก ผมพอเดาออกแล้วว่า แม่รู้สึกยังไงที่มีน้านิดเป็นน้องสาว" เสียงน้าสาวตะโกนกลับมา "อ้ายนี่ เจียะป้าบ่อสื่อ ! กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ อยู่ดี ๆ โทรมาให้ชั้นด่า แล้วแกรู้มั้ยว่าชั้นรู้สึกยังไงที่มีแกเป็นหลาน ?" เสียงหัวเราะของรุ่งดังเข้าไปในสายอย่างชัดเจน "ฮ่า ๆๆๆๆ ! ไม่มีอะไรแล้วน้านิด วางสายก่อน !" เขากดตัดสัญญาณโทรศัพท์ แล้วพักสายตา มองฝ่าสายฝนออกไปยังทุ่งโล่งที่มืดมิด
ชีวิตน้องวิ....วัน ๆ เป็นอย่างไรเขาก็รู้อยู่ ความสงสาร ความเห็นใจ ดึงจิตของเขาเข้าไปรับรู้ความรู้สึกอัดอั้นในใจของญาติผู้น้องอย่างเต็มตัว จู่ ๆ น้ำตาก็พลันเอ่อเต็มขอบตา *************************************************************************** ธรรม์เดินมาถึงที่ลานจอดรถวีไอพีของฟันปาร์ค ซึ่งอยู่ใต้อาคารเมนฮอลล์ ฝนยังโปรยเป็นเม็ดห่าง ๆ ลงมาอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารหนุ่มแห่งไตรสรณ์กดโทรศัพท์มือถือไปยังหมายเลขปลายทาง "เจอกันที่จอดรถนะครับ ผมขอคุยธุระกับรุ่งก่อน" อีกฝ่ายรับทราบเป็นที่เรียบร้อย รุ่งปรากฏตัวในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายสก็อต กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน เดินถือร่มที่หุบแล้วเข้ามาในลานจอดรถ ธรรม์ทักขึ้น "เปลี่ยนเสื้อมาเหรอ ? ว่าไงครับ ? มีเรื่องอะไรให้พี่ช่วย ?" รุ่งหยุดยืน แล้วโค้งหัวให้คู่สนทนา "ขอโทษพี่ธรรม์นะครับ ! รบกวนเวลาดูคอนเสิร์ต" ธรรม์สั่นหัว "เปล่า ! พี่ไม่ได้อยู่ในโดมคอนเสิร์ต พี่กำลังคุยกับเพื่อนที่คาเฟ่ในเมนฮอลล์ มีเรื่องอะไรรุ่ง ว่ามา !" รุ่งพยักหน้า "ผมไม่อยากให้น้องวิไปเรียนที่สก็อตแลนด์" ธรรม์มีสีหน้าประหลาดใจ "หือ ! เรื่องน้องวิ ?" รุ่งเลือกที่จะพูดวัตถุประสงค์ตรงไปตรงมา ไม่ต้องท้าวความให้ยืดยาว "ครับ ! น้องวิต้องถูกส่งไปเรียนที่สก็อตแลนด์ โดยที่น้องวิไม่ได้อยากไป เรื่องนี้คนที่วางแผนก็คืออามัณกับพี่ธรรม์ ผมก็อยากจะมาพูดกับพี่ธรรม์โดยตรงว่า มีทางเลือกอื่นอะไรบ้าง ที่จะเปลี่ยนคำสั่งนี้" ตรงมาก... ! ธรรม์ไม่ทันตั้งตัวกับท่าทีของเด็กหนุ่มคนนี้ ซึ่งที่ผ่านมา จะเป็นฝ่ายรับ และ หลบเลี่ยงมาตลอด แต่ ณ ขณะนี้กลับเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรุก "เอ่อ... จะเรียกว่า คำสั่ง มันก็ไม่ใช่หรอกนะ นี่เป็นการเตรียมอนาคตที่เหมาะสมให้กับน้องวิต่างหาก" รุ่งมีดวงตาที่แข็งกร้าว ไม่กระพริบตา "ไม่ว่าพี่ธรรม์จะเรียกว่าอะไร แต่ผมเรียกว่า คำสั่ง เพราะ มันออกมาจากความคิดฝ่ายเดียว ไม่ใช่การปรึกษา ไม่ได้ถามความชอบของเจ้าตัว สำหรับผม มันคือคำสั่ง พี่ธรรม์เป็นมือขวาของอามัณ ใครคงเปลี่ยนคำสั่งนี้ได้ยาก แต่ไม่ใช่พี่ธรรม์ ถ้าพี่ธรรม์มีทางเลือกที่ดีกว่า อามัณต้องฟังพี่ธรรม์" ธรรม์พยักหน้า "ใช่ ! ถ้าพวกเรามีทางเลือกที่ดีกว่านั้น เราคงเลือกไปแล้ว พี่กับอามัณได้คิดดีแล้ว..." "คิดดีแล้ว.... ! ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ คงใช่ ถ้าทางเลือกมีแค่นั้น ผมเป็นทางเลือกหนึ่งหรือเปล่าครับ ที่จะช่วยอามัณได้ ?" "รุ่งหมายถึงอะไร ?" "ผมหมายถึง หลายปีก่อน อามัณหวังว่าผมจะช่วยไตรสรณ์ได้บ้าง แต่ผม ก็ยังเป็นผมคนเดิม ที่อยากมีชีวิตเป็นผมเอง มาตอนนี้ ไตรสรณ์ก็กลับขาดจ๊อดไปอีกคน ทายาทก็จะเหลือแค่เพียง สามคน คือ น้องวิ ต่อ ต้น ต่อช่วยงานไตรสรณ์อยู่แล้ว ต้นเป็นตัวของตัวเองมาก ยากที่ใครจะบังคับเค้าได้ เหลือน้องวิคนเดียว ที่ดูเหมือน ต้องรับอะไรบางอย่างแทนพี่ชาย" ธรรม์รู้สึกแปลกใจอีกครั้ง ที่รุ่งวิเคราะห์สถานการณ์ได้เหมือนกับคนในไตรสรณ์วิเคราะห์เอง "คุณย่าเล่าเรื่องพวกนี้ให้รุ่งฟังเหรอ ?" รุ่งพยักหน้า "ครับ ! ผมเป็นคนที่ไม่มีหัวในด้านธุรกิจเลย คุณย่าเล่าให้ฟังแต่เรื่องง่าย ๆ ภาพกว้าง ๆ คุณย่าเคยบอกว่าผมเป็นคนสำคัญสำหรับธุรกิจของไตรสรณ์ แต่ผมดูไม่ออกหรอกว่า ผมสำคัญยังไง ถึงจะเล่าให้ผมฟังวันนี้ ผมก็อาจจะยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ ผมอยากจะถามพี่ธรรม์ว่า พี่ธรรม์ยังเห็นว่า ผมเป็นคนสำคัญต่อธุรกิจของไตรสรณ์อยู่หรือเปล่า ? หรือว่า มันหมดอายุไปแล้ว ?" ประโยคสุดท้ายของรุ่ง ทำให้ธรรม์มีรอยยิ้มออกมาได้ "ยัง ! ยังไม่หมดอายุหรอก ! อามัณเองก็ไม่อยากจะบังคับรุ่งให้ทำอะไรที่รุ่งไม่ชอบ คุณย่าก็บอกไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าถ้ารุ่งไม่เต็มใจจะทำอะไร ก็อย่าบังคับ ฉะนั้น พวกเราก็พยายามวางแผนที่เราทำกันเองได้ โดยไม่ได้นำรุ่งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย" รุ่งจ้องหน้าธรรม์ แล้วถามซ้ำ "ตกลง ผมยังสำคัญต่อธุรกิจไตรสรณ์อยู่ใช่มั้ยครับ ?" ธรรม์พยักหน้า "ใช่ ! สำคัญมาก" รุ่งพยักหน้าช้า ๆ "ถ้างั้น.... หากผมเปลี่ยนใจ อยากช่วยธุรกิจไตรสรณ์ พี่ธรรม์คิดว่า อามัณน่าจะดีใจมั้ยครับ ?" ธรรม์ผงะหัว เขาหัวเราะออกมาทันที "ไม่ต้องสงสัยเลยรุ่ง ! คงเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่ดีที่สุดในรอบสามปี" รุ่งถอนหายใจ "ถ้างั้น พี่ธรรม์บอกเรื่องนี้ให้กับอามัณได้เลยครับ ผมอยากช่วยธุรกิจของไตรสรณ์ เพราะพี่ธรรม์เป็นคนเกลี้ยกล่อมผมได้" "หือ ! พี่ไม่ได้เกลี้ยกล่อมอะไรรุ่งเลย" รุ่งพยักหน้า "เพราะพี่ธรรม์แหละครับ ผมถึงเปลี่ยนใจได้ อามัณคงต้องดีใจที่พี่ธรรม์เกลี้ยกล่อมผมได้ แล้วอามัณคงจะไม่ว่าอะไร ถ้าพี่ธรรม์จะขอเปลี่ยนแผน ไม่ส่งน้องวิไปสก็อตแลนด์" ธรรม์อมยิ้ม เขาเข้าใจข้อเสนอของรุ่ง "ก็น่าจะเป็นไปได้ ! ครอบครัวไตรสรณ์ทุกคน จะต้องภูมิใจในตัวรุ่ง" "อันนั้นผมคงไม่สนใจนัก ผมแค่ทำสิ่งที่พี่ชายต้องทำ.....เพราะ ผมเป็นพี่ชายของน้องวิ !" รุ่งก้มลงวางร่มไว้บนพื้น แล้วยกสองมือขึ้นไหว้ธรรม์ "ผมขอบคุณพี่ธรรม์นะครับ ที่ช่วยน้องวิ" นักธุรกิจหนุ่มยกมือขึ้นปัดมือรุ่งเบา ๆ "ไม่ต้องไหว้ ! พี่ต่างหาก ต้องขอบคุณรุ่ง" รอยยิ้มเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าของรุ่ง เขาสูดหายใจลึก ๆ "งั้นผมไม่รบกวนพี่ธรรม์แล้วครับ หลังจากนี้ ผมจะขอเข้าพบกับอามัณเอง ผมไปก่อนครับ" เขายกมือไหว้ ก้มตัวลงหยิบร่ม แล้วเดินออกมาจากลานจอดรถ ลมหายใจที่สูดเข้าได้ลึกขึ้นจนเต็มปอด ทำให้สมองกลับมาปลอดโปร่งได้อีกครั้ง หวังว่าคืนนี้ สิ่งที่เขาตัดสินใจไป คงแก้ปัญหาให้กับญาติผู้น้องได้ การให้อิสระกับคนคนนึง มันเป็นของขวัญที่มีค่ามากกว่าทรัพย์สินเงินทองใด ๆ ปัญหาเฉพาะหน้าคงผ่านไปได้แล้ว ปัญหาระยะยาว... การต้องตอบสนองความต้องการของธุรกิจไตรสรณ์ ค่อยไปว่ากันในวันต่อไป รุ่งกางร่มขึ้น ชะเง้อดูท้องฟ้า แล้วก้าวออกมาจากชายคาลานจอดรถ หญิงสาวในชุดกระโปรงเหนือเข่าสีเขียวสด ถือร่มบังฝนคันเล็ก กำลังเดินลงมาจากบันไดเมนฮอลล์ รูปร่างของเรียวขาที่คุ้นตา รุ่งใช้เพียงหนึ่งแว่บของสายตา ก็รู้ว่า เจ้าของเรียวขานี้คือใคร เขาตัดสินใจเบี่ยงตัวหลบเข้าไปที่ข้างกำแพงตึก เสียงรองเท้าผู้หญิงกระทบพื้น กำลังผ่านมาทางนี้ สาวในชุดเสื้อแขนกุดสีเขียวถือร่มเดินผ่านไปแล้ว หอบลมที่กรุ่นกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ลอยมาปะทะที่จมูก "ชิบหาย ! เป็นเค้าได้ไง ?" รุ่งก้าวเท้าออกมาจากกำแพง แล้วร้องทัก "คุณหงส์ !" สาวในชุดเขียว หยุดเดิน แล้วหันกลับมา "พี่รุ่ง ! พี่รุ่งโผล่มาจากไหนคะ ?" แสงไฟจากอาคารที่ลอดผ่านผนังร่ม ทำให้รุ่งเห็นหน้าของสาวที่ยืนอยู่อย่างชัดเจน "แล้วคุณหงส์ล่ะ ไปโผล่ที่โน่นได้ยังไง ?" "หงส์ไปกับคุณธรรม์ค่ะ ว่าจะเดินไปทักพี่รุ่ง แต่เห็นว่าพี่รุ่งควงสาวมาด้วย เลยไม่ดีกว่า" รุ่งพยักหน้าเข้าใจ "ก็เลยดอดมายืนข้างหลัง ?" หงส์ในชุดเขียวขยับตัวก้าวเท้าเข้าไปอีกหนึ่งก้าว จนกรอบร่มของเธอ ชนกับกรอบร่มของรุ่ง "ผิดหวังเหรอคะ ที่พอหันกลับมากลายเป็นหงส์ ?" รุ่งสั่นหัว "เปล่า ! มันมืด ผมไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร แต่รู้ว่าไม่ใช่เพื่อนผมแน่ ๆ" "ทำไมไม่บอกกับเค้าเป็นภาษาไทยล่ะคะ ? หรือว่าเค้าเป็นคนจีน ?" รุ่งสั่นหัว "เปล่า ! ไม่ใช่ยังงั้น คือ.... เอ๊ะ... คุณหงส์พูดได้กี่ภาษากันแน่ ?" หงส์น้อยอมยิ้ม "แล้วพี่รุ่งล่ะคะ พูดได้กี่ภาษากันแน่ ? พี่รุ่งเป็นคนเริ่มพูดก่อนนะ ไม่ใช่หงส์" ทำไมผู้หญิงคนนี้ ต้องตอบคำถาม ด้วยการตั้งคำถามกลับ ? น้ำหอมกลิ่นนั้นปลิวมาแตะจมูกเขาซ้ำอีกครั้ง มันคงจะไม่สุภาพ หากเขาจะขยับตัวเข้าหาเธออีกสักหน่อย เพื่อสูดกลิ่นน้ำหอมให้ใกล้กว่านี้ "คุณหงส์กำลังจะไปไหนครับ มาเดินกลางฝนแบบนี้ ?" "หงส์จะไปลานจอดรถใต้ตึกค่ะ นัดคุณธรรม์ไว้ที่นั่น" รุ่งรีบผงกหัว "อ้อ ! งั้นไม่รบกวนครับ เชิญตามสบายครับ เดี๋ยวผมต้องรีบกลับไปดูพลุ" รุ่งผงกหัวซ้ำอีกครั้ง แล้วหันหลัง เดินผละออกมา เขาก้าวเท้าไปได้สองก้าว แล้วหันหลังกลับอีกครั้ง "ภาษาจีนที่คุณหงส์ตอบตอนนั้น มันแปลว่าอะไรครับ ?" หงส์น้อยหันหลังกลับมา แล้วอมยิ้ม "ฟังภาษาจีนไม่ออก แล้วกลับไปขอคนอื่นแต่งงานด้วยภาษาจีนเหรอคะ ? เดี๋ยวจะส่งข้อความไปให้ แล้วลองหาความหมายดูเอง" "มีเบอร์ผมเหรอครับ ?" "ไม่เป็นไรค่ะ ! เดี๋ยวใช้มือถือคุณธรรม์ส่งให้" "โอเค !" เขาโค้งหัวให้เธออีกครั้ง แล้วหันหลังกลับ *************************************************************************** หงส์เดินเข้าชายคาลานจอดรถของตึก เธอหุบร่มคันเล็ก ธรรม์ยืนอมยิ้มอยู่ที่หน้ารถออดี้สีขาวของเขา หงส์ทักขึ้น "อารมณ์ดีเรื่องอะไรเหรอคะ ?" ธรรม์ถามหงส์กลับด้วยสีหน้าที่เปื้อนยิ้ม "คุณหงส์เคยเจอรุ่งกี่ครั้ง ?" "สามครั้งค่ะ !" "ชอบรุ่งมั้ย ?" ผู้ถูกถามกระพริบตา ไม่เข้าใจเจตนาของผู้ถาม ธรรม์พยักหน้าให้กับตัวเอง "ผมชอบรุ่ง !" หงส์เอียงคอ "เพราะอะไรเหรอคะ ?" "เพราะได้อยู่ใกล้เค้ามากขึ้นมั้ง วันนี้ผมได้รู้จักรุ่งมากขึ้น เค้านี่แหละเป็นคนสำคัญจริง ๆ ไม่ใช่สำคัญเพราะคนอื่นคาดหวังไปเอง แต่ เค้ามีอะไรบางอย่างที่ผู้ชายที่ดีควรมี" "อะไรเหรอคะ ?" ธรรม์สั่นหัว "ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเรียกว่าอะไร แต่มันเรียกเป็นคำรวม ๆ ได้ว่า ลูกผู้ชาย" หงส์พยักหน้า "คุณธรรม์เห็นว่า พี่รุ่งเป็นลูกผู้ชาย ?" ธรรม์หัวเราะ "ใช่ ! ไม่รู้คุณหงส์จะเข้าใจหรือเปล่านะ แต่ผู้ชายแบบนี้แหละ ที่ผมเรียกได้เต็มปากว่า ลูกผู้ชาย" สาวชุดเขียวรู้สึกขำ เธอหัวเราะเบา ๆ คำว่า 'ลูกผู้ชาย' ของเธอนั้น มีนิยามที่ง่ายมาก คือ หนึ่ง พี่ชายร่วมสายเลือด สอง พี่หลง และ สาม... !!! *************************************************************************** 1 <อ่านหน้า > 3 , 4
|
|||||||